กู้หรันแววตาสว่างวาบขึ้นมา
“จริงเหรอ?”
วินาทีต่อมา ก็มืดมนลง
“แต่เพื่อนของคุณ……จะใช้ได้เหรอ? ถึงยังไงเรื่องนี้มันก็เกี่ยวข้องกับงานของเขา ต่อให้เป็นเพื่อนก็ไม่ได้สอดมือเข้าไปยุ่งง่ายๆหรอกนะ”
สีโม่เฉิงพูดขึ้นอย่างนิ่งเฉย“ถ้าคิดจะให้เขาเซ็นสัญญาเลยตรงๆมันไม่ได้อยู่แล้ว แต่พอจะหาโอกาสให้คุณได้นั่งคุยเจรจากับเขาอีกสักครั้งได้อยู่ แต่สุดท้ายแล้วเขาจะยอมเป็นแอมบาสเดอร์ให้หรือไม่นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณแล้วล่ะ”
จิตใจที่เดิมทียอมแพ้ล้มเลิกไปแล้วของกู้หรันจู่ๆก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง
เธอรีบตอบอย่างทันที
“ได้สิ!คุณวางใจได้ ขอแค่มีโอกาส ฉันจะต้องคว้าเอาไว้แน่นอน”
……
ในคืนวันนั้น
ลู่หนันเซียวที่กว่าจะถ่ายละครเสร็จ กลับมาถึงโรงแรมกำลังเตรียมที่จะอาบน้ำพักผ่อน จู่ๆก็มีคนโทรศัพท์เข้ามา
ตอนที่เห็นสายที่แสดงบนหน้าจอนั้น เขาก็ถลึงตาโตด้วยความตกใจ
สบถอุทานออกมาอย่างอดไม่ได้ “ให้ตายสิ!”
รีบรับสายทันที
“พี่ แหะๆ ทำไมถึงคิดที่จะโทรศัพท์หาผมได้ล่ะ?”
เปลี่ยนเป็นสีหน้ายิ้มแย้มประจบประแจงทันที
เสียงที่เย็นชาของสีโม่เฉิงดังเข้ามาในสาย
“นายไปรับงานแอมบาสเดอร์ของบริษัทสโนวี่ซะ”
“หา?”
ตอนนั้น ลู่หนันเซียวแทบจะสงสัยแล้วว่าตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า
เขาเปิดสตูดิโอเป็นของตัวเองเอาไว้หนึ่งแห่ง แต่สตูดิโอกลับอยู่ภายใต้ชื่อของบริษัทเทียนเซิ่ง เอ็นเตอร์เทนเมนท์ที่สีโม่เฉิงเป็นเจ้าของ เรื่องนี้คนนอกไม่ค่อยรู้
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะเป็นทั้งลูกพี่ลูกน้องและเจ้าของ แต่ก่อนหน้านี้สีโม่เฉิงก็แทบจะไม่เคยสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องงานของเขาเลย เรียกได้ว่าไม่เคยเลยด้วยซ้ำไป
วันนี้พระอาทิตย์มันขึ้นทางตะวันตกหรือไงกันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น?
สีโม่เฉิงกลับไม่ได้ให้คำอธิบายใดๆกับเขา
หลังจากที่สั่งกำชับแล้ว ก็วางสายไปทันที
ลู่หนันเซียวมองหน้าจอโทรศัพท์ที่มืดลง ขมวดคิ้ว
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ก่อนหน้านี้ตัวเองเพิ่งจะเจอกับประธานของบริษัทสโนวี่ ต่อมาพี่ก็โทรศัพท์มาหา
หรือว่า……
ดูเหมือนว่าจะคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาแววตาสว่างวาบ
ให้ตายสิ!นี่มันเป็นความลับที่น่าตกใจมากๆเลยนะ!
ผู้จัดการรู้ดีว่า อารมณ์ของคุณชายคนนี้จะไปยุแหย่ด้วยไม่ได้
ในเมื่อเป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นตัวเองก็ไม่มีข้อกังขาอะไรอีก
ก็เลยตอบรับไป
วันต่อมา
กู้หรันได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการของลู่หนันเซียวตั้งแต่เช้าตรู่
พอรู้ว่าเขายอมที่จะพบกับเธออีกครั้ง ก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
“ได้ค่ะ ฉันทราบแล้ว คุณวางใจได้ ฉันจะไปตามเวลาแน่นอน”
หลังจากที่วางสายไป เธอก็หันมองผู้ชายที่กำลังลงมาจากชั้นบน พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความดีใจ“สีโม่เฉิง ลู่หนันเซียวยอมที่จะพบกับฉันอีกครั้งแล้ว”
สีโม่เฉิงยกคิ้ว
บางทีอาจเป็นเพราะว่าเธอดีอกดีใจเกินไป ตัวเองก็เลยพลอยรู้สึกไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว
“อื้อ ดีแล้ว”
ระหว่างที่พูด ก็ยกมือขึ้นมาลูบหัวของเธอด้วยความเคยชิน
กู้หรันนิ่งชะงักไป
สีโม่เฉิงก็หยุดชะงักไปเช่นกัน ดึงมือกลับมาด้วยสีหน้านิ่งเฉยไม่เปลี่ยนแปลง
การกระทำที่สนิทสนมและอบอุ่นแบบนี้ ทั้งคู่กระทำต่อกันไม่ค่อยบ่อย แต่ทุกครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะทำมันออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติอยู่เสมอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์ลวงอลวนรัก
มีต่อจากตอนที่ 145 มั้ยคะ...