ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! นิยาย บท 915

สรุปบท บทที่915 คลื่นลูกเดิมยังไม่ทันสงบก็มีคลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นมาอีกแล้ว: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

อ่านสรุป บทที่915 คลื่นลูกเดิมยังไม่ทันสงบก็มีคลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นมาอีกแล้ว จาก ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! โดย Light-Knight

บทที่ บทที่915 คลื่นลูกเดิมยังไม่ทันสงบก็มีคลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นมาอีกแล้ว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Light-Knight อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่915 คลื่นลูกเดิมยังไม่ทันสงบก็มีคลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นมาอีกแล้ว

“พี่เฉิน นายว่าเถ้าแก่นั่นจะหาคนมาแก้แค้นพวกเราไหม?”

เวลานี้เล๋ยเล่ยังคงรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย เขามองเฉินเกอพลางเอ่ยถามขึ้น

เฉินเกอมองเล๋ยเล่แวบหนึ่ง

“คงไม่หรอก แต่ถึงแม้เขาจะทำเราก็ไม่กลัว เขากล้ามา ฉันก็จะทำให้เขากลับไปไม่ได้!”

เฉินเกอเองก็เอ่ยออกมานิ่งๆ โดยไม่ได้มีความกังวลกับเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

ความคิดของเฉินเกอนั้น เถ้าแก่คนนี้จะต้องไม่กล้ามาหาเรื่องพวกเขาอย่างแน่นอน เพราะถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เขาก็ทำให้เถ้าแก่คนนี้ตกใจไปอยู่มากเหมือนกัน

“ใช่แล้วพี่เฉิน เถ้าแก่ถูกมัดไว้ตรงเก้าอี้นั่นได้อย่างไร?”

เล๋ยเล่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้อีก จึงรีบเอ่ยถามเฉินเกอ

“นายอยากรู้?”

เฉินเกอมองเล๋ยเล่ที่เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสนใจ

เล๋ยเล่พยักหน้า

“ครั้งหน้าฉันค่อยบอกนายก็แล้วกันนะ ตอนนี้ยังไม่ถึงช่วงที่นายจะต้องเรียนรู้!”

แต่เฉินเกอก็ไม่ได้บอกถึงสาเหตุกับเล๋ยเล่ เพราะถึงอย่างไรแล้วเล๋ยเล่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องเรียนรู้ขั้นนั้น ดังนั้นรอครั้งหน้าค่อยบอกเขาก็แล้วกัน

“ก็ได้”

เล๋ยเล่เองก็ตอบรับกลับไปด้วยความผิดหวังอยู่บ้าง

“อย่าเสียใจไปเลย เพียงแค่ตอนนี้สำหรับนายแล้วนายยังไม่ได้สัมผัสมันเท่านั้นเอง ต่อไปนายก็จะได้เจอทั้งนั้นแหล่ะ”

เฉินเกอก็ยิ้มปลอบใจเล๋ยเล่ด้วยเช่นกัน

ได้ยินเฉินเกอปลอบใจแล้ว เล๋ยเล่เองก็พยักหน้ารับ เขารู้ว่าเฉินเกอยินยอมที่จะสอนตัวเองอยู่แล้ว

ระหว่างที่ทั้งสี่คนเดินไปนั้น ท้องฟ้าก็ค่อยๆ สว่างขึ้น

“พี่เฉิน พวกเราหาที่พักกันก่อนดีกว่า พวกเราไม่ได้พักกันมาทั้งคืนแล้ว!”

เวลานี้ได้ยินเล๋ยเล่ที่พูดเสนอขึ้นกับเฉินเกอ

เมื่อคืนนี้พวกเขาทั้งสี่คนก็ไม่ได้นอนกันเลย อีกทั้งยังรีบเดินทางกันตั้งแต่เช้า

ดังนั้นเล๋ยเล่จึงรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาแล้ว

ได้ยินคำพูดของเล๋ยเล่ เฉินเกอก็หันไปมองยังเจินจีและหยูซิน

“เล๋ยเล่พูดถูก เฉินเกอ พวกเราหยุดพักกันก่อนเถอะ ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเราก็ออกมาจากเมืองอู่สิงกันแล้ว คนพวกนั้นตามมาไม่ทันแล้วล่ะ”

เจินจีเองก็อธิบายกับเฉินเกอ เธอเองก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน

ถึงแม้ว่าเจินจีกับเฉินเกอนั้นจะอยู่ในขอบเขตเจินเสินเหมือนกัน แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเธอเองก็รู้สึกเหนื่อยล้าเป็น

ไม่เหมือนกับเฉินเกอ ถึงอย่างไรความสามารถของเฉินเกอจะบรรลุถึงช่วงจักรพรรดิแล้ว สำหรับเรื่องนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไรเลย อีกทั้งระดับกำลังวังชาของเขานั้นก็ยังคงมีอยู่ตลอดด้วยเช่นกัน

“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็หยุดพักกันก่อนแล้วกัน!”

