บทที่ 906 ช่วยคน – ตอนที่ต้องอ่านของ ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!
ตอนนี้ของ ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! โดย Light-Knight ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 906 ช่วยคน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 906 ช่วยคน
จนกระทั่งดึกไม่มีผู้คนแล้ว ทั้งสามคนจึงได้กลับไปนอนในเต็นท์
ทั้งสามคนนอนในเต็นท์เดียวกัน แบบนี้ก็เพื่อที่จะได้ป้องกันเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด
ขอเพียงมีความเคลื่อนไหวที่อันตราย ทั้งสามคนจะได้ช่วยเหลือกันทันท่วงที
แต่คืนนี้มันก็ได้ผ่านไปอย่างเงียบสงบ
จนกระทั่งเช้าวันที่สอง ทั้งสามคนตื่นนอนขึ้นมา
เฉินเกอตื่นแล้วก็ออกไปจากเต็นท์เลย ก็ได้เห็นซากหมูป่ามีสัตว์ต่างๆ มาแทะกิน
มีพวกนกอินทรีและแร้งกำลังจิกซากหมูป่าอยู่
เฉินเกอเห็นแล้ว ก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไร
เก้าโมงเช้า ทั้งสามคนเก็บข้าวของเรียบร้อยก็ได้ออกเดินทางต่อเลย
ทั้งสามคนได้เดินเข้าไปในป่าลึก
ตามแผนที่ที่ท่านฟ่านให้ตัวเองไว้ ต้องเดินตามเขตภูเขาหินฟอสเฟตเสียก่อน ขั้นตอนที่สองจึงจะเสร็จสิ้น
ภูเขาหินฟอสเฟตกว้างใหญ่ไพศาล ไม่ใช่แบบที่จะสามารถมองเห็นขอบเขาได้ในชั่วพริบตา
อีกอย่างทั้งสามคนต่างไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะยังมีอันตรายอะไรที่ยังรอพวกเขาอยู่ ทำได้เพียงก้าวเดินอย่างระมัดระวัง
ไม่เพียงแต่พวกสัตว์ป่าพืชพันธุ์ต่างๆ ยังมีพวกนักล่าอีกด้วย พวกเขาได้เข้ามาในเขตภูเขาฟอสเฟต สามารถพูดได้ว่าอันตรายเต็มไปรอบด้าน
หลังจากที่เร่งเดินทางมาสองชั่วโมง เฉินเกอทั้งสามคนได้มาถึงลำธารแห่งหนึ่ง
ทั้งสามคนได้หยุดตรงลำธาร พักผ่อนกันแล้วก็เติมน้ำด้วย
“เฉินเกอ พวกเราต้องเดินกันอีกนานแค่ไหน?”
เจินจีนั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่ง มองไปที่เฉินเกอแล้วถาม
เฉินเกอก็ส่ายหัวเล็กน้อย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แผนที่ของท่านฟ่านไม่ได้เขียนไว้ เพียงแต่ให้พวกเราเดินออกไปจากเขตภูเขาฟอสเฟต”
สำหรับเขตภูเขาเฟสฟอตนั้นกว้างใหญ่แค่ไหน เฉินเกอก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็ไม่ได้ศึกษามาก่อน สิ่งที่พวกเขาสามารถที่จะทำได้ก็คือเดินตามแผนที่ที่ท่านฟ่านให้มา ให้เดินออกไปจากเขตภูเขาฟอสเฟตเสียก่อนค่อยว่ากัน
“ชูบ!”
ในเวลานี้ ลูกธนูได้บินผ่านด้านหน้าของทั้งสามคน
เฉินเกอทั้งสามคนทันใดนั้นก็ได้มองตามทิศทางของลูกธนูไป
ก็เห็นชายชุดดำหลายคน กำลังถือคันธนูยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของพวกเขา
“แย่แล้ว เป็นพวกนักล่า!”
เฉินเกอเห็นแล้ว ก็ได้พูดขึ้นทันที
พูดจบ เฉินเกอก็รีบดึงตัวเจินจีกับเล๋ยเล่จากไป
แต่พวกนักล่าก็ยังคงได้ยิงธนูมาทางเฉินเกอทั้งสามคนอย่างไม่ยอมหยุด พริบตาเดียวบินมารอบทิศทาง
ยังดีที่ทั้งสามคนไหวพริบดี ได้หลบเข้าไปในป่าได้ทันท่วงที จึงได้หลบพ้นการจู่โจมของนักล่าเหล่านั้น
“แม่งเอ๊ย ทำไมถึงได้มาเจอคนพวกนี้ในนี้ได้เนี่ย ช่างโชคร้ายเสียจริง” !
