ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! นิยาย บท 901

สรุปบท บทที่ 901 ป้ายเส่ส้า: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 901 ป้ายเส่ส้า – ตอนที่ต้องอ่านของ ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

ตอนนี้ของ ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! โดย Light-Knight ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 901 ป้ายเส่ส้า จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 901 ป้ายเส่ส้า

“พวกคุณนั่งรอที่นี่ก่อน ผมขอตัวไปดูก่อนว่าเป็นยังไง!”

หลังจากที่เฉินเกอสั่งเล๋ยเล่กับเจินจีเรียบร้อยแล้ว ตัวเขาเองจึงได้เดินไปที่โต๊ะอาหารที่ผู้ชายทั้งสี่คนนั้นนั่งอยู่

เฉินเกอจงใจหยิบจานใบหนึ่งขึ้นมา แล้วเดินไปใกล้พวกเขาจากนั้นเริ่มลงมือตักอาหารขึ้นมา

เวลานี้นี้เอง เฉินเกอแกล้งไม่ระวัง ชนแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะให้ล้มลง

เมื่อแก้วหล่นลงไปที่พื้นแล้ว ทำให้น้ำในแก้วกระเด็นออกมาจนหมด

“ขอโทษครับ ขอโทษครับ!”

เฉินเกอรีบเก็บแก้วขึ้นมาแล้วหันไปขอโทษผู้ชายทั้งสี่คนนั้น

หนึ่งในผู้ชายทั้งหมดนั้นได้ยื่นมือมารับแก้วที่เฉินเกอยื่นมาให้

“ไม่เป็นไร ระวังหน่อยก็แล้วกัน!”

ผู้ชายคนนั้นพูดออกมาเบาๆ

แต่ ณ เวลานี้นี้เอง เฉินเกอได้สังเกตเห็นจุดเด่นข้อหนึ่ง

นั่นก็คือข้อมือของชายคนนี้มีรูปภาพรอยสัก

หลังจากนั้น เฉินเกอก็ได้กลับไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวของตัวเขาเองอีกครั้ง

เมื่อนั่งลงมาแล้ว สีหน้าของเฉินเกอเปลี่ยนไปไม่สู้ดีนัก

“เฉินเกอ เป็นอะไรเหรอ?ค้นพบอะไรหรือเปล่า?”

เจินจีเห็นสีหน้าของเฉินเกอไม่สู้ดีนัก จึงรีบเอ่ยปากถามขึ้นมา

“อืม คนพวกนี้ไม่ใช่คนธรรมดา เป็นคนขององค์กรนักล่า!”

หลังจากนั้น เฉินเกอพูดเสียงเบาออกมา

“นักล่าเหรอ? ที่แท้เป็นพวกเขานั่นเอง ไม่อยากเชื่อว่าพวกเขาก็มาเหมือนกัน”

หลังจากที่เจินจีได้ยิน รู้สึกตกตะลึงมาก

“อะไรคือนักล่าเหรอ?”

เล๋ยเล่ที่นั่งอยู่อีกข้างหนึ่งถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

นักล่า:คือองค์กรที่เชี่ยวชาญในการล่าผีและวิญญาณ พวกเขามีอุปกรณ์ที่พิเศษในการตรวจจับผีและวิญญาณว่าอาศัยอยู่ตรงไหนกันบ้าง

“คนพวกนี้มาหาดินแดนของคนเผ่าเส่ส้า ถ้าคิดไม่ผิดคงจะมาตามหาป้ายเส่ส้าเป็นแน่”

เฉินเกอรู้จุดประสงค์การมาของนักล่าพวกนี้ทันที

ถ้าเกิดว่าป้ายเส่ส้าตกอยู่ในมือของนักล่า ผลที่ตามมาคงหายนะแน่ พวกเขาก็จะสามารถควบคุมผีและวิญญาณบนโลกใบนี้ได้ ถึงเวลานั้นคงจะรับมือกับมันยาก

ดังนั้น เฉินเกอไม่ยอมให้พวกเขาสมหวังเด็ดขาด

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราควรทำยังไงดี?หรือว่าพวกเราชิงลงมือฆ่าพวกเขาทิ้งก่อน?”

