ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 202

หยีเฟยมิไหวแล้วงั้นหรือ?

หนานหว่านเยียนที่นั่งอยู่ในรถม้าได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน นางกลั้นลมหายใจเงี่ยหูฟัง

หากว่าหยีเฟยมิไหวแล้วจริงๆ กู้โม่หานจะจับนางฝังไปพร้อมกับมารดาของเขาหรือไม่?

ดวงตาของกู้โม่หานหรี่ลงสั่นคลอน เขาหายใจมิออก ราวกับมีธนูนับพันเล่มทิ่มแทงไปในหัวใจ

มือที่สั่นเทาเอื้อมไปพยุงหวางหมัวมัว “หมัวมัว ท่านโปรดชี้แจงให้ชัดเจน เสด็จแม่......เสด็จแม่เป็นอะไร?”

หวางหมัวมัวอดมิได้ที่จะร้องไห้ร้องห่ม พูดจามิเป็นศัพท์ “นับตั้งแต่เมื่อวานนี้เหนียงเหนียงก็มีอาการย่ำแย่ ชีพจรเต้นมิเป็นจังหวะ วันนี้หมอหลวงจึงได้ให้ข้อสรุปว่า เหนียงเหนียง...... เหนียงเหนียงอาจจะมิไหวแล้ว......”

ใบหน้าอันหล่อเหลาของกู้โม่หานขาวซีดทันที วินาทีนั้น เขารู้สึกราวกับไร้อากาศหายใจ ร่างกายเอนไปข้างหลังเล็กน้อย

ชายหนุ่มชะงักลงชั่วครู่ แต่ก่อนจะขยับริมฝีปากซีดเสียวของเขาขึ้นว่า “เป็นไปมิได้ เมื่อวานนี้ตอนออกจากวัง...... เสด็จแม่ยังดีอยู่เลย......”

เสด็จแม่ของเขา เขาดูแลปกป้องนางมาสิบกว่าปี ยังมิทันพบหมอเทวดาที่อาจรักษานางได้ นางยังมิได้ตื่นขึ้นมา เขายังมิได้พาตัวหนานฉีซานมา คุกเข่าต่อหน้านาง และตัดศีรษะของหนานฉีซานเป็นการแก้แค้นให้นางเลย

บัดนี้หมอหลวงกลับบอกว่าเสด็จแม่ของเขากำลังจะจากไปแล้ว

หวางหมัวมัวเช็ดน้ำตาแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง รีบตามหม่อมฉันเข้าไปในพระราชวังเถิด หากสายกว่านี้ บางที...... บางทีอาจมิมีโอกาสได้พบเหนียงเหนียงแล้ว”

กู้โม่หานแทบจะขาดใจ เขามุ่งหน้าตรงเข้าพระราชวังโดยมิกล่าวสิ่งใด แต่จู่ๆ ดูเหมือนจะนึกอะไรได้ จึงหันไปลากหนานหว่านเยียนลงมาจากรถม้า “เข้าหวังกับข้า!”

“อืม” ถึงอย่างไรชีวิตคนก็สำคัญกว่า หนานหว่านเยียนระงับความคับแค้นข้องใจเมื่อครู่ลง บัดนี้นางมิได้ขัดขืน แต่ดูสีหน้ามิดีนัก

เมื่อหวางหมัวมัวเห็นดังนั้น เดิมทีนางตั้งใจจะเอ่ยเตือนกู้โม่หานมิให้พาหนานหว่านเยียนเข้าวัง เกรงจะทำให้ตำหนักของหยีเฟยเหนียงเหนียงต้องแปดเปื้อน

แต่ท้ายที่สุดแล้วก็มิได้กล่าวสิ่งใดออกมา ถึงอย่างไรหนานหว่านเยียนก็เป็นพระชายาอ๋อง นี่เป็นเรื่องจริงที่มิอาจถกเถียงได้

หากว่าเหนียงเหนียงจากไปจริงละก็ นางก็ต้องตามไปด้วยเช่นกัน ก่อนที่จะจากไปหากสามารถดึงคนตระกูลหนานไปด้วยได้สักหนึ่งคน ก็ถือเป็นการแก้แค้นให้แก่เหนียงเหนียงได้

ทั้งสามตรงเข้าไปในพระราชวังอย่างเร่งรีบ

ส่วนภายในจวนอ๋อง ส่วนหยุนอี่ว์โหรวได้ยินว่าในวันนี้กู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนเดินทางออกไปข้างนอกพร้อมกัน ทั้งยังพาเจ้าเด็กสองคนนั้นไปด้วย มิเพียงเท่านี้ ทั้งสี่คนพากันไปหอเซิงหนาน

ได้ยินมาว่า กู้โม่หานจ่ายเงินเช่าห้องส่วนตัวทั้งหมดที่ชั้นสอง เพียงเพื่อแลกมากับรอยยิ้มของหนานหว่านเยียน

หยุนอี่ว์โหรวที่อยู่ในจวนรู้สึกคับแค้นใจยิ่งนัก ภายในเรือนจู๋หลานเต็มไปด้วยความอาฆาตของนางที่แผ่ซ่านออกมา

นางอิจฉาริษยาเสียจนมิอาจนั่งอยู่เฉยๆ ได้ จึงสั่งให้เชี่ยนปี้แต่งกายให้นาง นางจะออกไปหาหนานหว่านเยียนสตรีชั้นต่ำนั่น

แต่เมื่อหยุนอี่ว์โหรวเพิ่งจะเดินไปถึงปากประตูจวนอ๋อง นางก็บังเอิญได้ยินสิ่งที่หวางหมัวมัวกล่าวกับกู้โม่หาน และกู้โม่หานก็ได้ดึงหนานหว่านเยียนเข้ามาโอบเอวของนางแล้วกระโดดขึ้นหลังม้าอย่างรวดเร็ว

พวกเขาจากไปโดยมิหันหลังมามอง มุ่งหน้าตรงไปยังพระราชวังหลวง

จู่ๆ หยุนอี่ว์โหรวก็รู้สึกเกลียดแค้นกู้โม่หาน นางกัดริมฝีปาก จับจ้องไปยังร่างของทั้งสองที่จากไป แล้วเดินทางกลับเรือนด้วยความหงุดหงิดโมโห

หยีเฟยกำลังจะตาย แต่กู้โม่หานกลับมิพานางไปด้วย เขาพาหนานหว่านเยียนสตรีชั้นต่ำนั่นเข้าไปในพระราชวังหรือ?

เพราะเหตุใด!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้