ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! นิยาย บท 914

สรุปบท บทที่914 จากไป: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

สรุปตอน บทที่914 จากไป – จากเรื่อง ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! โดย Light-Knight

ตอน บทที่914 จากไป ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! โดยนักเขียน Light-Knight เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่914 จากไป

หลังจากที่ลงมาข้างล่างแล้ว ทั้งสามคนเห็นเพียงแค่เถ้าแก่ของโรงแรมที่ถูกมัดอยู่กับเก้าอี้ อีกทั้งยังอยู่ในสภาพที่ก้มหน้าลงโดยไร้ปฏิกิริยาใดๆ แม้แต่นิดเดียว

“พี่เฉิน....เขา...เขาเป็นอะไร? ”

เล๋ยเล่เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

“เหอๆ เขาเพียงตกใจก็เลยสลบไปน่ะ!”

เฉินเกอยิ้มพลางอธิบาย

หลังจากนั้นเฉินเกอก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมาหนึ่งใบ แล้วสาดไปที่ใบหน้าของเถ้าแก่คนนั้น

“อา ผี...ผี!”

หลังจากที่ถูกสาดน้ำให้ตื่นขึ้นมาแล้วนั้น เถ้าแก่โรงแรมก็ตะโกนร้องเสียงดังขึ้นมาในทันที ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“เพียะ!”

เพื่อทำให้เถ้าแก่สงบลงนั้น เฉินเกอจึงตบหน้าเถ้าแก่ไปหนึ่งที

ถูกเฉินเกอตีไปแบบนี้แล้ว เถ้าแก่โรงแรมก็สงบลงในทันใด ท่าทางที่ดูเฉื่อยชามองพวกเฉินเกอทั้งสี่คน

“พวกเธอ....พวกเธอเป็นใครกันแน่?”

เถ้าแก่ของโรงแรมจ้องมองพวกเฉินเกอพลางเอ่ยถาม

ทันใดนั้นเอง เขาก็นึกถึงสถานการณ์ที่เขาเจอเห็นก่อนหน้านี้ และยังมีเฉินเกอที่กลายเป็นวิญญาณนั่นอีก

เนื่องจากตอนที่เฉินเกอเป็นวิญญาณนั้นรูปลักษณ์แตกต่างไปจากเดิม ดังนั้นเถ้าแก่จึงไม่สามารถมองออกได้เลยว่าเฉินเกอเป็นวิญญาณที่ตัวเองเห็น

แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ถูกเถ้าแก่นี่พบเห็นเข้า

“เถ้าแก่ ว่ามาสิ นายกับคนที่ชื่อว่าท่านเป้านั่นมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?”

เฉินเกอไม่อยากจะพูดไร้สาระกับเถ้าแก่ จึงจ้องมองเขาแล้วเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา

ได้ยินเฉินเกอถามเช่นนี้แล้ว เถ้าแก่ของโรงแรมนั้นจึงก้มหน้าลงไม่กล้าพูดออกมา

“ทำไม? ไม่ยอมพูดอย่างนั้นหรือ? ได้ ไม่เป็นไร ฉันมีอีกเป็นร้อยวิธีที่จะทำให้นายพูดออกมาได้ ให้นายได้รับรู้ถึงรสชาติของความเจ็บปวดทรมาน!”

เห็นท่าทางเช่นนี้ของเถ้าแก่แล้ว เฉินเกอจึงรีบเอ่ยพูดเยาะเย้ยขึ้นมา

เขาไม่ได้กลัวเลยว่าเถ้าแก่นี่จะไม่เปิดปากพูดออกมา เช่นนี้กลับยิ่งทำให้เฉินเกอรู้สึกฮึกเหิมมากขึ้นกว่าเดิม พอดีที่เฉินเกอจะสามารถลองใช้วิธีการบังคับให้รับสารภาพออกมาได้ด้วย

หลังจากที่พูดจบแล้วนั้น เฉินเกอก็ชักเอากระบี่ซิงหยวนของตัวเองออกมาในทันที

เห็นเฉินเกอหยิบกระบี่ซิงหยวนออกมาแล้ว เถ้าแก่ก็รู้สึกกลัวแล้ว อดที่จะกลืนน้ำลายลงคอไปไม่ได้

“ฉันบอก.....ฉันบอกแล้ว”

เถ้าแก่ของโรงแรมเลือกที่จะยอมในทันที

“ฉันกับท่านเป้า...มีความสัมพันธ์ร่วมมือกัน โรงแรมนี้เขาเป็นคนเปิด ฉันเป็นเพียงแค่คนที่รับผิดชอบบริหารดูแลเท่านั้น เพียงแค่มีคนจากข้างนอกเข้ามาพักที่โรงแรมนี้ เขาก็ให้ฉันบอกเขา หลังจากนั้นตอนกลางคืนก็จะอาศัยช่วงที่พวกเธอหลับ ใช้ธูปที่ทำให้คนงุนงงทำให้พวกเธอหลับได้สบายขึ้น แบบนี้แล้ว รอหลังจากที่พวกเธอตื่นขึ้นมาก็จะถูกท่านเป้าควบคุมเอาไว้ได้ แล้วถึงตอนนั้นท่านเป้าก็จะสามารถรีดไถพวกเธอได้!”

