ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 262

ใบหน้างดงามที่แสนเย็นชาของหนานหว่านเยียนแสดงสีหน้าที่อ่อนเพลีย เหนื่อยล้าอย่างยิ่งออกมา

ในวันนี้นางใช้พลังงานมากเกินไป ไม่ได้พักผ่อนเลยตั้งแต่เช้าถึงค่ำ เดิมทีก็เกินกำลังไปแล้ว ซ้ำไม่ได้ทานอาหาร ตอนนี้ยังต้องให้นางรับมือกับมือสังหารกลุ่มนี้อีก ซึ่งความจริงก็รับมือได้ยากอยู่แล้ว

“หนานหว่านเยียน!เจ้าใจลอยอะไร!”

หนานหว่านเยียนวิงเวียนศีรษะไปชั่วขณะ เมื่อฟื้นคืนสติ ตรงหน้าก็เห็นกู้โม่หานยืนบังอยู่ด้านหน้านาง ถูกดาบแทงเข้าที่บริเวณอก สีหน้าของเขาซีดลงอย่างรวดเร็ว ดาบของเขาแทงเขาไปยังคอของคู่ต่อสู้ และใช้เท้าถีบออกไป

ทันทีที่ดึงดาบของศัตรูออกมา เลือดของกู้โม่หานก็ไหลออกมาจากหน้าอกด้านซ้าย

รูม่านตากู้โม่หานหดเล็กลง บริเวณหัวใจก็ฉีกขาดออกอย่างเจ็บปวด ราวกับอวัยวะภายในของเขาถูกดึงอยู่ ทำให้เขาหายใจไม่ออก

หนานหว่านเยียนเมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ตกใจ“กู้โม่หาน!”

กู้โม่หานถูกนางทำร้ายบริเวณศีรษะและไหล่ เดิมทีร่างกายก็อ่อนแอลงจากเดิมอยู่แล้ว ในตอนนี้เพื่อที่จะปกป้องนาง กลับถูกแทงกลางหน้าอกซ้ายอีก

นางมองออก ดาบนี้แม้ว่าบาดแผลจะไม่ได้ลึกมาก ทว่าเลือดไหลเยอะมากจนน่าตกใจ สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต!

หนานหว่านเยียนใช้ผงพิษทันที เพื่อบีบให้คนชุดดำเหล่านั้นล่าถอย จากนั้นฉวยโอกาสในช่วงนี้ป้อนยาห้ามเลือดให้เขา“เจ้าวางใจเถิด ข้าจะไม่ขาดสติอีก”

ตอนนี้กู้โม่หานได้รับบาดเจ็บสาหัส นางจะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับเขาอีก

อย่างไรเสีย ระหว่างพวกเขา ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่สามารถติดหนี้บุญคุณกันได้ หนี้ชีวิตยิ่งไม่ได้

กู้โม่หานกอดหนานหว่านเยียนไว้ด้วยมือข้างเดียว สายตาที่แหลมคมบนใบหน้าอันหล่อเหลาจ้องเขม็งไปยังคนชุดดำที่เหลืออยู่ ในปากของเขาเต็มไปด้วยรสยาที่ขมฝาด

“แผลเล็กแค่นี้ ไม่เป็นอะไรหรอก หนานหว่านเยียนเจ้าเชื่อข้าหรือไม่”

เขาเคยเอ่ยว่าจะไม่ให้นางได้รับบาดเจ็บใดๆ

หนานหว่านเยียนเม้มริมฝีปาก สายตามองไปยังคนชุดดำรอบๆ ที่ดูคล้ายกับผี“ไม่เชื่อ”

นางที่เป็นนักเรียนแพทย์จะดูไม่ออกจริงๆ หรือว่าอาการบาดเจ็บร้ายแรงหรือไม่

กู้โม่หานหมดหวังในใจ เกิดร่องรอยความข่มขืนที่มุมปากอย่างไม่รู้ตัว

ตัวเขาเองก็คาดไม่ถึงว่า ตอนอยู่ในวังยังคิดว่าจะดีกับนางเกินไปไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็รับดาบแทนนางเสียแล้ว สมองเขามีปัญหาใช่หรือไม่

เขาก็ไม่มีเวลามานั่งไตร่ตรอง เปลี่ยนกลับไปเป็นเทพสังหารผู้เย็นชาอีกครั้งหนึ่ง“หนานหว่านเยียน เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!ตามมาข้างหลังข้า อย่าล่องลอยไปมา!”

