หยางเวยจ้องมองหยางเฉิน แล้วพูดอย่างตั้งใจว่า “หลังจากนี้คุณหยางจะประกาศไปว่า คุณเป็นคนตระกูลหยางแห่งเมืองโจวเฉิง”
“ฮ่าๆ !”
หยางเฉินหัวเราะลั่น แล้วก็แกล้งพูดเล่นๆ ว่า “คุณกลับไปถามหยางเซี่ยงหมิง ว่าจะให้ผมป่าวประกาศให้ทั่วเลยไหม ว่าเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเป็นกิจการของตระกูลหยางแห่งเมืองโจวเฉิงด้วย”
พอได้ยินว่าหยางเฉินเรียกปู่ตนเองตรงๆ แบบนี้ หยางเวยก็เผยสายตาลึกๆ อะไรบางอย่าง แต่สีหน้ายังคงแกล้งทำเป็นกลัว แล้วรีบพูดว่า “เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเป็นกิจการของตระกูลอวี่เหวิน”
“กิจการของตระกูลอวี่เหวินงั้นหรือ?”
หยางเฉินก็หัวเราะ “ตระกูลหยางของคุณไม่กล้าฮุบเอาของ ของตระกูลอวี่เหวิน แต่กล้าอยากได้ของของผมงั้นหรือ?”
พูดถึงคำหลัง หยางเวยก็ทำตาหยีลง หยางเวยแยกไม่ออกว่าหยางเฉินดีใจหรือโกรธ ได้แต่พูดไปว่า “คุณหยางครับ อย่าเข้าใจผิดไปนะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาร้าย แค่อยากร่วมมือกับคุณเท่านั้น จะได้ชนะไปด้วยกัน เพราะถึงอย่างไร คุณในตอนนี้ก็ได้ถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลอวี่เหวินแล้ว”
หยางเฉินก็เพิ่งเข้าใจขึ้นมา ว่าทำไมทั้งทั้งที่ตระกูลหยางรู้ตัวตนที่แท้จริงของตนเองแล้ว ยังกล้าพูดแบบนี้อีก ที่แท้ก็เนตอนที่หยางเฉินและแม่ถูกขับออกจากตระกูลอวี่เหวินเมื่อ10กว่าปีก่อน
“หยางเวย กลับไปบอกกับหยางเซี่ยงหมิงว่า แค่ตระกูลหยาง ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะร่วมงานกับผม ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับตระกูลหยาง เป็นได้เพียงเจ้านายกับลูกน้องเท่านั้น ส่วนผม ก็คือเจ้านาย”
สายตาของหยางเฉินก็เฉียบแหลมขึ้นมาทันใด “ถ้าอยากให้ตระกูลหยางพัฒนาไปอีกขั้นล่ะก็ ก็ต้องทำตามคำสั่งของผมให้ดี ถ้าคิดแต่จะเล่นงานผม ก็ให้ล้มเลิกความคิดนั้นเสีย อย่าหาเรื่องใส่ตัว”
คำพูดนี้ของหยางเฉิน ช่างบาตรใหญ่มาก ไม่เอาตระกูลหยางไว้ในสายตาเลย
ทำให้ในใจหยางเวยไม่พอใจ สายตาก็เผยความโกรธออกมา แต่พอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในงานเลี้ยงตระกูลกวน เขาก็ได้แต่เก็บความโกรธนั้นไว้
“คุณหยางวางใจเถอะครับ คำพูดของคุณ ผมจะไปบอกคุณปู่โดยไม่ให้ตกหล่นเลยสักคำ” หยางเวยพูดเสียงต่ำ
หยางเวยก็มองเขานิ่งๆ แล้วก็รีบเปิดประตูรถออกไป
พอหยางเฉินเข้าไปยังเขตบ้านของตระกูลฉิน หยางเวยก็เอาโทรศัพท์มาโทร “ปู่ครับ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ปฏิเสธอย่างชัดเจน แต่ดูจากคำพูดคำจา ไม่เห็นตระกูลหยางของพวกเราอยู่ในสายตาเลย แถมยังเตือนพวกเราว่าอย่าหาเรื่องใส่ตัวด้วย”
“เหอะ!”
หยางเซี่ยงหมิงได้ยินดังนั้น ก็โมโห “บ้าบอจริงๆ ถ้ามึงกลับมาที่ตระกูลอวี่เหวินได้ บางทีกูอาจจะยอมมึง ก็แค่ลูกนอกคอกที่ถูกขับออกจากตระกูลอวี่เหวินไป ถือดีอย่างไรให้กูไปยอมก้มหัวให้?”
“คุณปู่ครับ แล้วพวกเราจะทำอย่างกันต่อไปครับ?” หยางเวยถาม
“ถือสะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะเป็นอย่างไรก็ตามนั้น หุ้นของบริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอ49%ก็ให้มันไปฟรีๆ แล้ว จะยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ได้”
หยางเซี่ยงหมิงพูดเสียงต่ำว่า “ไม่ว่าอย่างไร มันก็ยังมีเยี่ยนเฉินกรุ๊ปอยู่ในมือ ขอเพียงมันยังไม่ได้หักหน้ากับตระกูลอวี่เหวินเสียหมดสิ้น งั้นพวกเราก็ยืมมือของมันมาช่วยขยายกิจการตระกูลหยางของเรา”
“ในเมื่อไอ้หมอนี่ไม่ได้มีใจคิดที่จะสร้างตระกูลเอง งั้นพวกเราก็อาศัยจังหวะที่ข่าวการล่มสลายของตระกูลกวนยังไม่ได้แพร่ออกไป ก็ไปฮุบเอากิจการของตระกูลกวนเสียเลย”
“ครับ คุณปู่!” หยางเวยตอบ
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว หยางเฉินก็เดินอ่อนแรงมาที่ห้องนอน
เขาเพิ่งผลักประตูไป ก็เห็นว่าไฟหัวนอนเปิดอยู่ เสี้ยวเสี้ยวหลับไปแล้ว แต่ฉินซียังไม่หลับ ยังนั่งพิงหัวเตียงอยู่
“ทำไมคุณยังไม่นอนล่ะ?” หยางเฉินถามเบาๆ
ฉินซีไม่ได้สนใจหยางเฉิน ดวงตาที่สวยดั่งดอกท้อก็จ้องมองหยางเฉินหัวจรดเท้า เหมือนกับกำลังดูให้มั่นใจว่าหยางเฉินไม่ได้บาดเจ็บ แล้วก็เอนหลังนอนลงไป
พอเห็นว่าฉินซีไม่สนใจตนเอง หยางเฉินก็รู้เหตุผล
แต่ว่าเขาไม่มีวิธีอธิบายให้เข้าใจ ถ้าหากว่าอธิบายไปแล้ว เรื่องที่เสี้ยวเสี้ยวถูกจับตัวไปก็จะถูกเปิดเผย ฉินซีก็จะต้องเป็นห่วงมากแน่
หยางเฉินก็ยิ้มแหยๆ พอไปอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว ก็มุดเข้ามาในผ้าห่ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...