พอคิดถึงท่าทีที่ลู่หนันเซียวมีต่อเธอก่อนหน้านี้ เธอก็รู้สึกว่ามันน่าขำสิ้นดี
ก็ไม่รู้ว่า พอกู้อันหนิงรู้ความจริงทั้งหมดของเรื่องที่ตัวเองรู้จักกับลู่หนันเซียวแล้ว เธอจะมีสีหน้ายังไง?
แต่ กู้หรันไม่ได้กะที่จะบอกเธอในตอนนี้
ถึงยังไง กว่าจะได้เห็นสภาพที่ถูกบีบบังคับให้ยอมจำนนแบบนี้ของกู้อันหนิงได้ไม่ได้เห็นบ่อยๆ เธอต้องเล่นกับเธอเยอะๆหน่อยสิ
กู้หรันแอบยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น“ในเมื่อเธอก็รู้แล้วว่าฉันมีแผนการ ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่มีทางเอาเบอร์ติดต่อของเขาให้กับเธอแน่นอนอยู่แล้ว”
“ถึงยังไง คนบางคนก็มีบทเรียนจากความล้มเหลวมาก่อนแล้ว การที่ดึงดันที่จะอ่อยแฟนของคนอื่น เธอว่าฉันจะโง่ขนาดที่ว่าไม่ได้รับบทเรียนจากครั้งที่แล้ว แล้วจะผิดพลาดเป็นครั้งที่สองอย่างนั้นเหรอ?”
กู้อันหนิงตื่นตัวกระวนกระวายใจ
โมโหขึ้นมาทันที
“กู้หรัน!ที่ฉันพูดเป็นความจริง!”
“แต่ฉันไม่เชื่อ”
กู้หรันยิ้มเล็กน้อย
มองท่าทางที่เห็นๆอยู่ว่าโมโหแต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้แบบนั้นของกู้อันหนิง รู้สึกสะใจอยู่ภายในใจสุดๆ
“เอาล่ะ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็ถอยไปซะ หมาที่ฉลาดมันจะไม่ขวางทางหรอกนะ ฉันจะกลับบ้านแล้ว”
เธอพูดจบ ก็สตาร์ทรถ
กู้อันหนิงก็ไม่กล้าขวางรั้งต่อ
ถึงยังไง กู้หรันก็เกลียดเธอขนาดนี้ เธอไม่รู้ว่าจู่ๆเธอจะบ้าขึ้นมาแล้วเหยียบคันเร่งพุ่งชนเข้ามาหรือเปล่า
หลังจากที่กู้หรันจากไปแล้ว ก็ทำได้แค่กัดฟันกรอดๆ
“ให้ตายสิ!คนพวกนี้ต่างก็ดูถูกฉันกันนักใช่ไหม?”
“เหอะ ในเมื่อพูดดีๆแล้วไม่ฟัง ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
เธอพูดพลาง แววตาก็โหดเหี้ยม หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรออกไปยังเบอร์หนึ่ง
ส่วนทางด้านนี้
กู้หรันกลับมาถึงSouthbank Residence
ไฟในห้องโถงสว่างอยู่ สีโม่เฉิงกำลังนั่งดูเอกสารอยู่บนโซฟา
เธอเปลี่ยนรองเท้า เดินตรงเข้าไป
“ทำไมคุณถึงยังไม่นอนอีก?”
เนื่องจากต้องไปทำงาน เวลาทำงานและเวลาพักผ่อนของเขาจึงคงที่มาโดยตลอด
ปกติแล้วก่อนห้าทุ่มก็ขึ้นไปอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว เธอยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เลยเที่ยงคืนไปแล้ว
กู้หรันรู้สึกว่ามันแปลกอยู่ไม่น้อย
เธอลูบหน้าของตัวเอง พบว่าหน้าก็เรียบเนียนดี ไม่ได้มีสิ่งสกปรกอะไรติดอยู่
ก็เลยมองเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างช่วยไม่ได้
ผ่านไปสักพัก สีโม่เฉิงก็พูดถามขึ้น“ที่คุณถามคำถามนี้ เพราะว่าเขายังไม่ได้ตอบรับว่าจะเป็นแอมบาสเดอร์ให้กับคุณใช่ไหม คุณก็เลยอยากจะลงมือผ่านทางด้านภูมิหลังของเขา?”
กู้หรันส่ายหน้า
“เปล่านะ ฉันมีสถานภาพอะไร? ฉันรู้ตัวเองดีว่าอยู่ในจุดไหน ต่อให้รู้ภูมิหลังของเขา ก็ไม่มีทางสอดมือเข้าไปยุ่งทางด้านนั้นได้อยู่ดี ฉันก็แค่รู้สึกอยากรู้อยากเห็น ก็เลยถามดูก็เท่านั้น”
เธอถอนหายใจออกมา พูดขึ้นมาต่อ
“บอกคุณตรงๆเลยก็แล้วกัน จริงๆแล้วเป็นเพราะว่าวันนี้แม้ว่าฉันจะไปพบกับเขามาแล้ว แต่ก็รออยู่ในห้องพักของเขาอยู่ตลอด รออยู่สองชั่วโมงเต็มๆ ต่อมาพอเจอกับเขา เขาก็ยุ่งอยู่กับการท่องสคริปต์ของเขา ฉันก็เลยไม่ได้พูดอะไรมากมายกับเขาเท่าไร”
“ฉันคาดว่า เขาน่าจะอยากที่จะแสดงอำนาจข่มฉัน ให้ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้ทำใจยอมถอยไปซะ”
“ถึงแม้ฉันจะรู้ว่าเขาทำขนาดนี้ก็พอจะเข้าใจได้อยู่ ถึงยังไง สำหรับเขาแล้ว บริษัทสโนวี่ไม่ใช่ตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่ฉันก็ยังอยากจะลองพยายามให้สุดความสามารถดูอีกสักครั้ง”
สีหน้าของสีโม่เฉิงรู้สึกว่าเรื่องมันยุ่งยากอยู่ไม่น้อย
เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่ต้องไปคิดกังวลอะไรกับภูมิหลังของเขาหรอก ในเมืองหลวงตระกูลของเขาก็เป็นแค่ตระกูลเล็กๆเท่านั้น คุณไม่ต้องไปใส่ใจ”
หยุดไปสักพัก จู่ๆก็พูดขึ้นมาต่อ“จริงๆแล้ว……ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง รู้จักกับเขามานมนาน เดี๋ยวผมช่วยถามเพื่อนของผมให้เอาไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์ลวงอลวนรัก
มีต่อจากตอนที่ 145 มั้ยคะ...