ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! นิยาย บท 940

สรุปบท บทที่940 สำนักหงซิน: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

อ่านสรุป บทที่940 สำนักหงซิน จาก ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! โดย Light-Knight

บทที่ บทที่940 สำนักหงซิน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Light-Knight อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่940 สำนักหงซิน

“เถ้าแก่เนี้ย พวกคุณตั้งแผงอาหารต่อเถอะ พวกเราสี่คนยังทานกันไม่อิ่มเลย!”

เฉินเกอมองไปที่เถ้าแก่เนี้ยและเสนอแนะให้เธอ

“จ้า ได้ ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันรีบไปเตรียมของกินให้พวกคุณเดี๋ยวนี้!”

เถ้าแก่เนี้ยเองก็รีบยิ้มและตอบสนองพร้อมกล่าวทันที

ล้อเล่นรึไง พวกเขาเพิ่งช่วยเหลือพวกเธอนะ ซึ่งแน่นอนว่าทำให้เถ้าแก่เนี้ยให้ความสนใจอย่างมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงรีบตั้งแผงอาหารให้เสร็จ แล้วรีบจัดเตรียมอาหารขึ้นมาทันที

หลังจากผ่านไปสักพัก เถ้าแก่เนี้ยก็ยกอาหารจานใหญ่มาแล้ววางไว้ที่บนโต๊ะอาหารของเฉินเกอพวกเขาสี่คน

“นี่ค่ะ พวกนี้ถือว่าฉันเลี้ยงพวกคุณในวันนี้นะ และก็ขอบคุณพวกคุณมากที่ช่วยเหลือพวกเราในวันนี้!”

เถ้าแก่เนี้ยมองไปที่เฉินเกอพวกเขาสี่คนแล้วกล่าว

“เถ้าแก่เนี้ย คุณเกรงใจเกินไป เรื่องแค่นี้สำหรับพวกเราแล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเลย!”

และในเวลานี้เองไม่รอให้เฉินเกอพวกเขาสามคนพูด เล๋ยเล่ก็รีบเอ่ยแกพูดขึ้นก่อนทันที

เมื่อได้คำพูดของเล๋ยเล่ เฉินเกอพวกเขาสามคนก็มองไปที่เล๋ยเล่ทันที และพวกเขาก็รู้สึกว่าไอ้เด็กนี้มันจะหน้าด้านเกินไปไหม

“อืม ได้ พวกคุณกินก่อน ไม่พอคอยบอกกับฉันนะ!”

เถ้าแก่เนี้ยยิ้ม จากนั้นก็หันหน้าแล้วเดินกลับไปยังแผงอาหารของเธอแล้วทำงานของเธอต่อ

“เล๋ยเล่ ต่อไปนี้คุณอย่าวู่วามขนาดนี้ได้หรือเปล่า!”

เถ้าแก่เนี้ยเพิ่งเดินจากไป เจินจีก็จ้องไปที่เล๋ยเล่แล้วกล่าว

ถูกเจินจีพูดขึ้นเช่นนี้ เล๋ยเล่เองก็จับไปที่ศีรษะของตัวเองอย่างรู้สึกผิดและลำบากใจทันที

“เหอะๆ คุณหนูใหญ่เจิน นี่ฉันก็อยากจะทำให้สิ่งที่ถูกไม่ใช่เหรอ!”

เล๋ยเล่เองก็มองไปที่เจินจีและอธิบาย

“คุณทำในสิ่งที่ถูกน่ะเป็นเรื่องดี แต่คุณก็ต้องคำนึงถึงอำนาจของตัวเองด้วยสิ และถ้าวันนี้ไม่ใช่เพราะอาจารย์ของคุณอยู่ด้วยนะ ฉันจะรอดูว่าคุณจะแก้ไขปัญหาอย่างไร!”

เจินจียังคงบ่นเล๋ยเล่ต่อ

จริง ๆ แล้วในหลายครั้งไม่ใช่เพราะทุกคนไม่อยากช่วยเหลือ แต่เป็นเพราะว่าไม่อำนาจที่จะยืนออกมามากกว่า

และเมื่อเผชิญหน้ากับเหล่าฝูงชนที่ถือไม้อยู่ในมือแบบนี้ ใครจะกล้ายืนออกมาอย่างไม่กลัวตาย

“แหะๆ ฉันรู้แล้วคุณหนูใหญ่เจิน ครั้งหน้าฉันไม่ทำแบบนี้แล้ว และฉันจะปล่อยให้อาจารย์ของฉันจัดการเองโดยตรง!”

เล๋ยเล่เองก็ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็มองไปที่เฉินเกอ

“เล๋ยเล่ ครั้งนี้คุณทำได้ดีมาก สมควรได้รับการชื่นชม เพียงแต่ว่าคราวหลังคุณต้องคำนึงถึงอำนาจของตัวเองก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ อย่าวู่วามมากเกินไป”

เฉินเกอเองก็กล่าวชื่นชมเล๋ยเล่ จากนั้นก็กล่าวตักเตือนเล๋ยเล่อีกครั้ง

ชื่นชมส่วนชื่นชม และตักเตือนส่วนตักเตือน ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน

“อืม พี่เฉิน ฉันจำคำพูดของพี่ไว้แล้ว!”

