ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 290

หนานหว่านเยียนที่ออกมาจากห้องของกู้โม่หาน ตอนนี้กลับมาถึงเรือนเซียงหลินแล้ว เด็กสองคนกำลังเขียนการบ้านกันอยู่ มีเซียงอวี้คอยคุมไว้ นางก็เดินไปที่ห้องของโม่หวิ่นหมิงทันที

เมื่อวานเอาแต่ยุ่งเรื่องของกู้โม่หาน ยังไม่ทันได้ดูขาของโม่หวิ่นหมิงเลย ขอแค่เขาหายดี นางก็ถึงพาเขากับเด็กสองคนหนีไปได้

หนานหว่านเยียนเปิดประตูเข้าไปด้วยรอยยิ้ม “ท่านน้า ข้ามาเยี่ยมท่านแล้ว”

โม่หวิ่นหมิงใส่เสื้อผ้าที่หนานหว่านเยียนให้เขา ผมสีดำม้วนขึ้นที่หลังหัว บุคลิกดูโดดเด่นและหล่อเหลา นิ้วมือเรียวยาวขาวเนียนนั้นวางอยู่ตรงที่วางแขนของรถเข็น ดวงตาเหม่อจ้องออกไปยังนอกหน้าต่าง

ได้ยินเสียงของหนานหว่านเยียน เขาก็หันไปมอง แล้วยิ้มอย่างเบ่งบาน กวักมือเรียกหนานหว่านเยียน “หว่านหว่าน เจ้ามาแล้วเหรอ รีบมาดูสิ……”

“หื้ม? ท่านน้าเห็นอะไรเหรอ?” หนานหว่านเยียนเดินเข้าไปใกล้อย่างสงสัย นั่งลงข้างๆโม่หวิ่นหมิง สายตามองไปยังทิศทางที่เขาชี้ไป

ล่าปู๋ล่าสุนัขสองตัวกำลังนอนอยู่ใต้ต้นไม้ นอนอ้าแขนขา เพลิดเพลินกับความอบอุ่นที่มีไม่มากในฤดูหนาว

ดวงอาทิตย์ส่องแสงและใบไม้ที่ตายแล้วกำลังร่วงหล่น แต่มันช่างกลมกลืนและสวยงามเสียจนจิตใจของผู้คนสงบลงโดยไม่รู้ตัว

หนานหว่านเยียนหัวเราะออกมา ตอนนี้นางได้ยินโม่หวิ่นหมิงพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า: “ยังจำตอนเด็กได้ไหม เคยปีนขึ้นบนไหล่ของข้า นอนอาบแดดอย่างขี้เกียจ แม่ของเจ้าถือจานผลไม้แล้วหัวเราะ กินไปด้วยแล้วพูดกับพวกเราไปด้วย……คิดถึงวันพวกนั้น กลับผ่านไปเป็นสิบปีแล้ว”

ว่าแล้ว สีหน้าของโม่หวิ่นหมิงก็มืดมนลง ก้มหน้ามองหนานหว่านเยียนที่นั่งอยู่ข้างๆเขา “หว่านหว่านก็โตเป็นสาวงามแล้ว”

หนานหว่านเยียนเงยหน้ามองเขา ดวงตาเปล่งประกาย ขนตายาวเป็นแพนั้นดูน่าเอ็นดูและน่าสงสาร

แม่ของเจ้าของร่างเดิมตายเร็ว เจ้าของร่างเดิมไม่ค่อยมีความทรงจำเกี่ยวกับแม่เลย แต่โม่หวิ่นชิงน่าจะรักเจ้าของร่างเดิมมาก คำว่า ‘หว่านหว่านเป็นองค์หญิงของแม่’ หนานหว่านเยียนยังไม่รู้เลยว่าหมายความว่ายังไง

แต่ว่า หนานหว่านเยียนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นางมองดูสุนัขสองตัวที่กำลังอาบแดด แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น ถึงแม้ท่านแม่จะไม่อยู่แล้ว แต่ยังมีข้า ยังมีเด็กสองคน พวกเราจะอยู่กับท่านน้าเอง”

โม่หวิ่นหมิงลูบหัวของหนานหว่านเยียนอย่างอ่อนโยน “อืม ข้าจะอยู่กับพวกเจ้าไปตลอด ปกป้องพวกเจ้า เมื่อกี้เจ้าไปไหนมา ข้าไม่เห็นเจ้าเลย”

อยู่ข้างโม่หวิ่นหมิง หนานหว่านเยียนรับรู้ได้ถึงความอบอุ่น ครอบครัวเป็นเหมือนสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิที่สามารถพัดพาความเหนื่อยล้าของผู้คนออกไปได้

“ตอนแรกว่าจะเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท แต่ไม่เพียงแต่ออกไปไม่ได้ ยังโดนกู้โม่หานเรียกไปทายาอีก ดังนั้นก็เลยกลับมาช้า”

รอยยิ้มมุมปากของโม่หวิ่นหมิงหายไปเล็กน้อย สายตาเฉียบแหลม รู้สึกเป็นห่วง

“ท่านอ๋องไม่ให้เจ้าออกจวนเหรอ?”

หนานหว่านเยียนมองดูสุนัขสองตัว ยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ ไม่ต้องสนใจเขาหรอก ยังไงข้าก็ต้องเข้าวังอยู่แล้ว ท่านน้าวางใจได้ รอข้าพูดกับฝ่าบาทแล้ว เอาหนังสือหย่ามาได้ พวกเราก็จะออกเดินทางกัน”

โม่หวิ่นหมิงกระตุกยิ้ม สายตากลับไม่มีรอยยิ้ม หนานหว่านเยียนไปเจอฮ่องเต้ ก็หมายความว่าจะไปคุยเรื่องหย่า แต่กู้โม่หานกลับห้ามไว้งั้นเหรอ……

ความคิดของกู้โม่หาน ไม่ต้องเดาก็รู้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเขายังไม่รู้ว่าตัวเองคิดยังไงกับหว่านหว่าน ถ้าชัดเจนขึ้นมา คงจะวุ่นวายกว่าเดิม

ความรู้สึกอันตรายก่อเกิดขึ้นมาในจิตใจ เขาจับที่วางแขนของรถเข็นไว้แน่น

ตอนนี้เอง อาจี้ก็ถือยาเข้ามา ตะโกนด้วยรอยยิ้มว่า: “พระชายา ท่านมาแล้วเหรอ เซียนเซิง ถึงเวลาดื่มแล้วขอรับ”

“ได้” โม่หวิ่นหมิงกะพริบตา เขารับถ้วยยามาดื่ม หนานหว่านเยียนก็เปลี่ยนเรื่องคุย แล้ววัดชีพจรของโม่หวิ่นหมิง

ชีพจรของโม่หวิ่นหมิงมั่นคงมีพลัง ผ่านช่วงอันตรายแล้ว

“ท่านน้าฟื้นฟูได้เร็วมากเลยนะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป น่าจะหายเร็วขึ้น เดินและใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้