แน่นอนว่าเฉินเกอไม่ได้มีความคิดเห็นอะไรจะคัดค้านอยู่แล้ว จึงรับปากไป

ได้ยินเฉินเกอตอบตกลงแล้วนั้น เล๋ยเล่เองก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา เขาคิดว่าเฉินเกอจะไม่ยอมเสียอีก

จากนั้น ทั้งสี่คนก็มานั่งลงตรงก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง

ใต้ก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนนี้มีพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ และมืดสนิททั้งพื้นที่ ยื่นมือออกไปก็ไม่เห็นนิ้วมือประมาณนั้น ไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในนั้นได้เลย

“อือ....เหม็นจัง ที่นี่ กลิ่นอะไรน่ะ?”

ทั้งสี่คนที่เพิ่งจะมาถึงตรงตำแหน่งปากถ้ำนั้น ได้ยินเสียงที่เล๋ยเล่ที่เอ่ยพูดขึ้นพลางเอามือปิดปากปิดจมูกเอาไว้แล้วขมวดคิ้วขึ้นมา

ทันใดนั้นเอง กลิ่นที่เหม็นและฉุนก็พุ่งตรงเข้าสู่จมูกของพวกเขา

จะไม่พูดไม่ได้เลยว่า กลิ่นนี้นั้นยากที่จะรับได้จริงๆ ทำให้คนที่ได้กลิ่นนั้นแทบจะอาเจียนออกมาอย่างไรอย่างนั้น

“ครืนๆ!”

เวลานี้เองเสียงฟ้าร้องดังขึ้นมาจากทางด้านนอก

แล้วสีของทั้งฟ้านั้นก็มืดลง

“เฮ้ย นี่เป็นช่วงที่ฝนฟ้าคะนองอย่างนั้นหรือ!”

เล๋ยเล่มองสีท้องฟ้า แล้วร้องอุทานออกมาอีกครั้ง

คลื่นลูกเดิมยังไม่ทันสงบก็มีคลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นมาอีกแล้วจริงๆ อย่างนั้นสิ

กึก!

และเมื่อมือของเล๋ยเล่ไปสัมผัสโดนงูเหลือมยักษ์ตัวนั้นแล้ว ก็ทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นมาในทันที

เนื่องจากเขารู้สึกถึงความรู้สึกลื่นๆ ทั้งยังหยาบอีกด้วย แล้วสักพักหนึ่งนั้นก็ทำให้เขามีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาด้วยความตกใจอย่างรุนแรง

วินาทีต่อมานั้น เล๋ยเล่จึงค่อยๆ หันไปมองทางด้านหลังของตัวเอง

ไม่เห็นก็ไม่รู้ แต่พอเห็นแล้วก็ตกใจยิ่งกว่า

“โอ้แม่เจ้า!”

เล๋ยเล่ตกใจเสียจนร้องเสียงแหลมออกมา แล้วตัวเขานั้นก็พลิกตัวไปทางด้านหน้า

ได้ยินเสียงร้องของเล๋ยเล่ แล้วพวกเฉินเกอทั้งสามคนนั้นก็ตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ

“เล๋ยเล่ เกิดอะไรขึ้น?”

เฉินเกอรีบมองไปทางเล๋ยเล่แล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

“งู....งูเหลือมยักษ์ ....งูเหลือมยักษ์ตัวใหญ่มาก!”

เล๋ยเล่ชี้ไปทางงูเหลือมยักษ์ที่อยู่ในถ้ำด้วยเสียงที่สั่นเทา

ได้ยินแล้ว พวกเฉินเกอก็รีบมองไปทางด้านในถ้ำทันที

เป็นไปอย่างที่คิดไว้ เมื่อจ้องมองดีๆ แล้ว ก็เห็นงูเหลือมยักษ์ที่กำลังจ้องมองมาทางพวกเฉินเกอ

หลังจากที่เห็นงูเหลือมยักษ์ตัวนี้แล้ว เจินจีกับหยูซินทั้งสองคนก็รีบยืนขึ้น

“อย่าขยับ!”

เฉินเกอเห็นสถานการณ์แล้ว จึงรีบเอ่ยเตือนขึ้นมา

ได้ยินเฉินเกอบอกแล้ว ทั้งสามคนก็ยืนอยู่ที่เดิมไม่กล้าขยับไปทั่ว

“พวกนายค่อยๆ ถอยออกมา ไม่ต้องเร็วมากนะ!”

จากนั้น เฉินเกอก็ออกคำสั่งกับทางสามคนอีกครั้ง

เจินจีทำตามที่เฉินเกอบอก ค่อยๆ ถอยหลังออกมาทีละนิดๆ เป็นเพียงก้าวเล็กๆ เท่านั้น เพราะแม้แต่จะหายใจนั้นก็แทบไม่กล้าจะหายใจเลยเสียด้วยซ้ำ

และเวลานี้ แววตาของงูเหลือมยักษ์นั้นก็จดจ้องมาที่ร่างของเฉินเกอ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!