ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 365

ในเวลานี้ หนานหว่านเยียนยังอยู่ในตำหนักหยูซิน เพื่อทำการรักษาขั้นสุดท้ายสำหรับอาการป่วยของหยุนเหิง

ฮองเฮามองดูการรักษาจากเก้าอี้กุ้ยเฟย สองมือกำแน่น

นางเป็นคนที่มาจากจวนแม่ทัพ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หยุนเหิงก็ถือได้ว่าเป็นกึ่ง ๆ หลานชายของนาง ถ้าจะบอกว่านางไม่รู้สึกกังวลเลย ก็คงจะเป็นเรื่องโกหก

ในที่สุดนางก็เห็นหนานหว่านเยียนวางก้อนถ่านลง แล้วถอนเข็มเงินออกทีละเล่ม ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้นาง

“เสด็จแม่ เวลานี้แม่ทัพน้อยไม่เป็นอะไรมากแล้ว หลังจากกลับไปแค่ต้องพักผ่อน ดูแลร่างกายให้มากก็พอแล้ว การรมควันอาจมีผลข้างเคียงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นอันตราย”

ฮองเฮามองดูหยุนเหิงที่กำลังหลับสนิท ผิวหน้าของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นมีเลือดฝาดขึ้นมา ลมหายใจก็เริ่มสม่ำเสมอขึ้น คล้ายกับว่าเขาไม่มีอาการเจ็บปวดแล้ว

ฮองเฮาค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ขอแค่คนยังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว ใครจะไปใส่ใจอะไรมากมายขนาดนั้นกัน"

นางมองหนานหว่านเยียนด้วยสายตาชื่นชม "ข้าประเมินความสามารถของเจ้าต่ำเกินไปแล้วจริง ๆ ถ้าเจ้าไม่เป็นหมอรักษาคน โลกใบนี้ก็คงขาดหมอเทวดาไปอีกหนึ่งคน"

คำชมนี้ฟังดูสูงค่ามาก หนานหว่านเยียนพูดด้วยรอยยิ้มกว้างจนตายิบหยี: "เสด็จแม่ทรงกล่าวชมเกินไปแล้วเพคะ"

ขอแค่ไม่ทรมานนาง ไม่สร้างปัญหาให้ ไม่ขัดขวางเส้นทางการใช้วิชาแพทย์ของนาง ไม่ว่าใครนางก็สามารถคบค้าสมาคมด้วยได้อย่างสันติทั้งนั้น

“ส่งแม่ทัพน้อยกลับไป” ฮองเฮาโบกมือเป็นสัญญาณ จากนั้นก็มองไปที่หนานหว่านเยียนอีกครั้ง “เจ้าอยู่ก่อนเถอะนะ ดื่มชากับข้าสักถ้วยแล้วค่อยกลับ”

หนานหว่านเยียนยังไม่ทันตอบ ก็ได้ยินเสียงแหลมเล็กของกงกงดังมาจากหน้าประตู "ทูลฮองเฮา พระชายาอี้ ฝ่าบาททรงมีรับสั่งเชิญทั้งสองท่านไปที่ตำหนักหย่างซินทันทีพ่ะย่ะค่ะ!"

ฝ่าบาทเชิญนางกับฮองเฮาไปที่ตำหนักหย่างซิน?

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วมุ่น หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

ฮองเฮาเองก็ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจเช่นกัน “ฝ่าบาทได้ตรัสไว้บ้างหรือไม่ว่าเป็นเรื่องอะไร?”

กงกงคนนั้นรีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน แสดงสีหน้าว่าไม่รู้อย่างสิ้นเชิง

“ข้าน้อยก็ไม่ทราบเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ แต่เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาททรงพิโรธอย่างยิ่ง ฮองเฮาเหนียงเหนียง พระชายาอี้ อย่างไรก็รีบไปที่นั่นก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

กู้จิ่งซานโกรธมาก?

