กู้หรันแววตาเคลื่อนเล็กน้อย ลุกขึ้นมาอย่างสบายๆเป็นธรรมชาติ
“คุณหยวี คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอกับท่านที่นี่นะคะ ช่างบังเอิญจริงๆ”
เธอพูดจบ ก็หันมองไปยังสีโม่เฉิง
จากนั้นก็พูดยิ้มๆ“พูดตรงๆเลยแล้วกัน ฉันกับคุณโม่เฉิงรู้จักกันจริงๆค่ะ เอ่อ……เป็นพันธมิตรที่ร่วมงานกันทางธุรกิจทั่วๆไปน่ะค่ะ……”
“เป็นความสัมพันธ์แบบคนตามจีบและคนถูกตามจีบครับ”
จู่ๆสีโม่เฉิงก็เปิดปากพูดขึ้น
พอคำพูดนี้ออกมา ทุกคนตรงนั้นก็นิ่งเงียบไปทันที
ทุกคนต่างมองเขาด้วยความประหลาดใจ รู้สึกว่าไม่อยากจะเชื่อ
“ว่า ว่าไงนะ?”
คุณหยวีสงสัยว่าตัวเองจะหูฝาดไป
สีโม่เฉิงก็เลยพูดเน้นย้ำออกมาอีกหนึ่งรอบ
“ผมบอกว่า ผมกับคุณหรัน มีความสัมพันธ์แบบคนตามจีบและคนถูกตามจีบครับ”
คุณหยวี“……”
ประธานระดับสูงคนอื่นๆ“……”
ฉินจูที่อยู่ข้างๆตัวเขา“……”
กู้หรัน“……”
เซี่ยหนันก็อึ้งตะลึงไปเหมือนกัน
แน่นอนว่าเธอรู้จักสีโม่เฉิงอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ก็เคยเห็นเขาในข่าวหรือไม่ก็ในนิตยสารใการเงินมาบ้าง
ในเวลานี้ จู่ๆได้มาเห็นเขาในชีวิตจริง ก็อึ้งตะลึงอยู่สักพัก ผ่านไปนานสองนานกว่าจะตอบสนองกลับมาได้
“ไม่ใช่สิ หรันหรันเธอ……”
เธอหยุดไปหลายวินาทีก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองอยากจะถามอะไร
“เธอรู้จักสีโม่เฉิง?”
กู้หรันลูบหน้าผากด้วยความปวดหัว
เธอรู้ว่า ในเวลานี้ ต่อให้เธอปฏิเสธไปก็ไม่มีประโยชน์
ผู้ชายคนนี้ ตั้งมั่นในใจแล้วว่าจะไม่ให้เธอได้อยู่อย่างสงบสุข
เธอถอนหายใจออกมาอย่างหมดหนทาง พูดขึ้นอย่างยอมรับชะตากรรม“รู้จัก ฉันกับคุณโม่เฉิง……”
เธอหันมองสีโม่เฉิง รู้สึกหมดหนทาง“ก่อนหน้านี้คุณโม่เฉิงเคยช่วยฉันเอาไว้ ดังนั้นพวกเราก็เลยมีมิตรภาพที่ลึกซึ้งต่อกัน”
ตอนที่พูดคำข้างหลัง ก็จงใจเน้นเสียงให้หนัก กัดฟันพูดออกมา
สีโม่เฉิงสีหน้านิ่งเฉย มีเพียงแค่แสงสลัวๆในแววตาเท่านั้น
คนอื่นๆที่เหลือต่างก็คลุกคลีอยู่ในแวดวงธุรกิจมาหลายปี แน่นอนว่าล้วนแต่เป็นคนที่มากประสบการณ์กันทั้งนั้น
สัมผัสได้ว่าบรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งสองคนนั้นดูผิดแปลกอยู่ไม่น้อย จึงรีบเข้ามาพูดไกล่เกลี่ยทันที“เหอะๆ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ช่างบังเอิญเสียจริงนะครับ เอ่อคุณโม่เฉิง เราอยู่ที่นี่มานานแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่รบกวนพวกคุณหรันทานข้าวดีกว่าครับ……”
สีโม่เฉิงก็ไม่ได้ทำให้กู้หรันรู้สึกอึดอัดใจต่อ เดินแหวกผู้คนที่แออัดจอแจไปยังห้องไพรเวทที่จองเอาไว้
พวกกลุ่มคนก็พากันเดินทยอยจากไป
เซี่ยหนันหัวเราะแหะๆ ก่อนจะเข้าไปพูดถามขึ้นด้วยความอยากรู้“ว่าแล้วทำไมตอนที่ฉันถามเธอว่าเธอเลิกกับเฉิงเฟิงแต่ทำไมไม่เสียใจเลยสักนิด ที่แท้ก็หาคนที่ยอดเยี่ยมกว่าได้แล้วนี่เอง ก็ไม่รู้ว่าถ้าพวกกู้อันหนิงรู้เรื่องนี้ จะอิจฉาริษยาเธอหรือเปล่านะ?”
สีโม่เฉิงกับเฉิงเฟิง แน่นอนว่าเทียบกันไม่ได้เลย
ส่วนกู้อันหนิงนั่น เป็นคนไม่ยอมใครมาตลอดทั้งชีวิต ทั้งหมดที่กู้หรันมี เธอก็จะแก่งแย่งช่วงชิงไปให้หมด
ดังนั้น เซี่ยหนันก็เลยพูดว่า ถ้าให้เธอรู้ว่าหลังจากที่กู้หรันกับเฉิงเฟิงเลิกกันแล้ว แต่กลับหาคนที่ดีกว่าแบบสีโม่เฉิงได้ ภายในใจจะต้องรู้สึกอิจฉาริษยาแน่ๆ
กู้หรันกลับเหม่อลอย
อิจฉาริษยาเหรอ?
มีอะไรที่น่าอิจฉาริษยากัน?
เธอกับสีโม่เฉิง ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆสักหน่อย
เป็นแค่ความสัมพันธ์ที่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายก็เท่านั้น
พอคิดถึงตรงนี้ ก็ไม่รู้ว่าทำไม ในใจถึงแอบรู้สึกหดหู่ขึ้นมา
แต่ไม่นาน เธอก็สลัดความหดหู่นี้ทิ้งไป
เธอแอบหัวเราะเยาะตัวเอง กู้หรันเธอกำลังคิดอะไรอยู่?
ในเมื่อเป็นการร่วมมือกัน ก็ต้องเคารพต่อสัญญา
ผู้ชายคนนั้นจะพูดมั่วซั่วอะไรออกมาก็ได้ แต่เธอจะต้องควบคุมจัดการกับอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ให้ได้
ไม่อย่างนั้น ถ้าเกิดถูกทำร้ายอีกครั้ง เธอจะเยียวยารักษาตัวเองยังไง?
เธอยิ้มๆ พร้อมกับพูดกับเซี่ยหนัน“พอได้แล้ว พวกเราหยุดพูดเรื่องนี้กันได้แล้ว เออใช่ แล้วเธอกลับมาในครั้งนี้กะที่จะอยู่ที่เมืองJนานแค่ไหนเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์ลวงอลวนรัก
มีต่อจากตอนที่ 145 มั้ยคะ...