สีโม่เฉิงยิ้มเยาะด้วยความดูถูก
“คุณนายล่ะ ทำอย่างไร”
“คุณนายเขา…”
ฉินจูลังเลอยู่ชั่วขณะ สุดท้ายก็พูดความจริงออกมา
“คุณนายรับปากแล้ว”
“รับปากแล้ว”
สีโม่เฉิงแปลกใจเล็กน้อย
เขาคิดว่าตัวเขาเองรู้จักผู้หญิงคนนั้นดีอยู่พอตัว รู้ว่าเธอก็เหมือนลูกแมวน้อยที่ซ่อนกรงเล็บเอาไว้
ปกติไม่ได้ยั่วโมโหอะไรเธอ ก็ยังต้องระวังจะถูกเธอข่วนเอา ตอนนี้คนอื่นปีนมาอยู่บนหัวเธอแล้ว เธอกลับรับปากไปแบบนี้เหรอ
ชายหนุ่มหรี่ตาลง แต่นิ่งเงียบอยู่ไม่นาน จู่ๆก็ยิ้มออกมา
“เอาละ เรื่องนี้ฉันรู้แล้ว นายจดรายชื่อลูกค้าที่ตามเฉิงเฟิงไปบีบเธอพวกนั้นมา รอให้เรื่องนี้จบ แล้วค่อยปล่อยข่าวนี้ออกไป ปล่อยมันไป ใครก็ตามที่ร่วมมือกับพวกเขาจะถูกมองว่าต่อต้านCeesi Groupของเรา จากนั้นก็ไม่ต้องสนใจแล้ว”
ฉินจูตกใจจนเบิกตาโตเล็กน้อย
ต้องเข้าใจว่า พอคำสั่งที่ออกไป บริษัทพวกนั้นอาจจะถูกกำจัดออกจากวงการธุรกิจไปทันทีเลย
ใครจะไปโง่ถึงขนาดที่ว่า ยอมผิดใจกับCeesi Group เพื่อไปร่วมมือกับบริษัทเล็กๆบริษัทหนึ่งล่ะ
แม้ในใจจะตกใจ แต่ฉินจูก็รับคำสั่งด้วยความนอบน้อม จากนั้นก็ถอยออกไป
ประตูห้องทำงานปิดลงอย่างไม่มีเสียง
สีโม่เฉิงนั่งอยู่ที่นั้น คิดใคร่ครวญ ยังมิวายเป็นห่วงว่าสาวน้อยคนนั้นจะถูกรังแก โทรศัพท์ไปอย่างอดไม่ได้
โทรศัพท์ดังสองสามครั้ง ก็มีคนรับสาย
อีกฝ่ายเหมือนกำลังยุ่ง พูดประโยคแรกอย่างมึนงงเล็กน้อย
“ฮัลโหล ใครคะ”
“ผมเอง”
เสียงดังฟังชัด ดังผ่านโทรศัพท์มา กู้หรันตกใจไปชั่วขณะ
เอาโทรศัพท์มือถือลงมาดู หมายเลขที่โทรเข้ามาแสดงชัดเจนว่าเป็นสีโม่เฉิง จึงอดกลืนน้ำลายไม่ได้ เอาโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูอีกครั้ง ปรับน้ำเสียงให้ดี
“อ้อ คือคุณเองเหรอ มีเรื่องอะไรคะ”
สีโม่เฉิงยื่นมือมานวดที่หน้าผาก พูดเบาๆว่า “ไม่มีอะไรครับ ก็นึกถึงคุณขึ้นมา ก็เลยโทรถามดู”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์ลวงอลวนรัก
มีต่อจากตอนที่ 145 มั้ยคะ...