ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 210

หนานหว่านเยียนมิได้สังเกตเห็นความผิดปกติไปของเขา นางตบมือของกู้โม่หานออกด้วยความขยะแขยง จากนั้นดื่มชาเข้าไปสามถ้วยเป็นการล้างปาก

นางหันมามองกู้โม่หานด้วยท่าทางอันชั่วร้ายโหดเหี้ยม กัดฟันกล่าวว่า “มิว่าก็มิว่า จะมาแตะเนื้อต้องตัวข้าทำไม!”

แต่กู้โม่หานกล่าวได้มิมีผิด นางเกือบจะลืมไปแล้วว่าตอนนี้นางอยู่ในวัง

แม้จะอยู่ในห้องบรรทมของหยีเฟย แต่นั่นมิได้หมายความว่ากำแพงจะไร้มีหู ประตูจะไร้ช่อง

เมื่อครู่นางต้องการจะถามกู้โม่หานดูว่าความสัมพันธ์ระหว่างหยีเฟยกับฮ่องเต้ดีหรือไม่ นางอยากรู้ว่าทั้งสองมีความรู้สึกดีๆ ต่อกันบ้างหรือเปล่า

เนื่องจากกู้จิ่งซานเสแสร้งแกล้งทำต่อหน้าว่ารักใคร่ แต่ลับหลังเขากลับมิต้องการให้ช่วยหยีเฟย การปฏิบัติเช่นนี้นางมิสามารถเดาได้เลย

แต่เมื่อหนานหว่านเยียนครุ่นคิดดู ก็รู้ว่าหากนางรู้มากก็จะตายเร็ว ดังนั้นนางควรจะนิ่งสงบเอาไว้อย่าได้สงสัยอะไรอีก

หัวใจของกู้โม่หานราวกับถูกแทงเลือดไหลนอง แต่เขามิได้สนใจ เพียงเสแสร้งทำเป็นสงบนิ่งแล้วเช็ดมืออย่างแรง

จากนั้นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาก็เต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ “เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว ยังน้ำลายไหลอยู่ เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยเก่งกว่าเจ้าตั้งมาก”

หนานหว่านเยียนกัดฟันด้วยความโกรธแค้น หยิบถ้วยชาในมือขว้างใส่เขา “ไร้สาระ!”

ดวงตาของกู้โม่หานขยับเขยื้อนเล็กน้อย เขารับถ้วยน้ำชาไว้ได้อย่างง่ายดายโดยมิหกแม้แต่หยดเดียว

ทันใดนั้นเขาก็ทำใบหน้าจริงจังส่งสัญญาณให้หนานหว่านเยียนหยุดส่งเสียง

หนานหว่านเยียนหันมามองเขาด้วยความสงสัย มิรู้ว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่

กู้โม่หานตั้งใจฟังเสียงหญ้าที่ถูกลมพัดด้านนอก จากนั้นจึงนั่งหลังตรง

กู้โม่หานมองไปทางหนานหว่านเยียนด้วยความจริงจัง ริมฝีปากเรียวบางเผยอขึ้นเล็กน้อยกระซิบว่า “เมื่อครู่มีคน”

หนานหว่านเยียนชะงักลง นางมิเห็นรู้เลย

“อ้อ”

กู้โม่หานจ้องไปที่นางอย่างใกล้ชิด น้ำเสียงอันไพเราะดังขึ้น “หนานหว่านเยียน เจ้าฟังให้ดี มิว่าเรื่องราวจะดำเนินไปถึงเช่นไร แต่ความแค้นระหว่างข้ากับจวนเฉิงเซี่ยงจะมิมีวันหยุดสิ้น ตราบใดที่คนในจวนเฉิงเซี่ยงยังอยู่ในเมืองหลวงแม้แต่คนเดียว ก็จะมิมีวันหนีพ้น”

“ส่วนเจ้า......หากเจ้ายังคงรักษาความมีมโนธรรมเช่นนี้ต่อไป บางทีข้าอาจจะเมตตาให้เจ้ามีสภาพศพที่สมบูรณ์”

สภาพศพสมบูรณ์?

หนานหว่านเยียนแทบจะโมโหหงุดหงิดระเบิดออกมา

กู้โม่หานมีมโนธรรมบ้างหรือไม่!

เมื่อครู่นางพยายามทุกวิถีทางในการช่วยชีวิตเขาเอาไว้ และอย่างน้อยนางก็ได้ช่วยชีวิตหยีเฟยด้วย แต่กู้โม่หานกลับหันมากัดนางเข้าอย่างจัง สมควรแล้วที่เป็นเจ้าอ๋องปากหมา!

หนานหว่านเยียนตบลงไปที่โต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน นางโมโหกู้โม่หานตะโกนสาบแช่งว่า “กู้โม่หาน เจ้ามันเหมือนคนที่ไม่รู้จักบุญคุณ!”

“ข้าช่วยชีวิตคนมากมายเพื่อเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่างเจ้ามิเคยเห็นมันเลยใช่หรือไม่ สภาพศพสมบูรณ์หรือ หากเจ้าทำให้ข้าขุ่นเคือง ข้าจะมิให้เจ้าเหลือแม้แต่กระดูก”

กู้โม่หานมิได้โมโห ความเกลียดชังและความอาฆาตแค้นที่เขาแสดงออกมาเมื่อครู่ ทั้งยังโกหกว่าด้านนอกมีคนก็เพียงต้องการให้สตรีนางนี้ผู้ที่ขี้กลัวต้องตกใจเล่นเสียเท่านั้น

บัดนี้หนานหว่านเยียนอ้าปากขึ้น กรงเล็บของนางเหมือนกับแมวที่มิมีปลาแห้งกิน ส่งเสียงร้องใช้อุ้งเท้าเป็นอาวุธ

เขาใช้มือข้างหนึ่งพยุงศีรษะเอาไว้แล้วมองดูหนานหว่านเยียนด้วยความเกียจคร้าน รอยยิ้มเปล่งประกายออกมาจากดวงตาดำขลับของเขาอย่างมิรู้ตัว

เขาและหนานหว่านเยียนอยู่ไกลกันมาก กลิ่นอายของสตรีอันหอมหวานแผ่ซ่านออกมากระตุ้นหัวใจของเขาให้คันยุบยิบ

เขากลืนน้ำลายลงคออย่างมิได้ตั้งใจ จากนั้นกระแอมออกมา เสแสร้งแกล้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันดุดันว่า

“เช่นนั้น ข้าเห็นแก่แม่นางน้อยทั้งสองคน จะพยายามไว้ชีวิตเจ้า”

“พยายามหรือ?” หนานหว่านเยียนเห็นเป็นเรื่องจริงจัง นางโมโหมากขึ้น ใบหน้างดงามแดงก่ำด้วยความโกรธ ยกมือขึ้นตบไปที่หน้าของกู้โม่หานอย่างแรง “สารเลว ข้า ไม่ รัก ษา แล้ว!”

กู้โม่หานจึงได้ตระหนักว่าเขาล้อเล่นแรงเกินไป จึงเอื้อมมือออกไปคว้ามือของหนานหว่านเยียนแล้วดึงนางไปไว้ในอ้อมกอด

มีโต๊ะขั้นอยู่ระหว่างทั้งสองคน เมื่อกู้โม่หานดึงนางเข้ามาเช่นนี้ หนานหว่านเยียนมิทันได้ตั้งตัว จึงทำให้กู้โม่หานกดนางลงไว้บนโต๊ะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้