ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 295

องค์ชายสิบและภรรยาสบตากัน กุมมือขึ้นแล้วกล่าวเชิงยืนยันว่า “เสด็จพี่หกวางใจได้ ท่านอธิบายอย่างชัดเจนเช่นนี้แล้ว พวกเราจะไม่ไปพูดไร้สาระอย่างเด็ดขาด”

ก้อนหินที่แขวนอยู่ในใจกู้โม่หาน ในที่สุดก็ได้หล่นลงมาเสียที

ดวงตาคู่ลึกซึ้งของเขาแฝงไปด้วยความอึมครึมไม่ชัดเจน หลังจากพูดคุยกับทั้งสองต่ออีกไม่กี่คำ ก็ได้สั่งให้เสิ่นอี่ว์ส่งพวกเขาจากไป

องค์ชายสิบและภรรยาก็รู้ได้ว่าทำกู้โม่หานไม่สบอารมณ์แล้ว และรู้ว่านี่เป็นการไล่แขกอย่างมีชั้นเชิง

พวกเขารู้ซึ้งได้จึงไม่พากันอยู่นาน ทันใดก็ออกจากจวนอ๋องไปทันที

ทั้งสองจากไป ใจอันตึงเครียดของกู้โม่หานในที่สุดก็ได้ปล่อยวางลงเสียที แล้วถอนหายใจยาวๆ เสิ่นอี่ว์เห็นท่าทีเช่นนี้ของเขา ก็อดใจเป็นห่วงไม่ได้

“ท่านอ๋อง......”

“ไปเรือนเซียงหลิน!”

พอกู้โม่หานเอ่ยขึ้น น้ำเสียงดุดันก็แฝงไปด้วยความกังวลใจ

เด็กหญิงทั้งสองถูกสวีหว่านหยิงพบเข้าแล้ว ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเปล่า

“ขอรับ!” เสิ่นอี่ว์พยักหน้ารับ แล้วไปเรือนเซียงหลินพร้อมกับกู้โม่หาน

ที่เรือนเซียงหลิน เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยพากันวกไปวนมาในที่สุดก็กลับมา และเข้าห้องไป

ทั้งสองพี่น้องยังคงตกลึง

เกี๊ยวน้อยคอแห้งกระหาย จึงยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ “เฮ้อ ไม่รู้เหมือนกันว่า คนผู้นั้นจะมองพวกเราออกหรือเปล่า”

ขณะที่ซาลาเปาน้อยกำลังจะพูด ก็เห็นหนานหว่านเยียนเดินเข้ามา จึงแหย่เกี๊ยวน้อยหนึ่งที

หนานหว่านเยียนเดินเข้ามา เห็นพวกนางทั้งสองเหงื่อออกเปียกโชก ก็นึกว่าเข้าเรียนจนเหน็ดเหนื่อยเสียอีก

นางย่อตัวลง ลูบฝ่ามือพวกนางอย่างเอาอกเอาใจ “เหนื่อยกันแล้วหรือ? เหนื่อยแล้วก็ไปพักผ่อนกันเถิด”

เกี๊ยวน้อยยังคงอมน้ำคำเล็กๆ ไว้ในปาก นางประหม่าจนไม่กล้ากลืนลงไป

นางยังนึกลังเลว่าจะเล่าเรื่องเมื่อตะกี้ให้หนานหว่านเยียนฟังดีไหม

ทันใดนั้น น้ำเสียงอันฉะฉานก็ดังมาจากด้านหลังของหนานหว่านเยียน “พวกเจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

เสิ่นอี่ว์รออยู่ด้านนอก ขณะที่กู้โม่หานเดินเข้ามาในห้องเพียงลำพัง

เขาบาดเจ็บหนัก จึงต้องนั่งบนรถเข็น แต่ก็ยังไม่สามารถปิดบังรูปร่างชายหนุ่มสูงสง่าได้อยู่ดี

ใบหน้าอันเคร่งขรึมของเขาผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กหญิงทั้งสอง คิ้วงามดุจภาพวาดก็อ่อนโยนลงบ้าง

เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยครั้นมองเห็นกู้โม่หานก็มีท่าทีเปลี่ยนแปลงไป

เพราะครั้งสุดท้ายที่เห็นเขา เขายังนอนอยู่บนเตียงขยับตัวไม่ค่อยไหว

หนานหว่านเยียนมองไปที่กู้โม่หาน “พวกนางอยู่ที่นี่กับข้าดีๆ จะไปมีเรื่องอันใดได้?”

นางเพิ่งจัดการหยุนอี่ว์โหรวไปเมื่อครู่ หรือว่าเขาจะมาที่นี่เพื่อเอาผิดงั้นหรือ?

กู้โม่หานกลับไม่ได้เอ่ยตอบนาง เขาเอาแต่จับจ้องไปที่เด็กน้อยทั้งสองด้วยสายอันมั่นคง และสีหน้าเป็นกังวล “เมื่อครู่พวกเจ้าเจอเข้ากับพระชายาสิบแล้วใช่หรือไม่? นางได้ทำพวกเจ้าตกใจหรือเปล่า?”

แม่ทูนหัวทั้งสองตกตะลึงในใจ ยังไม่ได้เอ่ยตอบก็ได้ยินเสียงอันตื่นตระหนกของ

หนานหว่านเยียนเอ่ยขึ้น

“พวกลูกทั้งสองเจอเข้ากับพระชายาสิบ? !”

หนานหว่านเยียนพลันรู้สึกหนักอึ้งในใจยิ่งนัก ในทันใดนั้น ความหวาดกลัวอันเลวร้ายก็ได้เข้ารุมล้อมนาง

คิ้วคมของกู้โม่หานขมวดเล็กน้อย ราวว่ากำลังสงสัย “เจ้าไม่รู้หรือ?”

