บทที่471 ตั้งแต่นี้ไปอาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
เสียงดังของรถโรงพยาบาลใกล้เข้ามามากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนฟางหยีนั้นก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองยิ่งเลือนรางมากยิ่งขึ้นด้วย
“อะซาน.......”
.........
“เป็นอะไรหรือ?”
บนรถไฟขบวนด่วนแบบธรรมดา
มองดูชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าต่าง ที่จู่ๆก็เอามือจับอยู่ตรงหน้าอก แล้วมีอาการหนาวสั่นขึ้นมา
หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรหรอก แค่รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วน่ะ แปลกจัง!”
ชายหนุ่มฝืนยิ้ม
หลังจากนั้นจึงหันกลับมาหาหญิงสาว : “ใช่แล้ว อันนี้เธอเก็บเอาไว้ให้ดี กลับไปถึงจินหลิงแล้ว เธอจัดการหาที่พักให้เรียบร้อยแล้วก็หางานทำก่อน เงินในบัตรนี้พอสำหรับค่าอาหาร เสื้อผ้าโดยที่เธอไม่ต้องกังวล!”
ชายหนุ่มยื่นบัตรธนาคารใบหนึ่งให้กับหญิงสาว
“เสี่ยวเกอ ฉันรับเอาไว้ไม่ได้ ตอนนี้นายกำลังต้องการเงินมากที่สุด ฉันหางานทำได้ ใช้ชีวิตแบบนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว!”
แต่หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่คนอื่น เธอคือหม่าเสี่ยวหนาน
ตอนนั้นเองหม่าเสี่ยวหนานรีบเอาบัตรคืนให้เฉินเกอ
“ใช่เสี่ยวเกอ เธอต้องการเงินมากกว่าพวกเรา เธอช่วยชีวิตฉัน ถ้าจะให้ พวกเราต่างหากที่จะต้องให้เงินกับเธอ!”
คุณแม่ของหม่าเสี่ยวหนานเอ่ยพูดขึ้นเช่นกัน
“เหอๆ ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ในส่วนที่ผมต้องใช้เงินนั้นไม่เยอะหรอก ทำอะไรมาตั้งมากมายขนาดนี้แล้ว.....เหอๆ!”
เฉินเกอยิ้มเจื่อนๆ
“เป็นอะไรไปเสี่ยวเกอ? แล้วก็นายยังไม่บอกฉันเลยนะว่าทำไมนายกับตระกูลเฉินถึงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว?”
หม่าเสี่ยวหนานเอ่ยขึ้นถามด้วยความกังวล
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องนี้เสี่ยวหนานเธออย่ารู้เลยจะดีกว่า!”
เฉินเกอตีลงบนศีรษะของหม่าเสี่ยวหนานเบาๆ
กลับมาที่จินหลิงครั้งนี้ เฉินเกอไม่เพียงแค่ต้องการจะมาหาเพื่อนเก่าที่เคยรู้จักเท่านั้น ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เขาต้องทำ......
