เจียงสยงก็สัมผัสได้เหมือนกัน เขาพยักหน้าเบาๆ พูดด้วยสีหน้าสับสน “แค่หลังจากตระกูลหลินเกิดการเปลี่ยนแปลง บางทีอาจเรียกว่าตระกูลหลินได้เต็มปาก”
ถึงในเมืองกษัตริย์กวน จะมีสี่ตระกูลใหญ่ แต่หลายปีมานี้ เพราะอาการป่วยของหลินเทียนเสียง หนักขึ้นเรื่อยๆ ลูกและแต่ละฝ่าย ต่างช่วงชิงกันไม่หยุด จนทำให้พละกำลังของตระกูลหลินลดลงมาก
เรียกได้ว่า ตระกูลหลินในตอนนี้ ไม่ได้มีพละกำลังไร้เทียมทาน ในสามตระกูลใหญ่แล้ว
“คุณหยาง เราจะเข้าไปไหม”
เจียงสยงลังเลเล็กน้อย หันไปมองหยางเฉินแล้วถามขึ้น
หยางเฉินพูดอย่างลึกซึ้ง “บางที เราอาจช่วยเจ้าบ้านหลินได้นิดหน่อย ไปกันเถอะ!”
“ครับ!”
เจียงสยงพาหยางเฉินเดินเข้าไป ขณะทั้งสองกำลังจะเข้าไปในตระกูลหลิน โดนผู้คุ้มกันสองคน ขวางทางเอาไว้
“ฉันเจียงสยง ผู้นำตระกูลเจียง ท่านนี้คือคุณหยาง เรามาเยี่ยมเจ้าบ้านหลิน รบกวนช่วยไปแจ้งด้วย!”
เจียงสยงเอ่ยขึ้น
“เจ้าบ้านเจียง ขอโทษเป็นอย่างยิ่ง เจ้าบ้านหลินเสียชีวิตแล้ว ตระกูลหลินต้องจัดงานศพผู้นำ จึงไม่ต้อนรับแขกชั่วคราวครับ”
เมื่อรู้ตัวตนของเจียงสยง ผู้คุ้มกันมีสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้คุ้มกัน หยางเฉินกับเจียงสยงถึงกับอึ้ง
“เจ้าบ้านหลิน เสียชีวิตแล้วงั้นเหรอ เกิดขึ้นตอนไหน”
หลังทั้งสองมองหน้ากัน เจียงสยงจึงถามขึ้น
“ผู้นำป่วยหนักมาหลายปี วันนี้ตอนเช้า ประกาศว่าป่วยอันตรายถึงชีวิต จากนั้นหลินเฮ่าก็พาผู้นำไปหาหมอ ตอนกลับมา ผู้นำก็เสียชีวิตแล้ว”
ผู้คุ้มกันพูดตามความจริง
ผู้คุ้มกันดูเหมือนไม่ได้พูดโกหก และไม่จำเป็นต้องทำด้วย งั้นแสดงว่า หลินเทียงเสียงแกล้งทำเป็นตาย
ไม่นาน หลินเทียงเสียงเดาเจตนาของหลินเทียนเสียงได้
ถึงเจียงสยงเดาเจตนาของหลินเทียนเสียงได้ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา มองหยางเฉินเหมือนสอบถาม
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเราค่อยมาเยี่ยมวันอื่นแล้วกัน!”
หยางเฉินยิ้มบางๆ จากนั้นจึงหันหลังเดินขึ้นรถ
“ออกรถ!”
หลังเจียงสยงขึ้นมาบนรถ ก็พูดสั่งคนขับรถ
รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป เจียงสยงถามขึ้นมาว่า “คุณหยาง เราจะกลับจริงเหรอ”
หยางเฉินส่ายหน้า “จอดตรงทางหลวงข้างหน้า คุณกลับไปก่อน”
เจียงสยงเข้าใจทันทีว่าหยางเฉินจะทำอะไร แต่ก็ไม่กล้าถามมาก จึงพูดตอบว่า “ครับ!”
กว่าจะถึงทางหลวง ยังอีกพักหนึ่ง จู่ๆ หยางเฉินถามว่า “คุณบอกว่า ตอนหลินเทียนเสียงยังหนุ่ม เคยอยู่ที่เมืองเหมียวระยะหนึ่งใช่ไหม”
การที่พวกเขามาตระกูลหลิน เพราะเจียงสยงบอกหยางเฉินว่า หลินเทียนเสียงเคยอยู่ที่เมืองเหมียวระยะหนึ่ง
หยางเฉินเคยเป็นผู้รักษาดินแดนเหนือ ถึงแม้จะออกมาแล้ว แต่เขายังคงต้องปกป้องจิ่วโจว
เรื่องที่เกิดในตระกูลเจียงวันนี้ ทำให้เขารู้สึกถึงอันตราย
คนของเผ่าเหมียว ปลอมเป็นหัวหน้าสาม พยายามจะควบคุมอำนาจตระกูลเจียง ก่อนเหมียวเจิ้งเฟิงจะตาย ก็พูดเพียงว่า เขามาเพราะคำสั่งอาจารย์
อีกทั้งตระกูลเจียง ไม่เคยรู้จักกับคนของเมืองเหมียว นั่นแสดงว่า เมืองเหมียวกำลังวางแผนอะไรสักอย่าง
อีกทั้งในตระกูลคิงเซว มีกุ่ยเจี้ยนโฉวคนของเมืองเหมียว โผล่มาด้วย
ขนาดหยางเฉิน ยังโดนกุ่ยเจี้ยนโฉวเล่นงานมาแล้ว
ความมั่นคงของสี่แดนในจิ่วโจว สี่ราชวงศ์ และตระกูลเดอะคิงทั้งห้า เป็นสิ่งสำคัญกับจิ่วโจวมาก
ครั้งนี้ที่เขามาเมืองกษัตริย์กวน ผู้อาวุโสเฝิงถึงให้ต่งจ้านกังติดตามมาด้วย เพราะกังวลว่าเขาจะทำเป็นเรื่องใหญ่ และจัดการไม่ได้
ถ้าเมืองเหมียวโลภอยากเอาเมืองกษัตริย์กวน นั่นจะเป็นภัยแฝงขนาดใหญ่ของเมืองหลวง ดังนั้นหยางเฉินต้องรู้เรื่องคนของเมืองเหมียวให้แน่ชัด ว่ามาโผล่ในเมืองกษัตริย์กวนทำไม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...