หัวใจของหนานหว่านเยียนหนักอึ้งจมดิ่งทันที จู่ ๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

"ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็ไปกันเถอะ" ฮองเฮาก็ไม่เสียเวลาถามอะไรให้มากมายอีก นางขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะเดินออกไปโดยมีซุนหมัวมัวช่วยประคอง

หนานหว่านเยียนก็เดินตามออกไปด้วย

ในเวลานี้ ความกดอากาศในตำหนักหย่างซินลดต่ำลงจนเย็นเฉียบ ทุกคนในนั้นไม่มีใครกล้าหายใจแรง ๆ แม้แต่คนเดียว

เนื่องจากฮ่องเต้มีรับสั่งเรียกตัวอย่างกะทันหัน ทั้งยังบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญของบ้านเมือง บรรดาเชื้อพระวงศ์ที่ควรมาต่างก็มารวมตัวกันจนครบแล้ว แม้แต่ท่านอ๋องเจ็ดกู้โม่หลิงที่ปกติไม่ค่อยออกไปข้างนอก ทั้งยังปรากฏตัวในที่สาธารณะน้อยมากก็ยังมาถึงแล้ว

แต่ทุกคนก็ทำได้แค่นั่งกันเงียบ ๆ ในเมื่อฮ่องเต้ไม่ปริปาก ใครก็ไม่กล้าส่งเสียงเอะอะมั่วซั่ว กระทั่งไทเฮาก็ยังรู้สึกแปลกใจ ไม่รู้ว่าฮ่องเต้คิดจะทำอะไรกันแน่

จนกระทั่ง ——

กู้โม่หานจูงมือเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่แสนจะน่ารักบอบบางสองคนเข้ามาในตำหนัก สีหน้าเคร่งเครียดหนักอึ้ง

ทุกคนต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริศขึ้นมาทันที พระชายาองค์ชายสิบยิ่งตกตะลึงกว่าใครทั้งหมด นางแทบจะผุดลุกขึ้นยืนเลยทีเดียว

นี่ไม่ใช่...ไม่ใช่หนูน้อยสองคนที่นางเคยเห็นในจวนอ๋องอี้เมื่อก่อนหน้านี้หรอกหรือ?

น้องศรีพี่น้องต่างคนต่างกระพริบตามองปริบ ๆ พวงแก้มยุ้ย ๆ บนใบหน้าอ่อนเยาว์ของพวกนางดูแล้วน่ารักเป็นหนักหนา มือน้อย ๆ ที่เต็มไปด้วยเนื้อหนังอ่อนนุ่มยึดกุมมือของกู้โม่หานไว้แน่น

หนูน้อยคนหนึ่งดูท่าทางขี้อาย ทั้งยังขยับถอยไปหลบอยู่ข้างหลังของกู้โม่หาน เอาแต่ก้มหน้าก้มตา จะมีบ้างที่ลอบช้อนตาขึ้นมองพวกเขาเป็นครั้งคราว แล้วก็จะรีบถอนสายตากลับอย่างเขินอาย

กู้โม่หานเมินเฉยกับสภาวะกดดันโดยรอบ เดินตรงไปยังใจกลางตำหนัก ดึงตัวหนูน้อยทั้งสองให้คุกเข่าลงทำความเคารพ "กระหม่อมถวายบังคมเสด็จพ่อ เสด็จย่า"

เขาหันไปมองสองหนูน้อยแวบหนึ่ง “เกี๊ยวน้อย ซาลาเปาน้อย รีบถวายบังคมเสด็จปู่ เสด็จย่าทวดไทเฮาสิ”

สองพี่น้องคุกเข่าลงอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมที่พึงปฏิบัติ ก่อนจะน้อมทักทายอย่างน่ารักว่าง่าย: "ถวายบังคมเสด็จปู่ฮ่องเต้ เสด็จย่าทวดไทเฮา"

เสด็จปู่ เสด็จย่าทวดไทเฮา?!

ทุกคนทำหน้าเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ ก็ไม่ปาน ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกไปเลย

อ๋องอี้ถึงกับมีลูกสาวที่แสนจะน่ารักว่าง่ายขนาดนี้ถึงสองคนจริง ๆ ทั้งยังโตขนาดนี้แล้วด้วย?!

เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงตำแหน่งรัชทายาทแท้ ๆ ทำไมกู้โม่หานถึงต้องปิดบังอำพรางเรื่องลูกสาวจากทุกคนด้วยล่ะ?

