ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 292

เมื่อครู่ที่ใช้กระทะกระแทกใส่เขาไป หนานหว่านเยียนยังแอบวางยาหัวเราะจนคลั่งได้สำเร็จ

ยานี้ไม่เพียงแต่ทำให้คนหัวเราะจนคลุ้มคลั่ง ยังมีพิษเรื้อรังอีกด้วย ออกฤทธิ์ยากต้านทานเลยทีเดียว ใครใช้ให้นางลงมือเฉพาะหน้าเช่นนี้เล่า ก่นด่านางก็ไม่เท่าไหร่ แต่กล้าแตะต้องคนในลานสวน ทำลายข้าวของนาง ยอมไม่ได้เด็ดขาด!

หยุนเหิงสีหน้าไม่สู้ดีนัก หยุนอี่ว์โหรวชำเลืองมองหยุนเหิง แล้วหยิกหยุนเหิงด้วยความโมโหเล็กน้อย แกล้งทำเป็นว่าตกใจกลัว

“ท่านพี่หยุนเหิง ท่านไม่เป็นไรนะเจ้าคะ บนหน้าผากท่านช่างบวมนูนยิ่งนัก พระชายาก็ลงมือหนักเสียจริง......”

หยุนเหิงสัมผัสหน้าผากของเขาด้วยความงุนงง รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แล้วจึงได้รู้ตัว ว่าเขาถูกหนานหว่านเยียนผู้เคยสุดแสนอัปลักษณ์มองไม่ขึ้นทำร้ายเข้า ก็พลันโกรธเกรี้ยวราวกับพายุฝนตกกระหน่ำทันใด

“หนานหว่านเยียน เจ้ากล้าทำร้ายข้างั้นรึ ดูท่าเจ้ายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน!ข้าขอเตือนเจ้า อี่ว์โหรวจิตใจบริสุทธิ์ ไม่กล้ารังแกชิงดีชิงเด่นกับเจ้า อ๋องอี้ก็ไม่กล้าทำอันใดเจ้า แต่จวนแม่ทัพจะไม่มีทางนิ่งเฉยแน่!ตาต่อตาฟันต่อฟัน!”

อวี่เฟิงกันเซียงอวี้ยืนขวางอยู่หน้าหนานหว่านเยียน “บังอาจนัก!”

หยุนเหิงก้าวเข้าไปหาหนานหว่านเยียนอย่างโอหัง แล้วถกแขนเสื้อขึ้นราวกำลังจะลงไม้ลงมือ “หลีกไป มิเช่นนั้นข้าจะสั่งสอนพวกเจ้าไปพร้อมกันเสียเลย!”

“ท่านพี่ หยุดนะเจ้าคะ” หยุนอี่ว์โหรวกัดฟัน อดกลั้นอาการปวดท้องวิ่งตามหลังหยุนเหิงไปด้วยท่าทีจะห้ามปราม “อย่าเสียมารยาทกับพระชายา ประเดี๋ยวท่านอ๋องจะไม่พอใจนะเจ้าคะ!”

หยุนเหิงไม่ใช่คนขี้ขลาดเหมือนหยุนโม่หราน เขาชอบทำตัวโดดเด่นมาตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อใดที่มีคนเติมเชื้อเติมไฟ เขาก็จะพลันโกรธเกรี้ยว และพร้อมกำจัดหนานหว่านเยียนทันที

แต่ทว่า ในวันนี้จุดมุ่งหมายของนางเพียงแค่ต้องการทวงความรักของกู้โม่หานคืน ให้เขาได้เห็นจิตใจบริสุทธิ์บอบบางของนาง และความแข็งกร้าวโหดเหี้ยมของหนานหว่านเยียน

เช่นนี้ นางจึงจะสามารถล้างมลทิลให้ตนเอง และกลับไปยืนในใจของเขาอย่างมั่นคงอีกรอบ

ดังนั้น หยุนเหิงยั่วโมโหหนานหว่านเยียน พอหนานหว่านเยียนสู้กลับ ถึงครานั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นฝ่ายที่ถูกรังแก......

