ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! นิยาย บท 915

บทที่915 คลื่นลูกเดิมยังไม่ทันสงบก็มีคลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นมาอีกแล้ว

“พี่เฉิน นายว่าเถ้าแก่นั่นจะหาคนมาแก้แค้นพวกเราไหม?”

เวลานี้เล๋ยเล่ยังคงรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย เขามองเฉินเกอพลางเอ่ยถามขึ้น

เฉินเกอมองเล๋ยเล่แวบหนึ่ง

“คงไม่หรอก แต่ถึงแม้เขาจะทำเราก็ไม่กลัว เขากล้ามา ฉันก็จะทำให้เขากลับไปไม่ได้!”

เฉินเกอเองก็เอ่ยออกมานิ่งๆ โดยไม่ได้มีความกังวลกับเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

ความคิดของเฉินเกอนั้น เถ้าแก่คนนี้จะต้องไม่กล้ามาหาเรื่องพวกเขาอย่างแน่นอน เพราะถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เขาก็ทำให้เถ้าแก่คนนี้ตกใจไปอยู่มากเหมือนกัน

“ใช่แล้วพี่เฉิน เถ้าแก่ถูกมัดไว้ตรงเก้าอี้นั่นได้อย่างไร?”

เล๋ยเล่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้อีก จึงรีบเอ่ยถามเฉินเกอ

“นายอยากรู้?”

เฉินเกอมองเล๋ยเล่ที่เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสนใจ

เล๋ยเล่พยักหน้า

“ครั้งหน้าฉันค่อยบอกนายก็แล้วกันนะ ตอนนี้ยังไม่ถึงช่วงที่นายจะต้องเรียนรู้!”

แต่เฉินเกอก็ไม่ได้บอกถึงสาเหตุกับเล๋ยเล่ เพราะถึงอย่างไรแล้วเล๋ยเล่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องเรียนรู้ขั้นนั้น ดังนั้นรอครั้งหน้าค่อยบอกเขาก็แล้วกัน

“ก็ได้”

เล๋ยเล่เองก็ตอบรับกลับไปด้วยความผิดหวังอยู่บ้าง

“อย่าเสียใจไปเลย เพียงแค่ตอนนี้สำหรับนายแล้วนายยังไม่ได้สัมผัสมันเท่านั้นเอง ต่อไปนายก็จะได้เจอทั้งนั้นแหล่ะ”

เฉินเกอก็ยิ้มปลอบใจเล๋ยเล่ด้วยเช่นกัน

ได้ยินเฉินเกอปลอบใจแล้ว เล๋ยเล่เองก็พยักหน้ารับ เขารู้ว่าเฉินเกอยินยอมที่จะสอนตัวเองอยู่แล้ว

ระหว่างที่ทั้งสี่คนเดินไปนั้น ท้องฟ้าก็ค่อยๆ สว่างขึ้น

“พี่เฉิน พวกเราหาที่พักกันก่อนดีกว่า พวกเราไม่ได้พักกันมาทั้งคืนแล้ว!”

เวลานี้ได้ยินเล๋ยเล่ที่พูดเสนอขึ้นกับเฉินเกอ

เมื่อคืนนี้พวกเขาทั้งสี่คนก็ไม่ได้นอนกันเลย อีกทั้งยังรีบเดินทางกันตั้งแต่เช้า

ดังนั้นเล๋ยเล่จึงรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาแล้ว

ได้ยินคำพูดของเล๋ยเล่ เฉินเกอก็หันไปมองยังเจินจีและหยูซิน

“เล๋ยเล่พูดถูก เฉินเกอ พวกเราหยุดพักกันก่อนเถอะ ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเราก็ออกมาจากเมืองอู่สิงกันแล้ว คนพวกนั้นตามมาไม่ทันแล้วล่ะ”

เจินจีเองก็อธิบายกับเฉินเกอ เธอเองก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน

ถึงแม้ว่าเจินจีกับเฉินเกอนั้นจะอยู่ในขอบเขตเจินเสินเหมือนกัน แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเธอเองก็รู้สึกเหนื่อยล้าเป็น

ไม่เหมือนกับเฉินเกอ ถึงอย่างไรความสามารถของเฉินเกอจะบรรลุถึงช่วงจักรพรรดิแล้ว สำหรับเรื่องนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไรเลย อีกทั้งระดับกำลังวังชาของเขานั้นก็ยังคงมีอยู่ตลอดด้วยเช่นกัน

“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็หยุดพักกันก่อนแล้วกัน!”

แน่นอนว่าเฉินเกอไม่ได้มีความคิดเห็นอะไรจะคัดค้านอยู่แล้ว จึงรับปากไป

ได้ยินเฉินเกอตอบตกลงแล้วนั้น เล๋ยเล่เองก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา เขาคิดว่าเฉินเกอจะไม่ยอมเสียอีก

จากนั้น ทั้งสี่คนก็มานั่งลงตรงก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง

ใต้ก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนนี้มีพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ และมืดสนิททั้งพื้นที่ ยื่นมือออกไปก็ไม่เห็นนิ้วมือประมาณนั้น ไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในนั้นได้เลย

“อือ....เหม็นจัง ที่นี่ กลิ่นอะไรน่ะ?”

ทั้งสี่คนที่เพิ่งจะมาถึงตรงตำแหน่งปากถ้ำนั้น ได้ยินเสียงที่เล๋ยเล่ที่เอ่ยพูดขึ้นพลางเอามือปิดปากปิดจมูกเอาไว้แล้วขมวดคิ้วขึ้นมา

ทันใดนั้นเอง กลิ่นที่เหม็นและฉุนก็พุ่งตรงเข้าสู่จมูกของพวกเขา

จะไม่พูดไม่ได้เลยว่า กลิ่นนี้นั้นยากที่จะรับได้จริงๆ ทำให้คนที่ได้กลิ่นนั้นแทบจะอาเจียนออกมาอย่างไรอย่างนั้น

“ครืนๆ!”

เวลานี้เองเสียงฟ้าร้องดังขึ้นมาจากทางด้านนอก

แล้วสีของทั้งฟ้านั้นก็มืดลง

“เฮ้ย นี่เป็นช่วงที่ฝนฟ้าคะนองอย่างนั้นหรือ!”

เล๋ยเล่มองสีท้องฟ้า แล้วร้องอุทานออกมาอีกครั้ง

คลื่นลูกเดิมยังไม่ทันสงบก็มีคลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นมาอีกแล้วจริงๆ อย่างนั้นสิ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!