ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 368

ทุกคนต่างตกตะลึงจนตาค้าง พากันจ้องมองไปยังเงาร่างเล็ก ๆ สองร่างที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัวด้วยสีหน้าประหลาดใจ

ลูกวัวแรกเกิดย่อมไม่กลัวเสือ นอกจากไทเฮา คนที่กล้าพูดกับฮ่องเต้แบบนี้ เกรงว่าคงจะมีแต่สองศรีพี่น้องคู่นี้เท่านั้นแล้ว

ไทเฮามองสองพี่น้องด้วยความสงสารเอ็นดูจับใจ

เด็กสองคนนี้ช่างว่าง่ายรู้ความเหลือเกิน ได้รับการเลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนมาดีมากจริง ๆ!

เด็กน้อยทั้งสองสลับกันร้องเรียกคำว่า "ท่านปู่" ออกจากปากคนละประโยค มีหรือที่กู้จิ่งซานผู้ซึ่งให้ความสนิทสนมชิดใกล้กับรุ่นหลานกว่าจะทนไหว?

เดิมทีเขายังรู้สึกโกรธจนเดือดปุด ๆ แต่เมื่อถูกความน่ารักน่าชังของเด็ก ๆ โจมตีเข้าใส่ ชั่วขณะที่เหม่อมองหนูน้อยทั้งสอง ก็เกิดอาการสติหลุดลอย ในสมองขาวโพลนจนพูดอะไรที่รุนแรงออกมาไม่ได้แม้แต่คำเดียว

หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานขมวดคิ้วทันที ทั้งสองคนรีบเข้าไปดึงสองหนูน้อยกลับมา แล้วแบ่งกันกอดเด็ก ๆ ไว้ในอ้อมแขนแน่น

กู้โม่หานมองไปที่กู้จิ่งซานด้วยสายตาเย็นชาสุดขีด

"เสด็จพ่อ คำพูดของเด็กไร้เดียงสา ท่านโปรดอย่าถือเอาคำพูดของยัยหนูทั้งสองเป็นจริงเป็นจัง!"

หนานหว่านเยียนก็พูดด้วยอีกคนว่า: "เสด็จพ่อ คำพูดของเด็กน้อย ขอท่านอย่าได้ถือสา"

ฮ่องเต้ขี้ระแวงจนเข้าขั้นสติฟั่นเฟือนเสียขนาดนั้น ถ้าเด็กน้อยทั้งสองยังทำตัวออกหน้าขนาดนี้ แล้วถูกจับตามองเข้าก็คงจะไม่ดีแน่

ซาลาเปาน้อยกับเกี๊ยวน้อยมองไปที่หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หาน ยังคิดจะพูดอะไรต่อ แต่เห็นหนานหว่านเยียนส่งสัญญาณทางสายตามาให้ จึงต้องกลืนคำพูดทั้งหมดกลับลงไป

แต่พวกนางกลับกัดริมฝีปากแน่น ทั้งเป็นกังวลทั้งไม่สบายใจ สวีหว่านหยิงทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ ชั่วขณะที่เพิ่งคิดจะลุกขึ้นขอร้องแทนหนานหว่านเยียนกับกู้โม่หาน กลับถูกชีกุ้ยเฟยผลักให้ถอยกลับไปทันที

“ท่านแม่?” สวีหว่านหยิงตกตะลึงอึ้งค้าง ชีกุ้ยเฟยหันไปส่ายหน้าให้นาง สวีหว่านหยิงจึงไม่ได้ลุกขึ้นอีก แต่แววตากลับเป็นกังวลอย่างยิ่ง

กู้จิ่งซานมองไปที่หลานสาวตัวน้อยที่แสนจะน่ารักน่าชังทั้งสอง ใจอ่อนยวบลงไปไม่น้อย แต่เพียงไม่นานก็สงบจิตสงบใจลงได้ กู้โม่หานมีเจตนาคิดเป็นอื่นทั้งยังคิดจะครองใจประชาชน ถ้าไม่ปรามกู้โม่หานเสียบ้าง น่ากลัวว่าพรุ่งนี้คนที่นั่งบนบัลลังก์มังกรอาจได้เปลี่ยนคนแน่แล้ว

สีหน้าของฮ่องเต้กลับมาเย็นชาอีกครั้ง

"ทหาร ลงโทษโบยอ๋องอี้กับพระชายาอี้คนละแปดสิบครั้ง!"