เล๋ยเล่เองก็พยักหน้าตอบรับอย่างเข้าใจ

เล๋ยเล่เองก็รู้ความหมายในคำพูดของเฉินเกอ ซึ่งความหมายของเขาก็คือให้เขาไปทำเรื่องพวกนี้หลังจากที่เขามีความแข็งแกร่งแล้ว เหมือนกับเฉินเกอ ที่เขาสามารถจัดการกับคน10กว่าคนด้วยตัวเอง และต่อให้จะไม่สามารถจัดการไป10กว่าคน แต่จัดการได้สองสามคนก็ยังดี

ไม่นาน หลังจากที่พวกเขาสี่คนทานอาหารไป30กว่านาทีพวกเขาก็ลุกขึ้นและเดินจากไป

และเมื่อตอนที่พวกเขาจากไป เฉินเกอยืนยันที่จะให้เงินแก่เถ้าแก่เนี้ย และเถ้าแก่เนี้ยก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากรับเงินไว้

ซึ่งแน่นอนว่าเฉินเกอเองก็รู้ว่าเถ้าแก่เนี้ยพวกเธอสองคนไม่ง่ายเหมือนกัน เธอต้องดูแลแผงอาหารและต้องดูแลลูกสาวของเธอด้วยตัวเอง ลำบากขนาดนี้ ดังนั้นเงินเหล่านี้แน่นอนว่าเฉินเกอเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่จ่าย

หลังจากจ่ายเงินเสร็จ เฉินเกอพวกเขาสี่คนก็กลับไปยังที่พักอาศัยของพวกเขา

หลังจากกลับมาถึงบ้าน พวกเขาต่างก็แยกย้ายกลับไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง

ยุ่งและวุ่นวายมาทั้งวัน พวกเขาทุกคนต่างก็เหนื่อยล้าแล้ว

แต่ว่าเฉินเกอไม่ได้นอนพักผ่อนเลย เขายังมีเรื่องต้องทำต่อ นั้นก็คือจัดการเรื่องของสำนักหงซิน ซึ่งก็คือกลุ่มหนุ่มแผลเป็นในค่ำคืนนี้นั้นเอง

คนพวกนี้จะเก็บไว้ไม่ได้ และถ้าเก็บไว้มันจะเป็นความหายนะ และนำพาความเดือดร้อนและความตื่นตระหนกมาสู่สังคม

ทันใดนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากกลางอากาศ

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ก็ทำให้เก่อเล่พวกเขาต่างก็ตกตะลึงกันอย่างมาก ไม่มีใครรู้เลยว่าใครกำลังพูดอยู่ อีกอย่างแม้แต่เงาของคนพวกเขาก็ไม่เห็นด้วยซ้ำ

“ใคร?ใครกำลังพูดอยู่?ออกมาเดี๋ยวนี้!”

เก่อเล่เองก็รีบลุกขึ้นยืนทันที แล้วมองไปที่รอบ ๆ แล้วตะโกนพูดขึ้น

“เพี๊ยะ!”

วินาทีต่อมา เสียงตบหน้าที่ชัดเจนก็ผ่านไป เก่อเล่ถูกตบจนปลิวออกไปโดยตรง

เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ทุกคนต่างก็ตกตะลึงอีกครั้ง

ทุกคนต่างไม่มีใครรู้เลยว่าเก่อเล่นั้นปลิวออกไปด้านนอกได้อย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้นคือสีหน้าของหนุ่มแผลเป็นเต็มไปด้วยความกลัว และไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ต่อมา ก็มีเพียงแค่ลมหนาวพัดผ่านตรงหน้าของหนุ่มแผลเป็นไป

วินาทีต่อมา ลำคอของหนุ่มแผลเป็นก็มีรอยเลือดแดงปรากฏขึ้น

หนุ่มแผลเป็นเบิกตากว้าง และยืนมือออกมาแล้วจับไปที่คอของตัวเอง

หลังจากนั้นไม่กี่นาที หนุ่มแผลเป็นก็ล้มลงไปนอนอยู่กับกองเลือด

และในขณะนี้เก่อเล่ก็รู้สึกตัวขึ้นมาเล็กน้อย และลุกขึ้นยืนจากพื้น

เมื่อเขาเห็นหนุ่มแผลเป็นล้มลงไปอยู่กับกองเลือด ทำให้เขารู้สึกตะลึงหนักมาก

และไม่รอให้เขาตอบสนอง บนลำคอของเขาก็มีรอยเลือดปรากฏขึ้นมา และเลือดก็ไหลพรากออกมาไม่หยุด

ต่อมาเก่อเล่ก็ล้มลงไปนอนอยู่กับกองเลือดเหมือนกับหนุ่มแผลเป็น

การเสียชีวิตอย่างไม่สามารถอธิบายได้ของพวกเขาสองคนทำให้ลูกน้องที่อยู่ด้านข้างทุกคนตะลึงมาก และต่างตะโกนกรีดร้องและวิ่งหนีออกจากที่เกิดเหตุ

ในเวลานี้เองเฉินเกอผู้ที่อยู่ในสภาพโปร่งใส ยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าที่เยือกเย็นหม่นหมอง เขามองไปยังศพของเก่อเล่และหนุ่มแผลเป็นพวกเขา โดยที่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจปรากฏออกมาจากบนใบหน้าของเขาเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!