ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 352

ถามหาความรับผิดชอบ...

กู้โม่หานขมวดคิ้วมุ่น “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปก่อนเถอะ”

เสิ่นอี่ว์ถอยออกไปอย่างนอบน้อม ริมฝีปากบางของกู้โม่หานเม้มแน่น ใบหน้างดงามของหนานหว่านเยียนปั่นป่วนอยู่ในหัว

เขาพยายามไม่คิดเพ้อเจ้อ เรื่องเร่งด่วนที่สุดคือการยึดอำนาจก่อน ปลุกเสด็จแม่ให้ตื่นขึ้น เรื่องที่เหลือล้วนไม่สำคัญ

เขาเหลือบมองแท่งไม้ที่ไม่มีถังหูหลู ตรงมุมล่างหน้าต่าง ความรู้สึกว่างเปล่า

นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เจอเด็กสองคนนั้นสองวันแล้ว เขาหันกายเดินออกจากห้อง มุ่งหน้าไปเรือนเซียงหลินอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน ภายในเรือนเซียงหลิน

หลังหนานหว่านเยียนจัดการดอกบัวขาวน้อยแล้วก็ผ่อนคลาย ถามเซียงอวี้คาบเรียนของเด็กๆ ทั้งสองจบแล้วหรือยัง เซียงอวี้กล่าวว่า “ทูลพระชายาพวกคุณหนูเรียนเสร็จแล้ว ตอนนี้ไปหาท่านปู่หมิงเพคะ”

“ดี” หนานหว่านเยียนไปเรือนของโม่หวิ่นหมิงนางก็มองเห็นเกี๊ยวน้อยจ้องเกาทัณฑ์แขนเสื้อเล็กที่มีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์ในมือจากไกลๆ ดวงตาเบิกกว้างอย่างนึกไม่ถึง พูดอย่างตื่นเต้นมาก

“หวือ! มันบินออกไปแล้ว!”

ส่วนซาลาเปาน้อยมองอย่างอิจฉาอยู่ข้างกายนาง “ว้าว... พี่สาวเกาทัณฑ์แขนเสื้อนี่สุดยอดมากเลย!”

โม่หวิ่นหมิงยิ้มบาง แววตาโค้งยิ้มราวกับพระจันทร์เสี้ยว “ของเจ้าก็สุดยอดเช่นกัน เจ้าเพียงแต่ใช้ไม่ถูกวิธีเท่านั้น”

ขณะพูด เขาก็จับข้อมือของซาลาเปาน้อยอย่างอ่อนโยน สอนนางว่าต้องเล็งเป้า และยิงอย่างไร

เสียง “ฟิ้ว” ดังขึ้น แท่งไม้แหลมขนาดเท่านิ้วก้อยยิงพุ่งออกจากมือซาลาเปาน้อย

เกี๊ยวน้อยก็ร้องว้าว “อันนี้ๆ หรือก็คือยิงแม่น แม่นเหมือน...”

“ยิงแม่นเหมือนจับวาง” หนานหว่านเยียนเดินเข้ามาพร้อมยิ้มแย้มดุจมวลผกา เมื่อเห็นใบหน้าเล็กที่ไร้เดียงสาของทั้งสอง ก็รู้สึกอบอุ่นในใจ “แต่สำนวนนี้ไม่ได้ใช้เช่นนี้”

“ท่านแม่!” เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข ซาลาเปาน้อยตรงไปกอดต้นขาหนานหว่านเยียนไว้ “ท่านแม่มาดูเร็วเข้าท่านปู่หมิงให้เกาทัณฑ์แขนเสื้อพวกข้า มันน่าทึ่งมาก!”

“ใช่แล้ว ท่านแม่ ท่านดูนะ” เกี๊ยวน้อยกระโดดถอยหลังไปครึ่งก้าว ยกเกาทัณฑ์แขนเสื้อในมือชี้ไปที่กระถางดอกไม้บนชั้นต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปสามสิบก้าว “ปิ้วๆๆๆ....”

เกาทัณฑ์แขนเสื้อพุ่งออกไป เห็นเพียงแท่งไม่แหลมสามแท่งพุ่งใส่กระถางดอกไม้ทีละอันอย่างรวดเร็วและแม่นยำ กระถางก็ส่งเสียงตกลงมา เกี๊ยวน้อยร้องตกใจทันที วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก “แย่แล้ว...”

ขณะเหลือบเห็นกระถางกำลังตกลงพื้น โม่หวิ่นหมิงก็กระโดดขึ้นจากรถเข็นอย่างไม่สะทกสะท้าน ฝ่าเท้าแตะพื้นแผ่วเบา ท่วงท่าดุจสายลม ฉวยชั้นต้นไม้ข้างหน้าไว้ แล้วจับวางกลับไปอย่างมั่นคง

เขายิ้มบาง มองเกี๊ยวน้อยดวงตามีความชื่นชมไม่ปิดบังสักนิด “การเคลื่อนไหวของเกี๊ยวน้อยนี้ ถือว่ายิงแม่นเหมือนจับวางแล้ว”

อายุยังน้อยแล้วมีพรสวรรค์เช่นนี้ได้ ช่างมีเชื้อสายของกู้โม่หานในสายเลือดโดยแท้...

เกี๊ยวน้อยมีสีหน้าสำนึกผิด ก้าวไปข้างหน้าด้วยความน้อยใจ ดึงแขนเสื้อของหนานหว่านเยียนยิกๆ “ท่านแม่ข้าขอโทษ ข้า ข้าเพียงอยากอวดเกาทัณฑ์แขนเสื้อที่ท่านปู่หมิงสอนข้ากับซาลาเปาน้อยเมื่อครู่ ไม่ได้คิดทำลายกระถางดอกไม้นะเจ้าคะ”

พูดจบ นางก็โค้งคำนับให้โม่หวิ่นหมิงอย่างน่ารักน่าเอ็นดู “ขอบคุณท่านปู่หมิงเจ้าค่ะ!”