"ช้าก่อน เสด็จพ่อ!" กู้โม่หานมองไปที่ฮ่องเต้ด้วยสายตาลึกล้ำทว่าเย็นเยียบ ในดวงตาแฝงความเย็นชาขึ้นกว่าเดิมหลายส่วน "กระหม่อมเป็นผู้ปกครองจวนอ๋องอี้ ภรรยากับลูกสาวล้วนต้องเชื่อฟังคำสั่งดั่งโองการสวรรค์ เรื่องนี้จึงไม่อาจโทษนางได้ กระหม่อมยินดีที่จะรับในส่วนของนางด้วย”

กู้โม่หานคิดจะรับโทษส่วนของหนานหว่านเยียนแทนอย่างนั้นรึ? !

นั่นไม่เท่ากับถูกโบยร้อยหกสิบครั้งหรอกหรือ?

ทุกคนต่างตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง เหงื่อเย็น ๆ รินไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

แค่โบยคนละแปดสิบครั้งก็เจ็บจนอยู่ไม่สู้ตายแล้ว

แต่นี่ตั้งร้อยหกสิบครั้งเชียวนะ บ้าไปแล้วรึ? !

บทลงโทษเช่นนี้ แม้แต่คนที่แข็งแกร่งดั่งตีขึ้นจากเหล็กกล้าก็ยังยากจะทนรับไหวเลย!

รูม่านตาของหนานหว่านเยียนถึงกับหดตัวกะทันหัน จ้องกู้โม่หานด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ ยื่นมือออกไปคว้าแขนของเขาดังหมับ

"กู้.... ท่านอ๋อง นี่เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไรออกมา! เจ้าตื่นเต้นเกินไปหรือเปล่า? พูดเพ้อเจ้อสินะ?"

แค่แปดสิบครั้งก็ยังยากจะทนรับไหวแล้ว พวกเขาต่างคนต่างถูกโบยคนละแปดสิบครั้ง อย่างมากสุดนางก็ต้องทนทรมานหน่อย แต่กู้โม่หานเป็นเทพแห่งสงคราม สมรรถภาพทางกายดีเยี่ยม การโบยแปดสิบครั้งสำหรับเขาแล้ว แค่กลับไปพักฟื้นสักหน่อยก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว

แต่ถ้าโบยตั้งหนึ่งร้อยหกสิบครั้ง นี่มันฆ่าคนได้เลยนะ!

ที่สำคัญเขารู้หรือเปล่าว่าการที่เขาทำแบบนี้ มันเข้าทางกับที่กู้จิ่งซานต้องการพอดีเลยน่ะ?

เป็นไปตามคาด ดวงตาของฮ่องเต้พลันหรี่ลงอย่างหนัก

“ในเมื่อเจ้ามีใจเช่นนั้น ข้าก็ยินดีให้เจ้ารับโทษแทนภรรยา ทั้งเป็นการให้บทเรียนเจ้าไปด้วยในตัว! เจ้าหก เจ้าควรรู้ว่าหากละเมิดกฎหมาย มันย่อมส่งผลกระทบถึงลูกและภรรยาของเจ้าไปด้วย หลังจากนี้ไปก็ควรระมัดระวังคำพูดและการกระทำให้มาก หากวันนี้ไทเฮาไม่ทรงเอ่ยปากขอร้องแทนเจ้าล่ะก็ พวกเจ้าสองสามีภรรยาคงไม่ได้รับโทษสถานเบาเช่นนี้แน่! "

ไทเฮากำมือแน่น ยังคิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กู้โม่หานกลับตอบตกลงทันที "ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงเมตตา"

"เสด็จพ่อ....." หนานหว่านเยียนร้อนใจหมายจะหยุดเขา แต่กู้จิ่งซานกลับตะโกนสั่งตัดบทเสียงเฉียบขาดว่า: "ทหาร ลงโทษโบยอ๋องอี้หนึ่งร้อยหกสิบครั้ง!"