แต่หยุนเหิงกลับเห็นว่าหยุนอี่ว์โหรวเป็นฝ่ายประนีประนอม ก็ยิ่งโกรธเกรี้ยวอยากจะสั่งสอนหนานหว่านเยียน “น้องหญิงอย่าได้กลัว ข้าจะให้นางได้ลิ้มลองรสชาติความหนาวเย็นยากจะทนของการตกน้ำ!”

หนานหว่านเยียนยิ้มเยาะ ยังจะคิดเตะนางตกน้ำให้ทรมานยากจะทนเสียด้วย โหดเหี้ยมพอตัว!

นางก็ยืนอยู่กับที่ หลิ่วตาคอยนับเวลา ด้วยท่าทีมั่นคงดุจขุนเขา

ส่วนอวี๋เฟิงกับเซียงอวี้เห็นหยุนเหิงรังแกกันมากเกินไป จึงตัดสินใจจะไม่ไว้หน้าจวนแม่ทัพกับ

หยุนอี่ว์โหรว แต่ทันใดน้ำเสียงอันเยือกเย็นและดุดันก็พลันดังขึ้น

“หยุดนะ!”

องค์ชายสิบผู้ที่รีบเร่งมาถึงจวนอ๋องเมื่อครู่ ก็คว้าไหล่ของหยุนเหิงไว้ด้วยมือไม้อันรวดเร็ว แล้วยกมืออีกข้างตบเข้าที่หน้าอกของหยุนเหิง แรงสะเทือนรุนแรงจนทำหยุนเหิงวิงเวียนไปหมด และทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างจัง

หยุนอี่ว์โหรวตะโกนอย่างตกใจ “ท่านพี่......”

นางรีบเข้าไปพยุงหยุนเหิงขึ้น และหันไปมององค์ชายสิบกับพระชายาสิบ และรู้สึกว่าไม่ได้การแล้ว

น้องชายกับน้องสะใภ้ของท่านอ๋องพากันมาแล้ว นางต้องรีบถอนตัวจึงจะเป็นการดี จะปล่อยให้หยุนเหิงก่อกวนต่อไปแล้ว

พรชายาสิบตกอกตกใจ รีบวิ่งไปหาหนานหว่านเยียน “พี่สะใภ้หกท่านเป็นอะไรไหม? บาดเจ็บหรือไม่?”

หนานหว่านเยียนก็พลันตะลึงไป นึกไม่ถึงว่าองค์ชายสิบกับภรรยาจะกลับมา

“พวกท่านมาได้อย่างไรกัน?”

องค์ชายสิบขมวดคิ้วโกรธเกรี้ยว เขากับสวีหว่านหยิงมาที่จวนอ๋อง บอกว่ามาพบหนานหว่านเยียน จึงได้พามาถึงเรือนเซียงหลินแห่งนี้ กลับไม่คาดคิดว่าจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้

ดูท่าพี่สะใภ้หกของเขาผู้นี้ คงจะถูกกลั่นแกล้งมาไม่น้อยในแต่ละวัน

เขามองไปที่หยุนเหิง ความสง่างามขององค์ชายก็เผยขึ้นในทันที แล้วเอ่ยเย็นชาขึ้น “แม่ทัพน้อยหยุน ถึงกลับกล้าลงไม้ลงมือกับพระชายาเชียวหรือ แม้ว่าท่านจะเป็นถึงบุตรชายคนโตของจวนแม่ทัพ ก็ไร้จริยธรรมเกินไปแล้วกระมัง!”

