สุดท้าย กู้อันหนิงก็เดินจากไปด้วยความโมโห
ประเด็นคือคนที่อยู่ล้อมรอบเธออยู่มีเยอะมาก สายตากดดันแบบนั้นทำให้เธอรู้สึกอับอาย
เซี่ยหนันมองท่าทางที่วิ่งหนีไปด้วยความหดหู่ท้อแท้ของเธอ ก็สบถออกมาอย่างดูถูก
ในที่สุดทั่วทั้งภัตตาคารก็นิ่งสงบลงอีกครั้ง
พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟ เซี่ยหนันจิ้มข้าวตรงหน้า พลางมองกู้หรันอยากที่จะพูดออกมาแต่ก็หยุดเอาไว้
กู้หรันพูดขึ้นนิ่งๆ“มีอะไรก็พูดมา”
เซี่ยหนันกลืนน้ำลาย
“เอ่อ……เธอกับเฉิงเฟิง เลิกกันแล้วจริงๆเหรอ?”
ช่วงที่ผ่านมานี้ เธออยู่ต่างประเทศมาโดยตลอด
เรื่องในประเทศ แม้ว่าเธอจะได้ยินข่าวคราวมาบ้างจากบางช่องทาง
แต่ก็มีจริงบ้างไม่จริงบ้าง บวกเข้ากับความต่างของเวลา ดังนั้นก็เลยรู้ไม่เยอะมากนัก
กู้หรันเงยหน้าขึ้นมองเธอหนึ่งที
สายตานั้น เหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้ดูเศร้าเสียใจแล้วก็สิ้นหวังเหมือนกับที่เธอคิดไว้
เธอพูดยิ้มเบาๆ“เธอว่าไงล่ะ? กระดาษที่ใช้แล้วตกลงไปในคูน้ำแล้ว ถ้าฉันไม่ทิ้งมัน จะให้ฉันเก็บขึ้นมาใช้ต่อหรือไง?”
เซี่ยหนันก็อดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ หลุดขำ“พรวด”ออกมา
“กระดาษใช้แล้วที่ตกลงไปในคูน้ำ คำเปรียบเปรยนี้ช่างเหมาะสมจริงๆ ทำไมฉันถึงคิดไม่ถึงคำเปรียบเปรยที่ดีขนาดนี้เลยนะ?”
แต่เธอหัวเราะได้สักพัก ก็หยุดลง
มองกู้หรันด้วยสีหน้าเข้มงวดจริงจัง
“หรันหรัน เธอไม่ชอบเฉิงเฟิงแล้วจริงๆเหรอ?”
กู้หรันท่าทางการกระทำหยุดชะงักลง
ทำเป็นพูดถามขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจ“ทำไมถึงถามคำถามนี้?”
เซี่ยหนันรู้สึกลังเลไม่น้อย
“ก็ไม่ได้อะไรหรอก ฉันก็แค่รู้สึกว่าพวกเธอสองคนอยู่คบกันมาหลายปีขนาดนั้น แล้วเธอก็เป็นคนที่ใส่ใจกับความรู้สึกด้วย แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้แสดงออกมา แต่ฉันรู้สึกได้ว่า ในใจของเธอน่าจะเสียใจอยู่ไม่น้อยสินะ?”
เซี่ยหนันเป็นห่วงเธอจริงๆ
เป็นห่วงที่แม้ว่าเธอจะรู้สึกเศร้าเสียใจ ก็เก็บเอาไว้ภายในใจคนเดียว
ไม่ยอมพูดออกมา ระบายออกมาไม่ได้ ปล่อยวางไปไม่ได้
แม้แต่ปล่อยวางไปยังทำไม่ได้ แล้วจะให้ไปหาความสุขครั้งใหม่ได้ยังไงกันล่ะ?
เซี่ยหนันอึ้งตะลึงไปทันที
แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า เธอจะคิดแบบนี้
ถึงจะเศร้าเสียใจ แต่ก็รู้สึกยินดีกับเพื่อนรักเหมือนกัน
“หรันหรัน เธอคิดได้ขนาดนี้ก็ดีแล้ว ฉันกลัวว่าเธอจะหลุดออกมาไม่ได้”
กู้หรันยิ้มๆ พูดขึ้น“ไม่มีทางหรอก วางใจได้”
ทั้งสองคนกำลังพูดกันอยู่ ในตอนนี้เอง จู่ๆข้างๆก็มีเสียงที่น่าประหลาดใจเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“เอ๋ มัน……”
ยังไม่ทันพูดจบ คำพูดส่วนหลังก็หยุดลงทันที
กู้หรันร่างกายแข็งทื่อ เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เห็นสีโม่เฉิงกับฉินจูยืนอยู่ตรงนั้น
ข้างหลังของพวกเขา ยังมีชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทตามมาด้วยอีกสองสามคน น่าจะเป็นลูกค้าที่มาเจรจาธุรกิจอะไรพวกนั้น
ในใจของกู้หรันก็เต้น“ตึกตัก”ขึ้นมาทันที
หนึ่งในนั้นมีประธานระดับสูงคนหนึ่งที่รู้จักกับกู้หรันยิ้มๆพร้อมกับพูดขึ้นมา“ที่แท้คุณหรันก็ทานข้าวอยู่ที่นี่เอง ทำไมเหรอ คุณฉินจูก็รู้จักคุณหรันเหมือนกันเหรอ?”
ฉินจูอ้ำอึ้งๆ ใบหน้าเริ่มแดง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์ลวงอลวนรัก
มีต่อจากตอนที่ 145 มั้ยคะ...