ราชองครักษ์รับคำสั่ง แล้วเดินตรงเข้าไปหากู้โม่หาน

หัวใจของหนานหว่านเยียนสั่นไหวอย่างรุนแรง นิ้วมือบีบเข้าที่แขนของเขาโดยไม่รู้ตัว ตวาดด่าเบา ๆ ว่า “กู้โม่หาน นี่เจ้าทำบ้าอะไรอยู่น่ะ?! บาดแผลจากดาบของเจ้ายังไม่หายดีเลยนะ จะรับการลงโทษขนาดนี้ไหวรึ!”

“ข้าไม่มีทางเป็นอะไรหรอก” กู้โม่หานกลับจ้องมองนางด้วยสายตาลึกซึ้ง ค่อย ๆ ผลักซาลาปาน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนไปทางหนานหว่านเยียนเบา ๆ “ดูแลลูก ๆ ทั้งสองคนให้ดีด้วยล่ะ”

เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยต่างก็มองไปที่กู้โม่หาน สองตากลมโตของพวกนางเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ

กู้จิ่งซานถึงกับออกคำสั่งให้ทหารลงโทษโบยกู้โม่หาน ต่อหน้าทุกคนในตำหนักแห่งนี้โดยตรง

หนานหว่านเยียนกัดริมฝีปากแน่นระหว่างที่ตาก็มองไปที่กู้โม่หาน สุดท้ายก็กอดสองหนูน้อยไว้ในอ้อมแขนแน่น กดหัวเล็ก ๆ ของพวกนางให้แนบกับทรวงอก ไม่ให้พวกนางเห็นการลงโทษ

การลงโทษในที่สาธารณะแบบนี้ ใครก็ไม่กล้ายุ่งอยู่แล้ว ทั้งไม่กล้าลงโทษแค่เบา ๆ ให้ผ่านพ้นไป กู้โม่หานคุกเข่าลงกับพื้น ไม้กระดานฟาดลงบนแผ่นหลังของเขาอย่างแรง กระเทือนถึงบาดแผลที่หน้าอกให้เจ็บขึ้นมาอีกครั้ง

เสียงไม้กระดานฟาดดังซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้ำเสียงหนัก ๆ ทึบ ๆ นั้นทำให้แก้วหูของหนานหว่านเยียนปวดจี้ด นางกัดริมฝีปากล่างจนแน่น ในใจรู้สึกไม่สบายอย่างอธิบายไม่ถูก ถึงขั้นหงุดหงิดไม่สบอารมณ์

แต่กู้โม่หานที่คุกเข่าอยู่ที่นั่น กลับไม่ขยับเขยื้อนเลยตั้งแต่ต้นจนจบ กระทั่งหลังก็ยังไม่งอสักนิด

ผู้คนทั้งตำหนักต่างเงียบงันราวกับจักจั่นกลางฤดูหนาว ได้ยินเสียงเนื้อผ้าฉีกขาดจากการหวดฟาดอย่างชัดเจน

ไทเฮาทนดูไม่ไหวจนต้องหันหน้าหนี นางถอนหายใจเบา ๆ แต่ก็ไม่มีวิธีที่จะหยุดการลงโทษนี้ได้

ไม่ว่าอย่างไร ความผิดฐานหลอกลวงฮ่องเต้ก็ต้องมีคำอธิบาย มันเป็นไปไม่ได้ที่พอใครยอมรับสารภาพในความผิดแล้ว ก็จะยอมปล่อยผ่านไปแบบง่าย ๆ เพราะสุดท้ายประเทศก็มีกฎของประเทศ ในวังก็มีกฎของในวัง

"ฮือ ๆ ๆ....." ซาลาเปาน้อยที่ได้ยินเสียงกระดานไม้หวดฟาดอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดก็ทนไม่ไหว ซุกหน้าลงในอ้อมแขนของหนานหว่านเยียนพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น ไหล่เล็ก ๆ กระตุกไหวไม่หยุด ราวกับไม้กระดานเหล่านั้นหวดฟาดลงบนตัวนางเสียเอง

พ่อชั่วคนนี้ก็ยังนับว่ามีดีอยู่บ้าง อย่างน้อยในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เขาก็ไม่ทอดทิ้งท่านแม่ ทั้งยังลุกขึ้นมาปกป้องท่านแม่รวมถึงพวกนางสองพี่น้อง

