ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 355

กู้โม่หานกอดซาลาเปาน้อยไว้ในอ้อมแขนตนเอง มองดวงตากลมโตที่เหมือนลูกองุ่นของซาลาเปาน้อยเผยร่องรอยความงงงัน

เขายิ้มครู่หนึ่ง มองหนานหว่านเยียน“พระชายานั่งสิ”

ซาลาเปาน้อยกะพริบตา มองหนานหว่านเยียน หนานหว่านเยียนเอื้อมมือออกไปกำลังจะอุ้มนางเข้ามา “ให้ข้าอุ้มซาลาเปาน้อยเถอะ ไม่ต้องถึงมือเจ้า”

กู้โม่หานไม่ปล่อยมือ อุ้มซาลาเปาน้อยนั่งลงก่อน

“แขนขาเจ้าผอมลีบ นั่งกับเจ้าไปก็ทิ่มเจ็บ ข้าอุ้มก็พอแล้ว เจ้ารีบนั่งลงเถอะ เกี๊ยวน้อยรอนานหมดแล้ว”

เกี๊ยวน้อยเต็มไปด้วยความฮึกเหิม “ท่านแม่รีบนั่งเร็วเข้า”

หนานหว่านเยียนได้แต่นั่งลงก่อน

ทั้งครอบครัวสามคนนั่งเป็นระเบียบเรียบร้อย โม่หวิ่นหมิงนั่งอย่างโดดเดี่ยวอยู่ด้านข้าง มองสีหน้าไม่ออก แต่อาจี้รู้สึกว่าเซียนเซิงอ้างว้างเกินไป จึงเข็นรถเข็นไปข้างกายหนานหว่านเยียน

อืม อย่างนี้ค่อยเจริญหูเจริญตาขึ้นเยอะ

ขณะนั้น เกี๊ยวน้อยม้วนแขนเสื้อเดินถอยหลัง เริ่มปรับลมหายใจตนเอง พร้อมจะเริ่มได้ทุกเมื่อ

นางยื่นมือสั้นป้อมสองข้างออกมา ใบหน้านุ่มนวล นัยน์ตาสีนิลฉายประกายดุเดือด

“ฮ๊าาาาาา!” ฝ่ามือ ส่งลมกระโชกแรง ทะลุทะลวงผ่านอากาศที่เงียบสงบ แม้จะแผ่วเบาก็ทำให้ทุกคนรับรู้ถึงอานุภาพได้

วินาทีต่อมา เกี๊ยวน้อยนั่งท่าม้า เปลี่ยนทรงร่างได้อย่างคล่องแคล่ว ตีลังกาได้อย่างง่ายดาย วาดฝ่ามือพาดไปด้านหลังอย่างแรง

แต่ละท่วงท่า ราวกับแฝงกำลังมหาศาล ในร่างกายเล็กๆ นี่ กระทั่งโม่หวิ่นหมิงเห็นเงาร่างกู้โม่หานซ้อนทับบนตัวเกี๊ยวน้อยได้

ซาลาเปาน้อยอายุยังน้อย ทักษะศิลปะการต่อสู้ยังดีขนาดนี้ สุดท้ายเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ

กู้โม่หานมองเกี๊ยวน้อย“ออกกระบวนท่า” เปลวไฟรางๆ ประกายตื่นเต้นในดวงตาดำขลับ

เขาระงับความรู้สึกไม่ได้ วางซาลาเปาน้อยคืนอ้อมแขนหนานหว่านเยียนยืนขึ้นไปข้างหน้า ยืนข้างกายเกี๊ยวน้อย

“ขาต้องมั่น ออกมือต้องกระจ่าง อย่าเคลื่อนไหวโอ่อ่า”

ขณะที่พูด เขาก็ปรับท่าทางของเกี๊ยวน้อย

เดิมเกี๊ยวน้อยมีนิสัยไม่ยอมแพ้ ขณะเห็นกู้โม่หานจับผิดนางมากขนาดนี้ พลันทําปากจู๋ขึ้นมา

นางไม่ส่งเสียงอะไร เคลื่อนไหวตามกู้โม่หานอย่างตั้งอกตั้งใจ เริ่มเรียนรู้เข้าที่เข้าทาง

หนานหว่านเยียนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ความคิดสับสน

ต้องบอกว่า กู้โม่หานมีท่าทางเหมือนพ่อคน อดทนยิ่ง ในการอบรมสั่งสอนเด็ก

เพียงแต่...

นางมองเกี๊ยวน้อยจากนั้นมองซาลาเปาน้อยในอ้อมแขน

ซาลาเปาน้อยมองกู้โม่หานกับเกี๊ยวน้อยอย่างตกตะลึง แสดงความชื่นชมเป็นครั้งคราว แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉา

คิ้วหนานหว่านเยียนพลันขมวดแน่นยิ่งขึ้น รู้สึกไม่สบายใจโดยบอกไม่ถูก

แต่เมื่อนางคิดดูแล้ว ก็ไม่มีเวลาใกล้ชิดได้มากนัก จึงไม่รบกวนความสนใจของพวกเด็กๆ

เมื่อจากกันแล้ว ย่อมลืมไปโดยธรรมชาติ

ทั้งสองฝึกฝนวรยุทธ์จบลง กู้โม่หานก็จงใจหยอกเกี๊ยวน้อย

“ไม่เลว พัฒนาไวมาก หากเจ้าทำเช่นนี้ต่อไป บางทีอีกสามสิบห้าสิบปีข้างหน้า จะสามารถเอาชนะข้าได้”

เกี๊ยวน้อยเป็นกังวลในทันที ใบหน้าแดงระเรื่อแต้มเหงื่อ “ท่านพูดเพ้อเจ้อ รอข้าเรียนจบแล้ว ข้าต้องเอาชนะท่านได้อย่างแน่นอน!”

เพิ่งพูดจบ สองเท้านางพลันลอยกลางอากาศ กู้โม่หานอุ้มนางไว้ในอ้อมแขนด้วยมือข้างเดียว เดินกลับไปข้างกายหนานหว่านเยียนอย่างมั่นคง

“ดี งั้นข้าจะรอเจ้ามาท้าประลองกับข้า ถึงตอนนั้นแพ้แล้วอย่าร้องไห้ขี้มูกโป่งเล่า” เขาวางเกี๊ยวน้อยบนเก้าอี้ แล้วลูบหัวนาง

เกี๊ยวน้อยย่นจมูก สองมือเท้าเอว “ข้าไม่มีทางร้องไห้แน่ อาจารย์พูดไว้ว่า เด็กที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งไม่ใช่แม่ทัพที่ดี”

บทสนทนาทำให้ทุกคนสนุก บรรยากาศเป็นไปอย่างกลมเกลียว

โม่หวิ่นหมิงมองเห็น ในใจหนักอึ้ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้