ได้ยินที่เถ้าแก่ของโรงแรมเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบออกมาให้ฟังทั้งหมด

หลังจากที่พวกเฉินเกอฟังจบแล้วนั้น ก็เข้าใจทั้งหมดแล้ว แท้ที่จริงแล้วที่นี่ก็คือโรงแรมเถื่อนนั่นเอง เปิดขึ้นเพื่อใช้วิธีพวกนี้ในการขูดรีดทรัพย์สินโดยเฉพาะ

เพียงแต่ที่ทำให้ท่านเป้ากับเถ้าแก่ของโรงแรมคิดไม่ถึงก็คือ ครั้งนี้พวกเขาพบกับพวกเฉินเกอทั้งสี่คนนี้ นั่นเป็นการเตะโดนแผ่นเหล็กเข้าจริงๆ เสียอย่างนั้น ท่านเป้าจึงมีจุดจบที่น่าเวทนามากเช่นนี้

“บอกมาว่าก่อนหน้านี้พวกนายทำมากี่ครั้งแล้ว?”

เวลานี้เล๋ยเล่ก็เดินเข้ามาแล้วจ้องมองเถ้าแก่ของโรงแรมด้วยความโมโหพลางย้อนถาม

“นี่....ทั้งหมดสามครั้ง คนที่มาพักโรงแรมเราก็ไม่เยอะเท่าไรนัก”

เถ้าแก่ของโรงแรมก็ตอบออกมาในทันทีเช่นกัน

“พวกเราเป็นครั้งที่สามอย่างนั้นหรือ?”

เล๋ยเล่เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

“เอ่อ....ไม่....พวกนายเป็น.....ครั้งที่สี่!”

เถ้าแก่ของโรงแรมยื่นนิ้วตัวเองออกมาทำเป็นท่าทางแล้วเอ่ยขึ้น

“เพียะ!”

เพิ่งจะเอ่ยพูดจบนั้น เล๋ยเล่ก็ฟาดฝ่ามือลงบนศีรษะของเถ้าแก่โรงแรม

เฉินเกอมองไปยังเถ้าแก่แวบหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น

ความจริงแล้ว เฉินเกอเองก็ไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผลแบบนั้น

ถึงอย่างไรเถ้าแก่คนนี้ก็ต้องการเพียงแค่ทรัพย์สินเพียงเท่านั้น ดังนั้นถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ขึ้น

ตอนนี้ก็ให้บทเรียนกับเขาแล้ว คิดว่าเถ้าแก่ของโรงแรมนี้ก็คงจะไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้อีกอย่างแน่นอน ดังนั้นเฉินเกอจึงเลือกที่จะปล่อยเขาไป

และที่สำคัญที่สุดก็คือท่านเป้าก็ตายไปแล้ว ต่อไปก็คงจะไม่มีใครที่จะไปร่วมมือกับเถ้าแก่อีกแล้ว

เถ้าแก่ได้ยินว่าเฉินเกอจะปล่อยตัวเองไปนั้น ทำให้เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขารู้ว่ารักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้แล้ว เพียงแค่สามารถรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้ก็พอ

“ขอบคุณมากลูกพี่ ขอบคุณมาก ต่อไปฉันจะไม่กล้าทำอีกแล้ว”

เถ้าแก่โรงแรมมองเฉินเกอแล้วเอ่ยขอบคุณ

“ฉันเตือนนายไว้ก่อน ถ้าหากต่อไปนายยังกล้าทำเรื่องแบบนี้อีก ก็อย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน ถึงตอนนั้นแล้วฉันจะส่งนายไปอยู่กับท่านเป้า เข้าใจใช่ไหม?”

เฉินเกอไม่ลืมที่จะจ้องมองไปยังเถ้าแก่แล้วพูดเตือนขึ้นมา

“ได้ๆๆ ฉันรู้ ฉันเข้าใจแล้ว ต่อไปฉันจะไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้อีกแล้ว ฉันจะเปิดโรงแรมทำกิจการให้ดี!”

เถ้าแก่กล้าที่จะไม่ฟังเขาเสียที่ไหนกัน จึงรีบพยักหน้าตอบรับทันที

“เอาล่ะ เล๋ยเล่ พวกเราเก็บของออกไปจากที่นี่กันเร็วหน่อยดีกว่า!”

หลังจากนั้นเฉินเกอก็มองไปยังพวกเล๋ยเล่ทั้งสามคนนั้นแล้วพูดเสนอขึ้น

ตอนนี้ดูแล้ว เมืองอู่สิงนี้เองก็ไม่ใช่สถานที่ที่ดีเท่าไรนัก ไม่แน่ว่าอาจจะมีเรื่องไม่ดีอย่างอื่นอีกก็ได้ ดังนั้นเฉินเกอจึงตัดสินใจที่จะไปจากที่นี่ให้เร็วกว่าเดิม

ได้ยินข้อเสนอของเฉินเกอแล้ว พวกเล๋ยเล่เองก็ไม่มีความคิดเห็นใดๆ แม้แต่นิดเดียวเช่นกัน

หลังจากนั้นสิบนาที ทั้งสี่คนก็เก็บของเสร็จแล้วออกไปจากที่นั่น

แต่ตอนที่พวกเขาจากไปนั้นกลับไม่ได้ปลดเชือกที่มัดตัวเถ้าแก่อยู่เอาไว้ แต่ลากตัวเขาไปตรงหน้าประตูแทน รอจนฟ้าสว่างแล้วก็จะมีคนมาพบตัวเขาเอง ถึงตอนนั้นก็จะมีคนมาช่วยปลดเชือกที่มัดตัวเขาอยู่ออก

หลังจากที่ออกมาจากโรงแรมแล้ว พวกเฉินเกอทั้งสี่คนนั้นก็รีบเดินทางต่อ

กว่าฟ้าจะสว่างนั้นยังมีเวลาอีกเป็นชั่วโมง ทั้งเมืองนั้นยังคงเงียบสงัดอยู่ในตอนนี้ ไม่มีแม้แต่เงาของคนหรือเงาของผีเลยเสียด้วยซ้ำ มีเพียงแค่ไฟข้างทางที่ส่องแสงสว่างอยู่เพียงเท่านั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!