ขอแค่เขาดีต่อท่านแม่ นับจากนี้ไปนางจะไม่ตั้งตนเป็นศัตรูกับเขาอีกแล้ว

เกี๊ยวน้อยก็ไม่เคยเห็นเรื่องที่น่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเหมือนกัน มือเล็ก ๆ ของนางกำเสื้อของหนานหว่านเยียนไว้แน่น น้ำตาไหลอาบสองแก้ม

โทษโบยหนึ่งร้อยหกสิบครั้ง สีหน้าของกู้โม่หานซีดเผือด หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ ไหลอาบ มุมปากยังมีเลือดไหลออกมาด้วย แต่ตลอดกระบวนการลงโทษเขาไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมาเลย

เพราะเขารู้ดีว่า ถ้าเขาส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่แอะเดียว ยัยหนูทั้งสองจะต้องนึกโทษตัวเองและต้องเป็นกังวลมากแน่ ๆ

หลังการลงโทษสิ้นสุดลง หนานหว่านเยียนมองทหารเก็บไม้กระดานลงทัณฑ์ไป แล้วค่อยพาหนูน้อยทั้งสองเข้าไปหากู้โม่หาน ประคองหัวไหล่เขาให้ลุกขึ้นมา "ท่านอ๋อง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?"

กู้โม่หานขมวดคิ้ว พอเห็นสายตาเป็นกังวลของหนานหว่านเยียน ก็ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม ที่แท้หนานหว่านเยียนก็เป็นห่วงเขาอยู่เหมือนกัน

จากนั้นเขาก็หันไปมองสองหนูน้อยอีกครั้ง บนใบหน้าของสองพี่น้องเต็มไปด้วยน้ำตาไหลนอง เขายกมือขึ้นอย่างยากลำบาก เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของพวกนาง พูดปลอบใจพวกนางเบา ๆ ว่า

“ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้าอย่าร้องไห้อีกเลย ร้องไห้ระวังจะไม่สวยนะ”

ชั่วขณะนี้ หนูน้อยทั้งสองก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว พวกนางพุ่งเข้าไปซบในอ้อมแขนของกู้โม่หาน ปากก็พูดว่า "ขอโทษ ข้าขอโทษ...."

ทุกคนมองดูภาพฉากนี้ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันไป

กู้จิ่งซานมองกู้โม่หานด้วยสีหน้าเย็นชา ขณะที่กำลังจะพูด ไทเฮาที่อยู่อีกด้านก็พลันส่งเสียง

“ฝ่าบาท เจ้าลงโทษก็ลงโทษแล้ว ไฟโทสะก็ดับมอดแล้ว ตอนนี้ควรถึงเวลาให้ข้าพูดอะไรสักหน่อยได้แล้วใช่หรือไม่!”

ฮ่องเต้มองไปที่ไทเฮาพลางขมวดคิ้ว "เสด็จแม่ มีอะไรที่ต้องการจะพูดอย่างนั้นหรือ?"

ไทเฮายืนขึ้น ด้วยเพราะรู้สึกสงสารกู้โม่หาน มือที่เหี่ยวย่นตามวัยจึงยังคงสั่นเทาอยู่บ้างเล็กน้อย จากนั้นนางก็มองไปที่ฮ่องเต้ด้วยแววตาคมกริบ

"อดีตฮ่องเต้ทรงมีพระราชโองการว่า หากสตรีในวังหลังคนใดให้กำเนิดบุตรสาว ให้ได้รับการเลื่อนตำแหน่งในทันที หากอ๋องท่านใดที่ชายาให้กำเนิดบุตรสาว ให้แต่งตั้งผู้นั้นขึ้นเป็นรัชทายาท บุตรสาวที่ถือกำเนิดให้อวยยศเป็นจวิ้นจู่ ระดับขั้นหนึ่ง ฮ่องเต้ ไม่ใช่ว่าเวลานี้เจ้าควรทำอะไรสักหน่อยแล้วหรอกรึ?"

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที

นี่ไทเฮากำลังบีบให้ฮ่องเต้แต่งตั้งรัชทายาทสินะ!

แต่งตั้ง กู่โม่หานขึ้นเป็นรัชทายาท ——

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้