หนานหว่านเยียนมองไปที่แม่ทูนหัวทั้งสอง แล้วใช้ฝ่ามือเกาะกุมไหล่ของทั้งสองพี่น้องเอาไว้แน่น

“พวกเจ้าพากันออกไปหรือ?”

ดวงตาที่สดใสของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “แม่บอกแล้วไม่ใช่หรือ ช่วงถ้าพวกเจ้าไม่มีเรื่องอันใดก็อย่าวิ่งออกไปทั่ว?”

สวีหว่านหยิงเป็นคนในวังหลวง หากนางนำเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น ก็จะเป็นการผลักเอาสองพี่น้องเข้าสู่สภาพสังคมอันเลวร้าย กลายเป็นจุดพุ่งเป้า และดึงดูดให้นำไปสู่ความตาย

เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยเห็นหนานหว่านเยียนเข้มงวดเช่นนี้เป็นครั้งแรก จึงพลันตระหนักถึงความรุนแรงของเรื่อง

โดยเฉพาะซาลาเปาน้อย ดวงตาของนางแดงก่ำขึ้นทันใด นางรู้สึกเกรงกลัวจนกล้าเอ่ยอันใด แล้วหดตัวออกห่างจากข้างกายกู้โม่หาน

เกี๊ยวน้อยบิดนิ้วตัวเองอย่างลนลานมากๆ ทั้งขบริมฝีปากตัวเองกลั้นไม่ให้ร้องไห้ออกมา ดวงตากลมโตของนางมีน้ำตาคลอด้วยความคับแค้นใจ

“ท่านแม่ข้าขอโทษ พวกเรา พวกเราสำนึกผิดแล้ว......”

“พวกเรารู้สึกว่าอยู่แต่ในสวนนั้นน่าเบื่อหน่ายนิดหน่อย ดังนั้นเลยออกไปเดินเล่น”

หนานหว่านเยียนอ่อนโยนต่อเด็กทั้งสองเสมอมา นี่เป็นครั้งแรกที่กู้โม่หานเห็นเห็นว่า ที่แท้หนานหว่านเยียนก็พูดจารุนแรงกับลูกๆ เป็นเหมือนกัน

แม้แต่เขาเองก็ตกตะลึงเช่นกัน

แต่เมื่อเขาเห็นเกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยโศกเศร้าใจถึงเพียงนี้ ก็พลันใจอ่อนทันที

ชายหนุ่มยื่นมือออกไป มือเรียวยาวโอบเอาตัวสองพี่น้องเข้ามาหาโดยตรง กอดเอาไว้ในอ้อมแขนแล้วมองหนานหว่านเยียนด้วยสายตาอึมครึม

“เจ้าไม่ร้อนใจไป เรื่องนี้ข้าได้ระงับเอาไว้ชั่วคราวแล้ว น้องสิบกับน้องสะใภ้ไม่มีทางไปพูดมั่วซั่ว ในตอนนี้จะยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ฐานะของเด็กทั้งสอง”

เด็กยังไงก็เป็นแค่เด็ก พวกนางรู้สึกเบื่อหน่ายก็ออกมาเดินเล่น จะเกิดปัญหาอะไร พวกนางก็ไม่รู้เรื่องรู้ราว

หนานหว่านเยียนได้ยินว่า เรื่องนี้ถูกระงับไว้แล้ว ก็อุ่นใจขึ้นมาก

แต่ในเมื่อเกิดเรื่องแล้ว ก็ควรรีบตัดไฟแต่ต้นลม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลังอีก

นางมองมาที่สองพี่น้องอย่างจริงจัง “พวกเจ้าเบื่อหน่าย ท่านแม่รู้ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่พวกเจ้าจะมาเอาแต่ใจ พวกเจ้ามีสถานะพิเศษ ถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องแบกความยากลำบาก หากมีคนพบเข้า ก็อาจจะนำไปสู่ความอันตราย ท่านแม่ไม่ได้โทษพวกเจ้า แต่กลัวเกิดเรื่อง เลยตักเตือนพวกเจ้าเอาไว้”

เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยโตมาซะขนาดนี้แล้ว หนานหว่านเยียนไม่เคยแม้แต่จะกล่าวคำหนักๆ กับพวกนาง แล้วจะไปโกรธจริงๆ ได้อย่างไร

เมื่อครู่นั้นร้อนใจเกินเหตุไปจริงๆ

อีกทั้งนางรู้ว่าเซียงเหลียนดูแลเด็กทั้งสอง ก็ดูแลอย่างใกล้ชิดเสมอมา ดังนั้นนางจึงได้วางใจออกไปจัดการหยุนอีว์โหรวกับองค์ชายสิบและภรรยา

หลังจัดการเสร็จ ก็ไม่ยอมแม้แต่ให้พวกเขาอยู่ที่ลานบ้านนานนัก ระมัดระวังเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องบังเอิญเช่นนี้ขึ้นได้

ซาลาเปาน้อยน้ำตาไหลอาบนอง พลางขบเม้มริมฝีปากด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจเป็นอย่างมาก

น้ำตาของเกี๊ยวน้อยเกือบจะเอ่อล้นออกมาแล้ว แต่นางก็ยังคงขบริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเอาไว้

“ข้าเข้าใจแล้วท่านแม่ พวกข้าผิดเอง ท่านแม่อย่าโกรธเลยหนา ต่อไปพวกเราจะเป็นเด็กดีเชื่อฟัง ไม่ออกไปเดินเล่นอีกแล้ว......”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้