ไทเฮาก็ตกตะลึงพรึงเพริศไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นแล้ว เสียงเด็กน้อยที่นางได้ยินเมื่อวันนั้นจึงไม่ใช่เพราะนางหูฝาด แต่เป็นเรื่องจริงสินะ? !

จากนั้นนางก็หันไปมองฮ่องเต้ จนถึงตอนนี้ฮ่องเต้ก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว แค่มองไปที่พวกเขาสามคนพ่อลูกอย่างเย็นชา สีหน้าไม่ค่อยจะดีนัก

นางบิดนิ้วมือไปมาอย่างเคร่งเครียด พยายามควบคุมลมหายใจให้นิ่ง

ฮ่องเต้กำลังโกรธ กู้โม่หานมองไปที่เด็กน้อยทั้งสอง ไม่พูดอะไรมากมาย เขากับสองหนูน้อยเริ่มกวาดสายตามองหาหนานหว่านเยียนแล้ว

สามคนพ่อลูกเพิ่งจะพบว่าหนานหว่านเยียนไม่ได้อยู่ที่นี่ เวลานี้เอง เสียงประกาศแหลมสูงของกงกงก็ดังขึ้นจากหน้าประตูเข้าตำหนัก "ฮองเฮาเหนียงเหนียง พระชายาอี้เสด็จ —"

ทุกคนต่างหันไปมองที่หน้าประตูทันที จึงเห็นฮองเฮากับหนานหว่านเยียนเดินตามหลังกันเข้ามา

เมื่อเกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยเห็นหนานหว่านเยียน ก็พร้อมใจกันร้องเรียก "ท่านแม่..... "

เสียงเล็ก ๆ ที่แสนออดอ้อนนี้ ทำเอาทุกคนที่ได้ยินพลันตัวสั่นสะท้านไปตาม ๆ กัน

เมื่อหนานหว่านเยียนเห็นหนูน้อยทั้งสอง นิ้วมือก็พลันเย็นเฉียบ นางทั้งตกใจทั้งลนลานไปหมด

ทำไมยัยหนูทั้งสองถึงมาอยู่ที่นี่ได้?

นางหันไปมองกู้โม่หานก่อน แววตาของเขาทั้งเย็นชาและมืดมน จากนั้นนางค่อยหันไปมองฮ่องเต้ ที่เวลานี้สีหน้าเย็นเยียบดำทะมึน แล้วค่อยหันไปมองเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายที่มารวมตัวกันในตำหนักอย่างพร้อมเพรียง ชั่วขณะนั้นนางพลันเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทันที

ดูเหมือนว่าเรื่องของเด็ก ๆ จะถูกเปิดโปงแล้ว อีกทั้งการเริ่มต้นไม่น่าจะดีเท่าไหร่ด้วย น่ากลัวว่ากู้จิ่งซานคิดจะไต่ถามความผิดเรื่องนี้แน่นอนแล้ว!

"นี่....." จู่ ๆ ฮองเฮาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นางก็พูดโพล่งขึ้นด้วยความประหลาดใจ และเมื่อได้เห็นหน้าตาของสองพี่น้อง นางก็ยิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีก "แม่หนูน้อยสองคนนี้ เป็นลูกสาวของพระชายาอี้รึ?"

หนานหว่านเยียนกำลังจะพูด ก็ถูกน้ำเสียงเย็นชาของฮ่องเต้ชิงถามดักคอขึ้นมาเสียก่อน

“เรื่องนี้ข้าเองก็อยากรู้ความจริงเช่นกัน ตอนนี้ข้างนอกต่างก็ร่ำลือกันให้กระฉ่อน ว่าเด็กผู้หญิงสองคนนี้เป็นลูกไม่มีพ่อ”

“ตอนนี้ช่วยอธิบายให้ข้าฟังหน่อยซิ ว่าแท้จริงแล้วพวกนางเป็นลูกไม่มีพ่อ หรือว่าเป็น —— หน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ที่พวกเจ้าจงใจปิดบังไว้ ไม่ยอมรายงานให้ข้ารู้มานานถึงห้าปีกันแน่?!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้