ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 276

เขากำหมัดแน่น แล้วค่อยรู้ว่าตนเองให้ความสนใจที่หนานหว่านเยียนพูดประโยคนี้อย่างมาก แล้วพูดขึ้นด้วยนัยน์ตาสีคล้ำว่า “เจ้ารีบถอดเสื้อออก ในตู้เสื้อผ้าของข้ามีเสื้อผ้าตัวใหม่ เจ้าหยิบมาใส่ได้เลย”

“กู้โม่หาน เจ้าเป็นบ้าอะไร? อะไรกันนักกันหนากับเสื้อแค่ตัวเดียว?” หนานหว่านเยียนยากที่จะเข้าใจ อดไม่ได้ที่จะแสดงหน้าทะเล้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่เปลี่ยน ตอนนี้เจ้ากำลังป่วยแทบตาย สนใจดูแลตนเองก่อนเถอะ”

กู้โม่หานยิ่งโกรธจัด จนรู้สึกแน่นหน้าอก อยากที่จะถอดเสื้อบนตัวนางที่ขวางหูขวางตาทิ้งไป แล้วเปลี่ยนเอาของตนเองให้นางใส่ แต่บาดแผลตรงหน้าอกเจ็บปวดราวกับแผลฉีก แค่ลุกขึ้นมาเขาก็ทำไม่ได้ ทำอะไรนางไม่ได้เลย

สุดท้ายเขาก็พูดขึ้นมายังโกรธโมโหว่า “หนานหว่านเยียน เจ้าเป็นนางมารร้ายในชีวิตของข้า....”

รอเขาหายดีหน่อย เขาจะต้องสั่งสอนนางให้ได้ ให้นางได้รู้ว่า อะไรคือความเป็นสามี

บรรยากาศภายในจวนอ๋อง ค่อนข้างสงบสุข แต่นอกจวนอ๋อง โกลาหลอลหม่านไปหมดแต่แรกแล้ว

เสิ่นอี่ว์จัดคนปล่อยข่าวลือประกาศไปทั่วเมืองแล้ว

ในตอนแรก ทหารยามเห็นป้ายประกาศติดอยู่บนผนัง ก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที แม้แต่มือที่ถือฆ้องอยู่เกือบหล่นตก พร้อมโห่ร้องระงมไปทั่วท้องถนนว่า “แย่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

“นักฆ่าแคว้นศัตรูมารุกราน อ๋องอี้บาดเจ็บสาหัสหมดสติไม่ฟื้น”

คนมากมายกำลังนอนหลับใหลอยู่ เมื่อได้ยินข่าวนี้ ก็ตกใจพรวดลุกขึ้นมานั่ง ตื่นตัวขึ้นมาทันที แล้วความหวาดกลัวอันท่วมท้นก็บังเกิดขึ้น

ทุกคนเริ่มวิ่งเต้นไปทั่ว เพื่อยืนยันความถูกต้องของข่าวนี้

ไม่นาน เกือบทุกคนในเมืองหลวงต่างก็รู้ว่ากู้โม่หานกำลังจะตาย

สภาพจิตใจผู้คนกระวนกระวายขึ้นมาทันที ทางด้านค่ายเสินเชื่อบรรยากาศก็ยิ่งอึมครึม

มีประชาชนไม่น้อยล้อมรอบอยู่หน้าประตูพระราชวัง คุกเข่าเรียงรายเต็มไปหมด ร้องไห้ตะโกนเรียกชื่อกู้โม่หานอยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันก็หวาดกลัวกับศึกสงครามที่ยังไม่เกิดขึ้น และสงสัยว่าทำไมฮ่องเต้ถึงไม่ทำอะไรเลย

พวกบ้านตระกูลที่มีชื่อเสียง อาศัยความสัมพันธ์หลายชั้น เข้าหาพวกขุนนางที่ทำงานอยู่ในวัง หยั่งเชิงความตั้งใจของฮ่องเต้

ส่วนค่ายเสินเชื่อก็หยุดชะงักทุกอย่าง ไม่มีฝึกฝีมือการต่อสู้ โดยมีรองแม่ทัพอวี๋เป็นผู้นำ นำพาทหารกลุ่มใหญ่ นั่งอยู่ตรงหน้าประตูค่ายเสินเชื่อ รอคอยความเคลื่อนไหวของฮ่องเต้ รอคอยให้กู้โม่หานพ้นขีดอันตราย

มีข่าวลือหนาหูมากมายในเมืองหลวง ผู้คนจลาจล ต่างเป็นกังวลอาการของกู้โม่หานจนถึงต่างหวาดกลัว

และ‘ข่าวปลอม’นี้ รู้มาถึงจวนอ๋องเฉิงอย่างรวดเร็ว

หนานชิงชิงกับกู้โม่เฟิงได้ยินว่ากู้โม่หานเป็นตายร้ายดียังไงไม่รู้จิตใจก็หวาดหวั่น สีหน้าหนักใจขึ้นมาทันที

“สมน้ำหน้า ตอนนี้ถูกกรรมตามสนองแล้วสิ” กู้โม่เฟิงหัวเราะเย้ย สายตากับไม่ได้เย้ยหยันจริงๆ เขาหันไปหยิบเสื้อคลุม แล้วก็ก้าวเท้ายาวเดินออกไป พร้อมพูดขึ้นว่า “ไปดีสิ”

“ขอรับ ท่านอ๋อง” หนานชิงชิงไม่คาดคิด แสร้งทำเป็นสงบเสงี่ยมแล้วเดินตามไปอยู่ข้างหลัง

ทั้งสองคนควบขี่ม้ารีบเดินทางมาถึงจวนอ๋องอี้ พ่อบ้านกาวพาพวกเขามาถึงหน้าประตูเรือนซีเฟิงอย่างร้อนใจ เคาะประตูพร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “พระชายา อ๋องเฉิงกับพระชายาเฉิงเสด็จ”

หนานหว่านเยียนหันไปมองดูกู้โม่หาน ทั้งสองคนยังต่างมองดูกันอยู่อย่างไม่พอใจ

“แกล้งป่วย” หนานหว่านเยียนทำรูปปากให้กับกู้โม่หาน เขารีบหลับตาลงทันที สีหน้าเจ็บปวดอย่างทุกข์ทรมาน ราวกับคนที่กำลังจะตายแล้วจริงๆ

หนานหว่านเยียนก็เปิดประตูด้วยท่าทางที่สุขุมและหวาดกลัว พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกเจ้ามาได้อย่างไร”

กู้โม่เฟิงแย่งเดินเข้าไปก่อน เมื่อเขามองเห็นกู้โม่หานนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง คิ้วเข้มขมวดย่น ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธที่ซับซ้อนสุดจะพรรณนาได้

“คิดไม่ถึง เจ้าก็จะมีวันนี้”

บุญคุณความแค้นระหว่างเขากับกู้โม่หาน แต่เมื่อเห็นพี่น้องที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ในใจกู้โม่เฟิงโกรธจัดและตกใจมากกับ....รู้สึกเสียใจอย่างอธิบายไม่ถูก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้