คนชุดดำที่นำอยู่ด้านหน้า มองกู้โม่หานที่ได้รับบาดเจ็บ ก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจในการคาดเดา“กู้โม่หาน!เจ้ากลายเป็นคนอ่อนแอแล้ว ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เจ้าทำเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง”

เขาคิดว่าคำพูดยั่วยุจะสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของกู้โม่หานได้ ทว่าคาดไม่ถึงว่าแม้กู้โม่หานได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังคงจัดการได้อย่างชำนาญ มือหยิบดาบขึ้นมา ฆ่าคนในป่าได้มากมาย

“เลิกพูดไร้สาระเสียที พวกเจ้าเอาแต่พูดว่าข้าทำให้นายท่านของพวกเจ้าต้องอับอาย พวกเจ้าเป็นคนของอ๋องเฉิง หรือแกล้งทำเป็นคนของอ๋องเฉิง?”

หัวหน้าคนชุดดำหลบสายตาเล็กน้อย กล่าวตอบอย่างเย็นชา:“อ๋องอี้ศัตรูของท่านมีมากมายเหลือเกิน นายท่าของพวกข้า มีสิทธิที่จะสังหารท่าน ท่านไปตายเสียเถิด!”

“อ๋องเฉิงไม่มีสิทธิที่จะสังหารข้า”กู้โม่หานท่าทางท่าเย็นชา หรี่ตาลงด้วยสายตาที่เยือกเย็น“ดูท่าจะไม่ใช่อ๋องเฉิง แต่เป็นศัตรูคนอื่น ทว่าเจ้ากลับใช้ดาบสันโค้ง เจตนาทำให้อ๋องเฉิงเสื่อมเสีย เจ้าต้องการอะไร?!”

คิ้วของหนานหว่านเยียนก็ขมวดเช่นกัน

คนชุดดำรู้สึกโกรธและอับอายขายขี้หน้า เดิมอยากจะอ้างอ๋องเฉิง คาดไม่ถึงว่ากู้โม่หานจะมองออก“ไปตายซะเถิด!”

เขากลัวว่าพูดเยอะอีกก็จะผิดอีกเยอะ จึงพุ่งเข้าไปสังหารกู้โม่หานโดยตรง ปฏิกิริยาของกู้โม่หานช้าลง ท่าทางอ่อนแอลง ทว่าหนานหว่านเยียนกลับปล่อยผงพิษออกไปได้ทันเวลา นำผงพิษในมือสาดใส่คนชุดดำเหล่านั้น

ทันใดนั้นคนชุดดำก็กระอักเลือดสีดำออกมา ล้มลงไปชักบนพื้น

ทั้งสองร่วมมือกันเรียกได้ว่าไร้ที่ติ กู้โม่หานใช้ดาบปาดคอคนสุดท้าย จนกระทั่งคนผู้นั้นขาดลมหายใจ เขาจึงประคองตัวไม่อยู่ล้มคุกเข่าไปบนพื้น แต่ในอ้อมกอด ตั้งแต่ต้นจนจบโอบหนานหว่านเยียนไว้แน่น

“กู้โม่หาน……”หนานหว่านเยียนดิ้นออกจากอ้อมอกเขา เห็นกู้โม่หานเลอะเลือดไปครึ่งตัว ก็ลงมือถอดชุดเกราะของเขาออก

“กู้โม่หาน ข้าขอดูอาการบาดเจ็บของเจ้าหน่อย”

สติของกู้โม่หานค่อยๆ เลือนราง ราวกับไม่ได้ยินว่าหนานหว่านเยียนกำลังเอ่ยอะไร เป็นตายอย่างไรเขาเอาแต่จ้องดาบสันโค้งที่ทำเป็นพิเศษในมือของคนชุดดำ

ยังคิดถึงคำที่หัวหน้าคนชุดดำพูด

“กู้โม่เฟิง……”

“กู้โม่เฟิงหรือ?”หนานหว่านเยียนไม่เคยถอดชุดเกราะมาก่อน มันยุ่งยากกว่าที่นางคิดไว้มาก ได้ยินเขาพูดเบาๆ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม:“เจ้าคิดว่ามือสังหารพวกนั้นเป็นคนของกู้โม่เฟิงหรือ?”

