ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! นิยาย บท 913

สรุปบท บทที่913 ช่วงดึก: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

สรุปเนื้อหา บทที่913 ช่วงดึก – ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! โดย Light-Knight

บท บทที่913 ช่วงดึก ของ ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Light-Knight อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่913 ช่วงดึก

และวินาทีต่อมา

เงาของคนคนหนึ่งก็ปรากฏอยู่ตรงตาแมว

ทันใดนั้นเองเฉินเกอก็เบิกตากว้างขึ้นมา

ไม่ผิดแน่ เงาของคนที่อยู่ตรงตาแมวนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเถ้าแก่ของโรงแรมแห่งนี้นั่นเอง

เถ้าแก่ของโรงแรมเวลานี้ยืนอยู่ตรงประตูหน้าห้องเดิมของเจินจีกับหยูซินพักห้องนั้น

เฉินเกอมองเห็นผ่านตาแมวตรงประตูอย่างชัดเจน

เห็นเพียงแค่เถ้าแก่ของโรงแรมหยิบเอาสิ่งของบางอย่างคล้ายๆ กับธูปออกมาก้านหนึ่งในเสื้อของตัวเองออกมา หลังจากนั้นก็จุดมันขึ้นมา แล้ววางอยู่ตรงตำแหน่งด้านหน้าประตู ให้ควันของธูปนั้นเข้าไปยังด้านในห้อง

หลังจากที่ทำทุกอย่างนี้เสร็จแล้วนั้น เถ้าแก่ของโรงแรมก็หันกลับเดินมายังประตูหน้าห้องของเฉินเกอ

เฉินเกอเห็นสถานการณ์แล้ว จึงถอยกลับมาทันที

“อะไรหรือ?”

พวกเจินจีอีกสามคนนั้นยังไม่ได้นอน เห็นปฏิกิริยาของเฉินเกอแล้วทำให้พวกเขารู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก แล้วเอ่ยถามเฉินเกอด้วยเสียงเบาๆ

เฉินเกอยื่นมือมาวางตรงปากของตัวเองเป็นการให้สัญญาณ

แล้วหลังจากนั้น เฉินเกอก็หยิบเอาผ้าขนหนูผืนหนึ่งขึ้นมาแล้วปิดปากปิดจมูกตัวเองเอาไว้

เห็นการกระทำของเฉินเกอแล้ว ทันใดนั้นเองทั้งสามคนก็เข้าใจขึ้นมาทันที ต่างก็พากันหยิบเอาของตัวเองออกมาแล้วปิดปากปิดจูมกเอาไว้

และเฉินเกอก็ยังไม่ลืมที่จะเปิดหน้าต่างออก

เห็นเพียงแค่เวลานี้ ใต้ประตูห้องมีควันขาวๆ ลอยเข้ามา แล้วควันขาวก็ตลบอบอวลเต็มไปทั้งห้อง

ทุกอย่างเป็นไปตามที่พวกเฉินเกอคาดการณ์เอาไว้จริงๆ เถ้าแก่โรงแรมนี้มีปัญหาจริงๆ

มาทำเรื่องแบบนี้กลางดึก จะต้องมีจุดประสงค์อื่นอย่างแน่นอน

ดีที่พวกเฉินเกอทั้งสี่คนรู้ตัวเร็ว ดังนั้นจึงสามารถรับมือกับมีปฏิกิริยาตอบกลับไปได้

ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าคงจะสลบไม่ได้สติไปตั้งแต่แรกแล้ว

เฉินเกอเดินมาตรงหน้าประตู แล้วมองสถานการณ์ทางด้านนอกผ่านทางตาแมวตรงประตูอีกครั้ง พบว่าเถ้าแก่โรงแรมได้ออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทำให้เฉินเกอรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก ทำไมเถ้าแก่คนนี้ถึงทำแค่เรื่องนี้แล้วเดินจากไปกัน?

ทันใดนั้นเอง เฉินเกอก็นึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วรีบเดินมาที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอนลง

หลังจากนอนลงแล้วนั้น เฉินเกอก็ให้วิญญาณออกจากร่างในทันที

เห็นเฉินเกอนอนอยู่บนเตียงแล้วไม่ได้สติไปพักหนึ่ง เล๋ยเล่เองก็เบิกตากว้างขึ้นมา

เล๋ยเล่ที่คิดอยากจะลุกขึ้นไปดูสถานการณ์ของเฉินเกอนั้น ก็ถูกเจินจีขวางเอาไว้เสียก่อน

เจินจียื่นมือออกมาเพื่อเป็นสัญญาณบอกให้เขาอย่าขยับไปทั่ว

หลังจากเห็นสัญญาณมือจากเจินจีแล้วนั้น เล๋ยเล่ถึงได้นิ่งเงียบลง แล้วนั่งลงตรงตำแหน่งของตัวเองเช่นเดิมต่อ

เวลานี้ วิญญาณของเฉินเกอออกจากร่าง เปลี่ยนเป็นวิญญาณเดินทะลุห้องออกไป เขาอยากจะดูว่าเถ้าแก่โรงแรมคนนี้ต้องการจะทำเรื่องเลวร้ายอะไรกันแน่

หลังจากที่เฉินเกอออกจากห้องแล้วนั้น ก็ล่องลอยไปทั่วทุกที่ภายในโรงแรมเพื่อตรวจสอบดู

เห็นเพียงแค่เวลานี้ เถ้าแก่โรงแรมพาผู้ชายสองคนเดินขึ้นมา เดินมายังตรงด้านหน้าประตูห้องของเจินจี

เฉินเกอตามพวกเขาทั้งสามคนอยู่ทางด้านหลัง พวกเขามองไม่เห็นและก็ไม่ได้รับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเฉินเกออีกด้วย มีแต่เฉินเกอจะปรากฏตัวออกมาเท่านั้นพวกเขาถึงจะรู้ได้

“ท่านเป้า ผู้หญิงสองคนนั้นอยู่ในห้องนี้ ผมใช้ธูปที่ทำให้มึนนี้ทำให้พวกเธอไม่สามารถจะตื่นขึ้นมาได้แล้ว!”