เจินจีรีบเสนอแนะเฉินเกอทันที

แต่เฉินเกอกลับส่ายหัวไม่เห็นด้วย

“ไม่ได้ นี่เป็นเพียงนักล่าแค่สี่คนเท่านั้น ถ้าลงมือโดยพลการ กังวลว่าอาจทำให้องค์กรนักล่าทั้งองค์กรเกิดการล้างแค้นขึ้นได้ ซึ่งมันจะไม่เป็นผลดีต่อเรา พวกเราคอยสังเกตพวกเขาในที่ลับก่อนดีกว่า”

เฉินเกอปฏิเสธข้อเสนอของเจินจีทันที แล้วทำการตัดสินใจออกมา

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเกอ เจินจีได้แต่ทำตามที่เฉินเกอสั่ง

หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว เฉินเกอทั้งสามคนต่างแยกย้ายกลับห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อน

ถึงแม้จะพูดว่ากลับห้องไปพักผ่อน แต่เฉินเกอกลับไม่ยอมพัก เขานั่งปฏิบัติธรรมเพื่อให้วิญญาณตัวเองออกจากร่าง และเข้าสู่สภาวะถอดวิญญาณออกจากร่างทันที

เมื่อเข้าสู่สภาวะถอดวิญญาณออกจากร่างแล้ว เฉินเกอก็รีบออกจากร่างเพื่อไปตามหา

และแน่นอน ณ เวลานี้นี่เอง มีเงาทั้งสี่ดึงดูดความสนใจของเฉินเกอ

ซึ่งสี่คนนั้นก็คือนักล่าทั้งสี่ที่เจอกันในร้านอาหารนั่นเอง

เวลาดึกขนาดนี้แล้ว นักล่าทั้งสี่คนนี้ได้แอบเดินออกไปจากโรงแรม และยังเดินเข้าไปในที่มืดอีกด้วย

เฉินเกอคิดว่าต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน จึงเดินตามหลังพวกเขาไป

หลังจากที่เดินตามประมาณสามสีนาที นักล่าทั้งสี่ได้มาถึงในป่าลึกแห่งหนึ่ง

เห็นมีชายคนหนึ่งใส่ชุดคลุมยืนอยู่ในป่าแห่งนี้เพื่อรอการมาของนักล่าทั้งสี่ และดูแล้วเหมือนจะลึกลับมาก

“หัวหน้า!”

“โฮ้ง!”

แสดงกำลังภายในฝ่ามือออกไป

เฉินเกอทำให้นักล่าทั้งสี่กระเด็นตัวกระจายออกไปทันที

แต่ว่ากลยุทธ์นี้ไม่ได้ฆ่าพวกเขาทั้งสี่ให้ตาย

“ผี!”

นักล่าทั้งสี่ร้องออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะเจอผีที่นี่

เนื่องจากตัวตนของเฉินเกอตอนนี้เป็นผี ซึ่งไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขา

“ลงมือพร้อมกันเลย!”

หนึ่งในนักล่านั้นตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

เพื่อพูดจบ นักล่าทั้งสี่ได้หยิบกริชของตัวเองที่พกติดตัวไว้ออกมา จากนั้นลงมือโจมตีไปที่เฉินเกอ

ฝีมือของนักล่าเก่งกล้ากว่าบุคคลธรรมดาทั่วไปอยู่แล้ว เพราะว่าพวกเขาเป็นนักล่าที่ไล่ล่าผีและวิญญาณ

แต่พวกเขาเมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนแล้วก็จะมีความแตกต่างกันมาก

แต่เฉินเกอนั้นไม่ได้มีความเกรงกลัวพวกเขาสี่คนเลย

ความเร็วของเฉินเกอเร็วกว่าพวกเขามาก หลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว

วินาทีต่อมา เฉินเกอได้ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของนักล่าแล้ว และยื่นมือออกไปบีบคอของเขาโดยตรง

ใช้แรงบีบมันลงไป

“คะชา!”

เสียงกระดูกหักดังขึ้นมาอย่างชัดเจน

ใช่แล้ว เฉินเกอบีบคอของนักล่าหักอย่างง่ายดาย

หลังจากนั้น เฉินเกอได้โยนร่างของนักล่าคนนี้ออกไปไว้อีกข้าง เหมือนโยนเศษขยะ

เมื่อเห็นเพื่อนร่วมองค์กรของตัวเองตาย นักล่าอีกสามคนรู้สึกตกใจมาก พวกเขาคิดไม่ถึงว่าฝีมือของเฉินเกอจะเก่งกล้าขนาดนี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!