หยุนเหิงไม่รู้ว่าเหตุจึงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมากะทันหัน แต่เขากลับจ้องมองอย่างดุร้ายไปที่หนานหว่านเยียนผู้ถูกรุมปกป้อง

เขาชี้หน้าด่าหนานหว่านเยียน “เตี้ยนเซี่ย ท่านอย่าได้หลงกลนางเด็ดขาดนะ นางยังคงเป็นหญิงชั่วช้าเช่นเมื่อห้าปีก่อนไม่เคยลดละ!นาง......ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ด่าไปด่ามา หยุนเหิงจู่ๆ ก็อ้าปากกว้าง แล้วปล่อยเสียงหัวเราะออกมาจากลำคออย่างบ้าคลั่งสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน แล้วบิดเป้าไปมาอย่างบ้าคลั่ง สองขาแกว่งไปเขย่ามาราวกำลังเต้นระบำ

ทุกคนพากันตกตะลึง ต่างพากันนึกว่าเขาถูกของเข้าแล้ว

มีแต่หนานหว่านเยียนที่รู้ว่ายาหัวเราะจนคลั่งได้เริ่มออกฤทธิ์แล้ว

นางยิ้มเยาะ “พระชายารองหยุน ญาติผู้พี่ที่ออกหน้าแทนเจ้าดูเหมือนว่าจะโกรธจนกระทบกระเทือนร่างกายไปแล้วนะ เจ้าให้คนส่งเขากลับไปหาหมอมารักษาเถิด สำหรับเรื่องแค้นของเขา แค้นของเจ้า เราค่อยมาสะสางกันภายหลัง”

นี่ไม่ใช่ยาพิษโหดเหี้ยมรุนแรง ไม่ทำให้คนตาย มันเป็นเพียงยาพิษที่มอบการสั่งสอนเล็กๆ น้อยๆ ให้เท่านั้นเอง

หยุนเหิงชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ ห้าปีก่อนรังแกกลั่นแกล้งเจ้าของร่างเดิมอยู่หลายครา ห้าปีหลังก็ยังชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ คิดจะมารังแกนางอีก ดังนั้นจึงไม่อาจเมตตาเด็ดขาด

หยุนอี่ว์โหรวตื่นตระหนกทันใด ไม่รู้ว่าเหตุใดหยุนเหิงจึงกลายเป็นเช่นนี้กะทันหัน

โดยเฉพาะคำพูดของหนานหว่านเยียน กำลังบ่งบอกได้ชัดว่า นางเป็นคนยุยงหยุนเหิงให้มาหาเรื่อง จึงจะนำความแค้นมาคิดบัญชีกับตัวนางเอง

นางพลันมองไปที่องค์ชายสิบและภรรยา ใบหน้าซีดเซียวเรียวเล็กเอ่ยขึ้น “พระชายา ฝ่าบาท พระชายาสิบ เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับข้า ข้าได้เกลี้ยกล่อมท่านพี่แล้ว ท่านพี่เห็นข้าซูบซีดลงไปมาก ดังนั้นจึงได้โกรธเกรี้ยวและร้อนใจเช่นนี้......”

นางรีบไปฉุดดึงหยุนเหิง อยากให้เขาสงบลงสักหน่อย “ท่านพี่หยุนเหิง ท่านรีบอธิบายกับฝ่าบาทเร็วเข้า ท่านไม่ได้ตั้งใจ ท่านเพียงแค่ร้อนใจเกินไป ขอโทษพระชายาเสีย พระชายาใจกว้าง นางไม่ทำท่านลำบากหรอก”

เริ่มต้นได้ไม่สวย เช่นนั้นก็เอาแบบนี้ไปก่อนแล้วกัน แต่มันน่าเจ็บใจนัก หนานหว่านเยียนถึงกับมีองค์ชายสิบกับพระชายาสิบคอยคุ้มกะลาหัว!

หนานหว่านเยียนนางช่างโชคดีเสียจริง!