เถ้าแก่โรงแรมมองไปยังชายร่างใหญ่ทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆ พลางเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความร้ายกาจ

“อืม ไม่เลว ไม่เลว ทำได้ไม่เลวเลย!”

ผู้ชายคนที่ชื่อว่าท่านเป้าพยักหน้าลงด้วยความพอใจ

พูดจบแล้วนั้น ก็เห็นเถ้าแก่โรงแรมหยิบกุญแจออกมา หลังจากนั้นก็เปิดประตูห้องของเจินจีออก

พอเปิดประตูแล้วนั้น ทั้งสามคนก็เดินเข้าไปด้านใน

แต่หลังจากที่เดินเข้าไปแล้ว ทั้งสามคนก็รู้สึกอึ้งในทันที

เนื่องจากว่าทั้งห้องนั้นอยู่ในสภาพที่เป็นห้องว่างเปล่าไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว แม้แต่เงาของผีก็ไม่เห็นเลยเสียด้วยซ้ำ

“คนล่ะ?”

“ฉันรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่านายจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน ว่ามา พวกนายต้องการจะทำอะไรกันแน่?”

เฉินเกอปรากฏตัวออกมาตรงหน้าเถ้าแก่ พลางจ้องมองเขาอย่างเยือกเย็นและเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย

เห็นเฉินเกอปรากฏตัวขึ้นมาแล้วนั้น เถ้าแก่ของโรงแรมก็เบิกตากว้างขึ้นมาในทันใด

จากนั้น ดวงตาทั้งสองข้างของเถ้าแก่โรงงานนั้นก็มืดสลบไป

ถึงอย่างไรเฉินเกอก็ปรากฏตัวออกมาในสภาพของวิญญาณ ดังนั้นที่จู่ๆ เขาปรากฏตัวขึ้นมา แน่นอนว่าจะต้องทำให้คนเห็นต้องตกใจอยู่แล้ว

เห็นเถ้าแก่ของโรงแรมสลบไปแล้วนั้น ในใจของเฉินเกอเองก็หัวเราะเยาะขึ้นมา

แต่เฉินเกอก็ไม่ได้คิดที่จะปล่อยตัวเถ้าแก่ของโรงแรมไปง่ายๆ แบบนี้ กลับแบกตัวเขาขึ้นมา เอาเชือกเส้นหนึ่งมาแล้วมัดเขาไว้กับเก้าอี้ แล้วยังล็อกประตูของโรงแรมอีกด้วย

เช่นนี้ก็จะไม่มีใครมาเห็นสถานการณ์นี้แล้ว

ส่วนศพของท่านเป้าที่อยู่ด้านบนนั้น เฉินเกอเองก็จัดการเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วนั้น เฉินเกอถึงได้กลับไปในห้อง แล้วกลับเข้าร่างของตัวเองอีกครั้ง

และเมื่อกลับเข้าร่างของตัวเองแล้วนั้น เฉินเกอก็ลุกขึ้นมาทันที

จู่ๆ เห็นเฉินเกอลุกขึ้นแบบนี้ เกือบจะทำให้เล๋ยเล่ตกใจเสียแล้ว

“พี่เฉิน เมื่อกี้นี้นายเป็นอะไรไปน่ะ? ทำไมจู่ๆ ถึงได้สลบไปแบบนั้น?”

เล๋ยเล่รู้สึกไม่สบายใจมองไปยังเฉินเกอแล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

เมื่อเฉินเกอได้ยินแล้ว ก็อึ้งไปอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นจึงอธิบายออกมาอย่างง่ายๆ

“ไม่มีอะไรหรอก ต่อไปเดี๋ยวนายก็รู้เอง!”

ได้ยินเฉินเกอพูดแบบนี้แล้ว เล๋ยเล่เองก็รู้สึกไม่ชัดเจนเช่นกัน ไม่เข้าใจเลยว่าคำพูดของเฉินเกอนั้นหมายถึงอะไร

แต่ในเมื่อเฉินเกอไม่ยอมที่จะบอก เล๋ยเล่เองก็ไม่มีวิธีเช่นกัน ทำได้เพียงแค่ต้องรอให้เฉินเกอเป็นคนบอกเขาเอง เขารู้ว่าที่เฉินเกอไม่ยอมบอกตัวเองนั้น จะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน

“ไปกันเถอะ ข้างนอกไม่มีอะไรแล้ว พวกเราออกไปดูกัน!”

จากนั้น เฉินเกอก็เอ่ยพูดกับพวกเขาทั้งสามคน

พูดจบแล้วนั้น เฉินเกอก็เปิดประตูแล้วเดินออกมา มุ่งตรงไปยังด้านล่างทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!