ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! นิยาย บท 937

สรุปบท บทที่937 ผีร้ายโจมตี: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

ตอน บทที่937 ผีร้ายโจมตี จาก ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่937 ผีร้ายโจมตี คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! ที่เขียนโดย Light-Knight เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่937 ผีร้ายโจมตี

“พี่เฉิน นี่พี่?”

เล๋ยเล่ถามอย่างสงสัย

“อย่าประหม่า ฉันกำลังถ่ายทอดความสามารถบางส่วนของฉันให้คุณ แล้วคุณก็จะสามารถมองเห็นวิญญาณเหมือนกับฉันได้ แต่ว่าคุณต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมนะ ผีร้ายพวกนี้มันน่ากลัวมากกว่าที่คุณคิดไว้เยอะ คุณต้องเตรียมจิตใจยอมรับและทนให้ได้!”

เฉินเกออธิบายให้เล๋ยเล่ฟัง จากนั้นก็กล่าวตักเตือนเขาอีกครั้ง

เพราะอย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่เล๋ยเล่ติดตามมาจับผีกับตัวเอง ดังนั้นเขาไม่เคยพบเจอผีร้ายจริง ๆ แน่นอน

และครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นครั้งแรก ดังนั้นเล๋ยเล่ต้องปรับตัวกับมันให้ได้ อย่างเบาที่สุดเขาก็แค่ฉี่รดกางเกง และหนักสุดก็ตกใจจนเป็นลมหมดสติไป

“อืม ฉันรู้แล้ว พี่เฉิน พี่วางใจเถอะ ฉันจะควบคุมตัวของฉันให้ดี!”

เล๋ยเล่เองก็ตอบกลับและมองไปที่เฉินเกอด้วยสีหน้าที่หนักแน่น

พูดจบ พวกเขาทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในชมรมหลินเทียน

และเฉินเกอก็ดึงกระบี่ซิงหยวนของตัวเองออกมาโดยตรง

“ยันต์ดึงผี!”

ต่อมาเฉินเกอก็เริ่มร่ายคาถา

คาถานี้เป็นคาถาที่ใช้เอามาดึงผีโดยเฉพาะ ซึ่งบอกได้ว่าสามารถเอาคาถานี้เรียกวิญญาณผีออกมาได้ และไม่ว่าจะเป็นวิญญาณผีอะไรก็ตามก็จะถูกดึงมาทั้งหมด

ดังนั้นนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเฉินเกอถึงต้องกล่าวเตือนเล๋ยเล่เช่นนั้น

หลังจากร่ายคาถาไปสักพัก เฉินเกอและเล๋ยเล่ก็ยืนรอคอยอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ

“ฟูว!”

ในเวลานี้เอง ลมหนาวที่เยือกเย็นก็พัดผ่านด้านหลังของเล๋ยเล่

ลมหนาวที่เยือกเย็นนี้ทำให้ร่างกายของเล๋ยเล่สั่นสะท้านในทันที และอาการขนลุกก็ปรากฏขึ้น

“พี่เฉิน。。。”

เล๋ยเล่เรียกชื่อเฉินเกอเบาๆ โดยจิตใต้สำนึก

เฉินเกอรีบรู้ตัวขึ้นมาทันที แล้วเหวี่ยงกระบี่ซิงหยวนที่อยู่ในมือของตัวเองออกไปโดยตรง และโจมตีไปยังผีร้ายที่อยู่ด้านหลังของเล๋ยเล่โดยตรง

เล๋ยเล่เองก็รีบหันกลับไปอย่างรวดเร็ว

และเมื่อเห็นผีร้าย เล๋ยเล่ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก็เห็นใบหน้าสีน้ำเงินเข้มจ้องมองมาที่เขา และดวงตาของผีร้ายตัวนี้ก็เป็นสีแดง ซึ่งดูแล้วมันน่ากลัวมาก

เล๋ยเล่ในขณะนี้ไม่กล้าที่จะหายใจเสียงดังเลย และน้ำลายที่อยู่ในลำคอของเขาก็ถูกกลืนลงไปอย่างช่วยไม่ได้

“เล๋ยเล่ คุณถอยหลังไป ฉันจัดการมันเอง!”

เฉินเกอรีบดึงตัวของเล๋ยเล่ไปที่ด้านหลังของตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วกล่าว

พูดจบ เฉินเกอก็ก้าวเท้าออกไปข้างหน้า แล้วโจมตีไปที่ผีร้ายตัวนั้นโดยตรง

และแน่นอนว่าผีร้ายตัวนี้นั้นก็ไม่ใช่เล่นๆ มันรีบแปลงร่างเป็นควันสีดำแล้วเตรียมตัวจะหลบหนีไป

“โซ่กักวิญญาณ!”

แน่นอนว่าเฉินเกอไม่ปล่อยให้มันมีโอกาสหลบหนีไปได้ เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธโดยตรง แล้วโยนโซ่กักวิญญาณที่อยู่ในมือของเขาออกไป

แล้วผีร้ายตัวนี้ก็ถูกล่ามด้วยโซ่กักวิญญาณไว้ในทันที

“เก็บ!”

เฉินเกอตะโกนอีกครั้ง จากนั้นก็ลากผีร้ายตัวนี้เข้ามาอยู่ตรงหน้าของเขา

“โฮว!”