หนานหว่านเยียนย่อกายลง ลูบหัวเกี๊ยวน้อย“แม่ไม่ตำหนิเจ้า ตราบใดที่เจ้าไม่ทำให้ตนเองบาดเจ็บก็พอ”

เมื่อได้ยิน เกี๊ยวน้อยพลันยิ้มยิงฟันจนไม่เห็นตา ถูๆ ไถๆ เข้าอ้อมกอดนางอย่างออเซาะ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านแม่ดีที่สุด!”

ขาของโม่หวิ่นหมิงยังไม่ฟื้นตัว จึงยืนได้ไม่นาน ซาลาเปาน้อยเฉลียวฉลาดมาก ดันรถเข็นไปให้เขา

เขาสัมผัสหัวซาลาเปาน้อยกลับไปนั่งบนรถเข็น ยิ้มให้พวกนางแม่ลูกสามคนอย่างอบอุ่น และพูดแผ่วเบาราวกับสายลมวสันต์

“ข้าก็กลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อพวกนางด้วย ข้าจึงทำเกาทัณฑ์แขนเสื้อจากไม้ ปลายของไม้ก็ถูกขัดให้กลมมน ทั้งเด็กสองคนก็หลักแหลม รู้ดีว่าของนี่ไม่อาจใช้งานส่งเดชได้ เจ้าวางใจได้”

หนานหว่านเยียนยิ้มหวาน อุ้มเด็กๆ ทั้งสอง “ยังเป็นท่านน้าที่คิดไตร่ตรองรอบคอบ เพียงแต่ เหตุใดท่านน้าถึงสอนพวกเขาใช้กลศาสตร์เล่า”

ซาลาเปาน้อยพลันกระโดดออกมาทันที เลียนแบบท่าทางลูบเคราของอาจารย์ยามสอนหนังสือ ส่ายหัวเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย

“ท่านแม่อาจไม่รู้ ท่านปู่หมิงกล่าวว่า ตอนนี้ทั้งเรือนเซียงหลินเขาได้สร้างแหฟ้าตาข่ายดิน1หมดแล้ว หากวันหน้ามีผู้ร้ายมาฉุกละหุกอีก จะต้องโดนกลศาสตร์ของท่านปู่หมิงทำร้ายจนน้ำตาไหลพราก ใบหน้าบวมตุ่ยแน่!”

เกี๊ยวน้อยก็ยกเกาทัณฑ์ของตนเองขึ้นมาตะโกนว่า “นี่คือของที่พวกข้าใช้ต่อกรคนเลว! ท่านปู่หมิงบอกว่ารอพวกข้าโตขึ้นอีกหน่อย จะเปลี่ยนอันได้ เปลี่ยนเป็นอะไรนั้นนะ”

“ลูกธนูเหล็ก” โม่หวิ่นหมิงเคาะหน้าผากของนางเบาๆ

เกี๊ยวน้อยแลบลิ้นใส่เขา หน้าแดงด้วยความอาย

หนานหว่านเยียนได้ยินก็รู้สึกตกตะลึง ไม่คาดคิดว่าท่านน้าจะคิดรอบคอบขนาดนี้ ได้เตรียมการทุกอย่างไว้ในเรือนนางเรียบร้อยแล้ว

นี่คือญาติพี่น้อง ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของนางตลอดกาล

หนานหว่านเยียนพลันรู้สึกอุ่นในใจ เอ่ยกับโม่หวิ่นหมิงอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณท่านน้า แต่ข้าเชื่อว่า ช่วงเวลาอกสั่นขวัญแขวนเช่นนี้ ใกล้จะจบลงแล้ว”

นางช่วยกู้โม่หานยึดอำนาจโดยเร็วที่สุด จากนั้นพาเด็กกับท่านน้าบินหนีไปให้ไกล ไม่ให้พวกเขาต้องกังวลอีกต่อไป

โม่หวิ่นหมิงกลับยิ้มอย่างไม่แยแส “ตราบใดที่หว่านหว่านกับพวกเด็กทั้งสองไม่เป็นอะไร ที่ข้าทำเช่นนี้ก็คุ้มค่าแล้ว”

ตอนนี้ขาเขาอาการยังไม่ดี ไม่อยากเป็นภาระให้นาง ยิ่งไม่อยากให้พวกนางแม่ลูกคนใดคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ

ยิ่งไปกว่านั้น สถานะของพวกนางพิเศษ ก็ไม่อาจได้รับบาดเจ็บ

“การสอนเด็กทั้งสองใช้เกาทัณฑ์ป้องกันตัว เป็นเพียงการปูพื้นฐานให้พวกนางเล็กน้อย หากวันหน้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันจริงๆ ข้าพยายามอย่างถึงที่สุด ปกป้องพวกเจ้าสามคนแม่ลูกให้พ้นภัยอันตราย”

หนานหว่านเยียนยิ่งรู้สึกซาบซึ้งในใจ

จู่ๆ เกี๊ยวน้อยก็นึกอะไรออก เข้าใกล้หนานหว่านเยียนใช้มือเล็กขาวอวบสะกิดนาง

“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง! ถ้าคนเลวมา ข้ากับซาลาเปาน้อยจะช่วยท่านแม่ไล่ตีพวกเขา...”

(1) แหฟ้าตาข่ายดิน เปรียบถึง ล้อมศัตรูหรือผู้หลบหนีไว้อย่างหนาแน่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้