ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 176

พบคนคนหนึ่ง?

หรือจะไปพบมารดาของกู้โม่หานเหรอ?

ใจของหนานหว่านเยียนอยู่ ๆ ก็ตื่นเต้นขึ้นมา “เจ้าจะพาข้าไปพบใคร……”

นางยังไม่ทันได้พูดจบ ตรงข้อมือก็รู้สึกแน่นขึ้นมา กู้โม่หานได้จับมือหนานหว่านเยียนไว้แล้วลากเดินไปทางหนึ่งแล้ว

ในดวงตาเขาแฝงความเกลียดและความมืดมนเอาไว้ เป็นครั้งแรกที่หนานหว่านเยียนเห็นเขาเป็นเช่นนี้ รอบตัวแฝงความเยือกเย็นที่ทำให้คนหวาดกลัว

ดวงตาของนางสั่นไหวเล็กน้อย แล้วไม่พูดอะไรอีก

ไม่นาน ทั้งสองคนก็มาถึงหน้าตำหนักที่งดงามแห่งหนึ่ง บนประตูสลักคำว่า“ตำหนักอู๋ขู่”สามคำเอาไว้ ดูแข็งแรงและทรงพลัง

กู้โม่หานไม่ได้ให้โอกาสหนานหว่านเยียนได้หยุดหายใจ แล้วลากตัวนางเข้าไปข้างในเลย

ในตำหนัก หวางหมัวมัวที่กำลังทำความสะอาดอยู่ พอเห็นกู้โม่หานมา ก็รีบเช็ดไม้เช็ดมือ ยิ้มหน้าระรื่นขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปต้อนรับ

“ท่านอ๋อง! ทำไมมาเช้าขนาดนี้เลยละเจ้าคะ เหนื่อยหรือเปล่า? เร็วเร็ว รีบเข้าไปนั่งก่อนเถอะเจ้าค่ะ”

หวางหมัวมัวพูดไปแล้ว ก็เห็นหนานหว่านเยียนที่อยู่ด้านหลัวกู้โม่หาน แววตาที่ดีอกดีใจในตอนแรกมีความเย็นเข้ามาปกคลุมชั้นหนึ่งพอดี

ถึงแม้ว่าดวงตาของผู้หญิงตรงหน้าจะดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่คนของตระกูลหนาน ใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวเหมือนผีร้ายพวกนั้น ถึงจะกลายเป็นฝุ่นผงไปแล้ว นางก็ยังดูออกอยู่ดี!

“ท่านอ๋อง! ท่าน ท่านพานางมาทำไมเจ้าคะ! นางเป็นศัตรูที่ไม่มีวันให้อภัยได้ของตำหนักอู๋ขู่เรา เป็นศัตรูของท่าน เป็นศัตรูของหยีเฟยเหนียงเหนียงนะเจ้าคะ!”

หนานหว่านเยียนจ้องมองหวางหมัวมัวที่มีไรผมสีขาวทั้งสองข้าง แล้วคิ้วเรียวก็ขมวดขึ้นมา

ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้นางก็นึกว่ามีแต่กู้โม่หานคนเดียวเท่านั้นที่เกลียดนาง แต่ที่แท้ แม้แต่คนรับใช้ที่อยู่ข้างกายหยีเฟยก็ยังมีท่าทางเหมือนอยากสับนางให้เป็นหมื่น ๆ ชิ้น

บนใบหน้าคมคายราวแกะสลักมาของกู้โม่หานเต็มไปด้วยความเกลียด และยังจับข้อมือหนานหว่านเยียนไว้ตลอด

“แค้นจนไม่อยากอยู่ร่วมโลกด้วย ข้าไม่เคยลืม วันนี้ข้าจะให้นางได้เห็นสักหน่อย ว่าตกลงตระกูลหนานทำอะไรท่านแม่ไว้บ้าง!”

“ท่านอ๋อง……” หวางหมัวมัวอยากเปิดปากพูดห้ามปราม ไม่อยากให้คนของตระกูลหนานมาปรากฏกายที่ห้องนอนนี้ แต่กู้โม่หานกลับพาหนานหว่านเยียนเดินไปทางห้องนอนของหยีเฟยแล้ว

หวางหมัวมัวทำได้แค่อดทน และตามหลังไปภายใต้การพยุงของสาวใช้ ความเกลียดและความรังเกียจที่มีต่อหนานหว่านเยียนในดวงตานั้นไม่ได้ลดละลงไปเลย

ทุกที่ที่หนานหว่านเยียนเดินผ่าน สายตาเย็นชาของพวกคนรับใช้ที่ไม่ว่าจะงานยุ่งอยู่หรือว่างงานอยู่ ต่างก็จับจ้องมาที่นางคนนี้ “ผู้หญิงบาป”

สถานการณ์แบบนี้ ช่างแตกต่างกับตอนที่เข้าไปที่ค่ายเสินเชื่อกับกู้โม่หานโดยสิ้นเชิง

นิ้วมือของหนานหว่านเยียนกำแน่นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว จนกระทั่งถูกกู้โม่หานพาเข้าไปในห้องของหยีเฟย แล้วเห็นผู้หญิงที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง

จิตใจของนางเกรงกลัวเป็นอย่างมาก!

ร่างกายของหยีเฟยผอมแห้งราวกับไม้ไผ่ กล้ามเนื้อก็ลีบลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าสองแก้มตอบเป็นหลุมลึก ราวกับเป็นมัมมี่

นางหายใจรวยริน นอนสงบนิ่งอยู่แบบงั้น ต้องให้คนมาคอยดูแลปรนนิบัติทุกอย่าง การใช้ชีวิตประจำวันทุกอย่างต้องผ่านมือคนอื่นทั้งนั้น สำหรับพระสนมคนหนึ่งที่เคยสูงส่งสง่ามีเกียรติแล้ว มันเป็นการตกนรกชะมัด

สำหรับญาติพี่น้องแล้ว ก็เป็นการทรมานอย่างหนึ่ง

นางอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมามองกู้โม่หานเล็กน้อย ด้วยท่าทีซับซ้อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้