หนานหว่านเยียนยังไม่ทันเอ่ยปากพูด หยุนเหิงครั้นได้ยินว่าตนต้องขอโทษ ก็โกรธเกรี้ยวเสียจนใช้ฝ่ามือตบหน้าหยุนอี่ว์โหรว เขาเสียสติไปอย่างสมบูรณ์ ทั้งยังคว้ามือบีบคอหยุนอี่ว์โหรวอีกด้วย

“ขอโทษ? ไยต้องขอโทษด้วย!นางมันตัวสารเลว!อีกทั้งเจ้าด้วย!จะมาห้ามข้าทำไมกัน!ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า——”

“อ๊ะ......” หยุนอีว์โหรวตกใจจนใบหน้ามอมแมมพลันซีดเซียว คาดไม่ถึงว่าหยุนเหิงจะมาลงมือกับนาง อีกทั้งหยุนเหิงไม่ได้เสแสร้ง เขาบีบคอนาง บีบอย่างรุนแรงมากๆ เมื่อเผชิญเข้ากับอาการหายใจไม่ออกนางก็หวาดกลัวยิ่งนัก “ท่านพี่......หยุนเหิง ข้า ข้าโหรวเอ๋อร์เอง......”

“พระชายารอง แม่ทัพน้อยหยุน……แม่ทัพน้อยหยุนรีบปล่อยมือเถิดเจ้าค่ะ!” จ้างฮวาตกอกตกใจรีบไปง้างมือหยุนเหิงออก แต่กลับถูกเขายกขาขึ้นเตะ “หลีกไป!”

ทุกคนพากันจ้องมองอย่างตกตะลึง

หยุนอี่ว์โหรวร่างกายอ่อนแอ ถูกบีบคออยู่ครู่หนึ่ง ก็พลันหน้ามืดหมดสติไป หนานหว่านเยียนรับชมบทละครหมากัดหมาอยู่นิ่งๆ แล้วจึงค่อยเอ่ยออกมาช้าๆ ว่า: “อวี๋เฟิง”

อวี๋เฟิงก้าวไปข้างหน้าแล้วทุบหมัดใส่ท้องหยุนเหิงทีหนึ่ง

หยุนเหิงน่วมลงไปนอนกับพื้นและชักกระตุกต่อไป ใบหน้าแลดูดุร้าย แต่ก็ยังปล่อยหัวเราะออกมาไม่หยุด ในใจเขาแอบตื่นตระหนก อีกทั้งยังหวาดกลัวอย่างมาก

เหตุใดเขาหัวเราะจนเจ็บกราม แต่เขาหยุดไม่ได้กัน?

อีกอย่างเขาบีบคอโหรวเอ๋อร์คนดีของเขา ทั้งๆ ที่คนที่เขาต้องการบีบคอคือหนานหว่านเยียน แต่ดูเหมือนว่าจะถูกพิษเข้า จึงไม่สามารถควบคุมตนเองได้

องค์ชายสิบหันมามองหนานหว่านเยียน “พี่สะใภ้หก ท่านว่าคนผู้นี้ควรจัดการอย่างไรดี?”

พระชายาสิบก็มองมายังหนานหว่านเยียน

เรื่องของจวนอ๋องอี้ แน่นอนว่าต้องให้พระชายาอี้เป็นผู้ตัดสิน

หนานหว่านเยียนมองไปที่หยุนอี่ว์โหรวผู้นอนไม่ได้สติอยู่บนพื้น แล้วมองไปยังหยุนเหิง ก่อนจะยิ้มเยาะออกมา

“เดิมทีเจ้าพูดจาเสียมารยาทต่อข้า เห็นแก่หน้าของจวนแม่ทัพ แต่เห็นแก่เจ้าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ข้าจะเมตตาเจ้า แล้วเจ้ามารับผิดชอบแทนให้โหรวเอ๋อร์ของเจ้า”

“นึกไม่ถึงว่าโหรวเอ๋อร์ของเจ้าไม่ยอมส่งเจ้าไปรักษา บัดนี้เจ้าก็ยังมาบีบคอนางจนหมดสติอีก เช่นนั้นก็รับไปสามสิบโบยเสียเถิด......”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้