ส่วนเรื่องเงินสำหรับตัวเองแล้วนั้น กลับเป็นสิ่งที่เป็นภาระอย่างหนึ่งเสียด้วยซ้ำ
คิดดูแล้ว ชีวิตคนเรานี่ก็น่าประหลาด
เมื่อก่อน ก็นั่งรถไฟสีเขียวมายังจินหลิง คิดว่าถึงจินหลิงแล้ว ตัวเองจะมีทัศนคติอีกแบบหนึ่งกับการใช้ชีวิตใหม่ในมหาวิทยาลัยได้
ไม่ต้องเหมือนตอนที่อยู่มัธยมปลาย ที่ใช้ชีวิตอยู่ในความน้อยเนื้อต่ำใจกับการที่ตัวเองไม่มีเงินตลอดทั้งวัน
แต่เมื่อถึงตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยแล้วนั้นกลับพบว่า ไม่มีเงินจะไปที่ไหนก็ไม่ได้ต่างกันเลย
ตอนนั้น ตัวเองคาดหวังที่จะมีเงิน รอให้มีเงินแล้ว ตัวเองก็ใช้ชีวิตในแบบของตัวเองอย่างแน่นอน ไปที่ไหนก็จะมีคนยกยอ
แต่ต่อมา จู่ๆที่มีเงินขึ้นมาแล้วนั้น แต่เฉินเกอพบว่าตัวเองก็ไม่ต้องทำเป็นอวดรวยไปทั่วแบบนั้น
เนื่องจากไม่มีความปรารถนานั้นแล้ว เขาก็ยังอยากที่จะใช้ชีวิตธรรมดาๆ อยู่ด้วยกันกับซูมู่หานต่อไปเรื่อยๆ แล้วหลังจากนั้นก็แต่งงานกัน มีลูกซักคน ทางที่ดีที่สุดคือหญิงคนชายคน ใช้ชีวิตอย่างไร้ความทุกข์กังวลใดๆ
ตอนนี้ซูมู่หานจากไปแล้ว ชีวิตของทายาทเศรษฐี ก็เหมือนกับเป็นความฝันที่ไม่มีอยู่แล้วอย่างไรอย่างนั้น
แต่ที่แปลกก็คือ ตอนนี้เรื่องเงินสำหรับเฉินเกอนั้นไม่ได้มีความปรารถนาอยากได้ขนาดนั้นอีกแล้ว
“เสี่ยวเกอ นายเปลี่ยนไป!”
จู่ๆหม่าเสี่ยวหนานก็เอ่ยขึ้นมา
“อา? ฉันเปลี่ยนไป?”
เฉินเกอเก็บความคิดของตัวเองไป
“อืม พอฉันได้เห็นนาย ก็รู้แล้วว่านายไม่เหมือนเมื่อก่อน! แต่มีอย่างนึงที่นายไม่เปลี่ยน นั่นก็คือมิตรภาพที่นายมีให้กับฉันไม่เปลี่ยนไปเลย นายยังคงดีกับฉันอยู่เหมือนเดิม!”
หม่าเสี่ยวหนานกล่าว
“แน่นอน ก็เธอเป็นเพื่อนสนิทของฉันนี่!”
“ถ้าอย่างนั้นเสี่ยวเกอ ถ้าหากนายเห็นฉันเป็นเพื่อนของนาย บอกฉันได้ไหม ว่านายไปเจอเรื่องอะไรมา นายมีเรื่องที่เก็บไว้ในใจมากเหลือเกิน! ฉันรู้ว่านายไม่ใช่ทายาทเศรษฐีที่มีหน้ามีตาแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว กลับมาที่จินหลิง ความรู้สึกของนายก็จะไม่เหมือนเดิม แต่ ไม่ว่านายจะใช่ทายาทเศรษฐีหรือเปล่า ฉันก็เห็นนายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันอยู่แล้ว นายไม่พูด ฉันเองก็จะไม่ถาม แต่พวกเราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันทั้งคู่!”
หม่าเสี่ยวหนานยิ้มพลางเอยขึ้น
“เพราะฉะนั้น เงินนี่ฉันรับไว้ไม่ได้ นายเก็บเอาไว้เถอะ กลับมาตั้งตัวที่จิงหลิงได้! ฉันจะเป็นผู้ช่วยนายเอง!”
หม่าเสี่ยวหนานเอาบัตรนั้นตีลงบนมือของเฉินเกออีกครั้ง
“เงินนี่ ฉันไม่ได้ใช้มันจริงๆ อีกทั้งหลังจากนี้ไป ฉันก็ยังไม่รู้ว่าจะกลับมาได้หรือเปล่า!”
เฉินเกอยิ้มเจื่อนๆ
“นายหมายความว่าอะไร? หลังจากนี้นายวางแผนไว้จะทำอย่างไรต่อ?”
หม่าเสี่ยวหนานเอ่ยถามขึ้นอย่างใจหาย
“ไม่เป็นไรหรอก บอกไปเธอจะกลัวเสียเปล่าๆ อย่าถามเลยนะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!