เล๋ยเล่บ่นด้วยสีหน้าที่เซ็งๆ
“เห่อๆ พวกเรามีกันแค่สามคน แต่ว่าพวกนักล่าสัตว์พวกเขาได้แบ่งกลุ่มย่อยเป็นหลายกลุ่มในการเคลื่อนไหว ดังนั้นพวกเราจึงง่ายต่อกันถูกพบเห็น!”
เฉินเกอก็ได้อธิบายให้กับเล๋ยเล่ฟัง
รอจนกระทั่งทุกอย่างเงียบสงบ มั่นใจว่าพวกนักล่าเหล่านั้นไม่ได้ตามมาแล้ว เฉินเกอทั้งสามคนจึงได้โล่งใจ
ทั้งสามคนต่างโล่งใจจากนั้นก็ได้เดินทางกันต่อ
เพียงแต่ทั้งสามคนไม่กล้าที่จะเดินเลาะตามลำธารแล้ว แต่กลับเดินมุ่งหน้าเดินเข้าไปในป่า
อยู่ในป่าจะไม่ง่ายต่อกันถูกพบเจอ อีกอย่างถึงแม้จะถูกพบเห็นก็ง่ายต่อการหลบหนี
แต่หากอยู่ในสถานที่แจ้งก็จะไม่เหมือนกัน มันง่ายต่อการถูกพบเห็น อีกอย่างก็ไม่มีที่ให้หลบด้วย ก็จะถูกไล่ล่าทำร้าย
หลังจากที่เดินทางไปประมาณครึ่งชั่วโมง ทั้งสามคนก็พบบ้านคนในป่า
“เฮ้ย พี่เฉิน พวกคุณรีบดูเลย ตรงนั้นมีบ้านคนด้วย!”
เจินจีอดไม่ได้จนต้องด่าออกมาอย่างโกรธเคือง
“อ้า....ช่วยด้วย!”
เวลานี้ก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวดังออกมาจากห้องด้านใน ฟังแล้วเหมือนคนที่กำลังจะสิ้นหวัง
เจินจีและเฉินเกอก็ตอบสนองทันที จึงได้รีบวิ่งเข้าไปโดยตรง
“ฉีบ!”
เฉินเกอเข้าไปแล้วก็ได้ชักกระบี่ออกมา ก็ใช้กระบี่ในมือไปฟันคอของเหล่านักล่าสัตว์โดยตรง
เจินจีก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องทันที
ในห้อง เธอได้เห็นภาพอุจาดตานักล่าคนหนึ่งกำลังทำเรื่องอุบาทว์ต่อผู้หญิงที่สวมใส่ชุดชั้นในอยู่
สิ่งนี้มันทำให้เจินจีโกรธจนลุกเป็นไฟทันที ได้เดินไปด้านหน้าโดยตรง ใช้มีดแทงลงไปกลางหลังของนักล่าคนนั้น จากนั้นก็ยื่นมือไปกระชากผมของชายคนนั้น ดึงมันลงมาจากตัวของหญิงสาว แล้วโยนลงบนพื้นทันที
อย่างไรเสียเจินจีก็เป็นผู้ฝึกตน พละกำลังต้องแข็งแกร่งกว่าพวกนักล่าเหล่านี้อยู่แล้ว ดังนั้นแรงจึงเยอะมาก ใช้แรงนิดหน่อยก็สามารถที่จะหิ้วนักล่าคนนี้ขึ้นมาได้
“ฉึบ!”
เจินจีไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่น้อย ก็ได้ใช้มีดบาดคอนักล่าคนนี้ทันที
พริบตาเดียว นักล่าคนนี้ก็สิ้นใจลง
ใช้เวลาไปเพียงแค่หนึ่งนาที เฉินเกอทั้งสองคนก็ได้จัดการนักล่าเหล่านี้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่จัดการเรียบร้อยแล้ว เจินจีก็ได้เดินไปนั่งลงยังข้างกายของหญิงสาว
หญิงสาวกำลังตกใจ ร่างกายสั่นไปทั้งตัว
เจินจียื่นมือไปวางอยู่บนบ่าของหญิงสาวอย่างเบามือ
มือเพิ่งจะวางลงไป หญิงก็ร้องอย่างบ้าคลั่ง ถอยหลังโดยสัญชาตญาณ
“ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว พวกเรามาช่วยเธอ ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะ!”
เจินจีรีบคว้าตัวหญิงหญิงสาวไว้ กอดหญิงสาวเข้ามาในอ้อมอกแล้วปลอบโยน
สัมผัสถึงการปลอบโยนจากเจินจี หญิงสาวจึงได้สงบลง จากนั้นก็ได้ร้องไห้อยู่ในอ้อมอกของเจินจี ชั่วขณะเดียวเสียงร้องไห้ก็ได้ดังสนั่นไปทั่วบ้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!
พระเอกแม่งโครต looser จัดสภาพ...