ผีร้ายตัวนี้คำรามใส่เฉินเกออย่างโกรธเกรี้ยว

“ผีร้ายอย่างแก ยังอยากจะหนีอีกเหรอ แกสามารถหลบหนีไปจากกำมือของผู้ฝึกตนอย่างฉันได้เหรอ!”

เฉินเกอมองดูผีร้ายตัวนี้อย่างเย้ยหยันและกล่าว

และในเวลานี้เองเล๋ยเล่เองก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น แล้วรีบเดินตรงเข้ามาที่ด้านข้างของเฉินเกออย่างรวดเร็ว

และเมื่อตอนที่เขาเห็นผีร้ายที่ถูกล่ามไว้ตรงหน้า ก็ทำให้เขาตึงเครียดอีกครั้ง เขารู้สึกว่ามันน่ากลัวมาก

“ไม่เป็นไรแล้ว มันถูกฉันควบคุมไว้แล้ว คุณต้องปรับตัวช้า ๆ และไว้วันหลังคุณสัมผัสมันหลายครั้งคุณก็ไม่รู้สึกกลัวแล้ว!”

เฉินเกอมองไปที่เล๋ยเล่ที่อยู่ด้านข้างเขาของแล้วกล่าวปลอบใจ เขารู้ว่าเล๋ยเล่นั้นยากที่จะรับได้แน่นอน

สำหรับบางคนที่หวาดกลัวนั้นคงฉี่รดกางเกงไปตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้ดูแล้วความสามารถในการทนของเล๋ยเล่นั้นดีมาก ซึ่งส่วนนี้ทำให้เฉินเกอรู้สึกภูมิใจมาก

ทุกอย่างต้องมาเป็นกระบวนการ และเฉินเกอเองก็จะไม่ไปบังคับให้เล๋ยเล่รีบปรับตัวและเรียนรู้ให้รวดเร็วขนาดนี้

เล๋ยเล่เองก็พยักหน้าตอบรับอย่างเข้าใจ

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที รถถยนต์คันหนึ่งก็จอดอยู่ที่ใต้อาคารของอาคารใหญ่สำนักตรวจสอบ

ถูกต้อง เป็นรถของเฉินเกอนั้นเอง

เฉินเกอลงมาจากรถพร้อมกับเล๋ยเล่ และเดินเข้าไปในอาคารใหญ่โดยตรง

“ท่านหลี่ พวกเขากลับมาแล้ว!”

ในเวลานี้เองสารวัตรคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้าไปในสำนักงานของหลี่เย่วเหออย่างรวดเร็ว แล้วรายงานให้หลี่เย่วเหออย่างตื่นเต้น

เมื่อหลี่เย่วเหอได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกดีใจมาก และรีบลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นเฉินเกอพวกเขาสองคนเดินเข้ามา หลี่เย่วเหอก็รีบเดินเข้าไปต้อนรับพวกเขา

“คุณเฉิน สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”

หลี่เย่วเหอมองไปที่เฉินเกอด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและถาม

เฉินเกอมองไปยังหลี่เย่วเหอ แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นเบาๆ ว่า: “ท่านหลี่ ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว ผีร้ายตัวนั้นฉันกำจัดมันให้สิ้นซากแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเฉินเกอ หลี่เย่วเหอก็รู้สึกโล่งอกและพยักหน้า

สำหรับคำพูดของเฉินเกอแล้ว ที่จริงเขาเองก็เชื่อเช่นกัน

“อืม ท่านหลี่ ถ้าหากไม่มีเรื่องอย่างอื่นแล้ว พวกเราก็ขอตัวไปก่อนนะ!”

ต่อมาเฉินเกอก็ได้กล่าวแนะให้หลี่เย่วเหอ

“ครับ ได้เลย คุณเฉิน ถ้าเช่นนั้นก็ขอบคุณพวกคุณมากจริง ๆ สำหรับเรื่องในครั้งนี้!”

หลี่เย่วเหอเองก็รีบกล่าวขอบคุณเฉินเกออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ส่งเฉินเกอพวกเขาสองคนออกจากสำนักตรวจสอบด้วยตัวเขาเอง

เฉินเกอและเล๋ยเล่ขึ้นรถแล้วรีบขับออกไปจากสำนักตรวจสอบทันที

หลังจากรอให้เฉินเกอพวกเขาสองคนจากไป หลี่เย่วเหอคอยเดินกลับเข้าไปในอาคาร

“ท่านหลี่ คุณเชื่อจริงเหรอว่าเขาจัดการเรื่องเสร็จเรียบร้อยแล้ว?บนโลกใบนี้จะมีผีอยู่จริง ๆ อย่างอย่างไร!”

ในเวลานี้เอง สารวัตรคนหนึ่งเดินเข้ามาข้างหน้าแล้วมองไปที่หลี่เย่วเหอแล้วกล่าว

สำหรับเรื่องในครั้งนี้ อันที่จริงคนส่วนใหญ่ต่างก็รู้สึกสงสัยและไม่เห็นด้วย พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าบนโลกใบนี้ไม่มีผีอยู่จริง

แต่ว่าความจริงนั้นไม่ใช่อย่างที่พวกเขาจินตนาการไว้เลย บนโลกใบนี้นั้นมีผีอยู่จริง ๆ เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้เท่านั้นเอง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!