กู้โม่หานกลับส่ายหัว ริมฝีปากซีดลงเรื่อยๆ “ไม่น่าจะใช่เขา มีคนตั้งใจโยนความผิดให้อ๋องเฉิง หมาที่กัดคน มันจะไม่ส่งเสียงร้อง......”

หรือเป็นองค์ชายคนอื่นๆ หรือเป็น......

เขาคิดถึงคำที่หวางหมัวมัวและหนานหว่านเยียนกล่าว ยิ่งตระหนักได้ว่า ในวังมีคนคอยจับตาดูเขาอยู่

กู้โม่หานกล่าวไว้ไม่มีผิด ความจริงแล้วหนานหว่านเยียนก็ไม่เชื่อว่าเป็นมือสังหารที่กู้โม่เฟิงจัดหามา ที่สำคัญคือกู้โม่เฟิงเป็นคนที่การกระทำและความคิดสอดคล้องกันตลอด คนที่หากมีความต้องการที่จะสังหารใครแล้วใบหน้ามันฟ้อง นางก็ยิ่งไม่รู้สึกว่าจะทำเรื่องอะไรลับหลัง

นางกำลังคิดว่า วันนี้กู้โม่หานเพิ่งจะไปค่ายเสินเชื่อ หลังจากกลับมาก็มีคนลอบสังหารเขา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไปทำให้ใครในวังเกิดความหวาดกลัวหรือไม่ จึงคิดที่จะสังหารกู้โม่หาน

ในที่สุดนางก็แยกชุดเกราะบนตัวกู้โม่หานออกได้ เมื่อกำลังจะถอดออก กลับถูกกู้โม่หานคว้ามือไว้

กู้โม่หานหรี่ตาจ้องนาง จึงรู้สึกตัวว่านางกำลังถอดเสื้อผ้าเขา“เจ้าทำอะไร?”

“รักษาแผลให้เจ้า ข้ากลัวเจ้าจะตายเพราะเสียเลือดหมดตัว”

กู้โม่หานสะบัดมือนางทิ้งอย่างไม่แยแส จนเกือบจะหมดแรงและฝืนกล่าวออกมา

“ข้าเจ็บหนักเกินไปแล้ว เจ้าเลิกคิดวางแผนอะไรเถิด”

“ในตอนนี้อาจจะไม่ได้มีมือสังหารเพียงกลุ่มเดียว มีอันตรายตลอดเวลา เจ้าไม่เป็นศิลปะการต่อสู้ข้าจะเป็นตัวถ่วงเจ้า ตอนนี้กลับจวนอ๋องไปหาเสิ่นอี่ว์ก่อน ให้เขาพาคนของค่ายเสินเชื่อมารับข้า ตรงนี้ข้ารับมือได้”

หนานหว่านเยียนกัดฟันเอ่ย“เจ้าเสียเลือดมากเกินไป จำเป็นต้องได้รับการรักษาในทันที รอให้เลือดหยุดไหลก่อน ข้าจะพาเจ้ากลับจวน”

กู้โม่หานขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาค่อยๆ มืดลง น้ำเสียงที่เย็นชาเอ่ยออกมา

“หนานหว่านเยียน ข้าบอกเจ้าแล้วมือสังหารไม่ได้มีแค่กลุ่มเดียว เจ้าเอาแต่พูดว่า เป็นแม่จะได้รับบาดเจ็บไม่ได้......อย่าผิดคำพูดกับเด็กน้อยสองคนนั้น พวกนางจะเสียใจ...... ”

“ข้าไม่ลงโทษเจ้า เจ้า...... ”

“ไปเถิด”ยังไม่ทันพูดสองคำนี้จบ เขาก็ทนไม่ไหวแล้วอีกต่อไปแล้ว ร่างกายกำยำสูงใหญ่ก็ล่มจมกองเลือดในทันที

ทันใดนั้นสีหน้าของหนานหว่านเยียน ก็เปลี่ยนไป “กู้โม่หาน......”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้