ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 370

กู้โม่หลิงหันไปมองหนานหว่านเยียน จู่ ๆ ก็ยิ้มแย้มขึ้นมา "ข้าลืมไปเลยว่าทักษะทางการแพทย์ของพี่สะใภ้หกยอดเยี่ยมขนาดไหน เชื่อว่าต้องรักษาบาดแผลของพี่หกจนหายดีได้ในเร็ววันแน่นอน"

ใบหน้างดงามของหนานหว่านเยียนไม่เปลี่ยนสี แค่หัวเราะเบา ๆ “ท่านอ๋องเจ็ดชมเกินไปแล้วล่ะ”

กู้โม่หลิงดูแล้วเหมือนบัณฑิตมากความรู้ที่มีท่วงท่าสง่างาม แต่รอยแผลดาบบนร่างของเขา กลับทำให้นางรู้สึกกังวลใจไม่หาย

กู้โม่หลิงหัวเราะอย่างอ่อนโยน "พี่สะใภ้หก ถ่อมตัวเกินไปก็ไม่ค่อยดีกระมัง"

ระหว่างที่พูด เขาก็หลุบสายตาลงมองไปที่สองหนูน้อยที่ยืนอยู่นิ่ง ๆ อย่างเชื่อฟังว่าง่าย

“แต่น้องเจ็ดก็คิดไม่ถึงจริง ๆ นะว่าพี่หกกับพี่สะใภ้หกจะมีลูกสาวที่น่ารักขนาดนี้ถึงสองคนแล้ว ท่าทางตอนที่พวกเด็ก ๆ ขอร้องแทนพี่หกกับพี่สะใภ้หกเมื่อครู่ ทั้งรู้ความทั้งน่าเอ็นดูมากจริงๆ ช่างมีนิสัยที่ชวนให้คนรักใคร่ยิ่งนัก"

“โถ ๆ ๆ ดูดวงตาของยัยหนูทั้งสองคนสิ แดงก่ำไปหมดแล้ว เมื่อครู่ร้องไห้กันรึ?”

เดิมทีหนานหว่านเยียนไม่ค่อยอยากพูดคุยอะไรกับกู้โม่หลิงนัก เพราะกู้โม่หานยังบาดเจ็บอยู่มาก แต่กู้โม่หลิงก็เอาแต่ตื้อคุยไม่หยุด นางจึงทำได้แค่ลูบ ๆ หัวของสองหนูน้อย "เกี๊ยวน้อย ซาลาเปาน้อย ทักทายอาเจ็ดสิลูก”

เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยหันมามองหน้าประสานสายตากันแวบหนึ่ง พวกนางไม่รู้จักกู้โม่หลิงมาก่อน แค่รู้สึกว่าเขาหน้าตาดีมาก

"อาเจ็ด"

“ปากหวานกันจริง ๆ อาอยากให้ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่พวกเจ้า” กู้โม่หลิงยิ้มราวกับดอกบัวที่บานสะพรั่งเหนือน้ำ ดูเย็นยะเยือกแต่กลับมีเสน่ห์ชวนมองอย่างเหลือเชื่อ เขายื่นมือออกไปแสดงให้พวกนางดู “ไม่มีอะไรเลยใช่หรือไม่?”

สองหนูน้อยขอบตาแดงก่ำ พยักหน้าหงึกหงัก

วินาทีต่อมา กู้โม่หลิงก็หยิบพัดขึ้นมาสะบัดส่ายสองสามครั้ง จากนั้นก็หงายพัดแล้วกางออก ทันใดนั้นบนพัดก็ปรากฏกระต่ายตัวเล็ก ๆ ที่พับจากกระดาษสองตัวขึ้นมา เป็นกระต่ายที่พับได้ประณีตงดงามมาก

"ว้าว! ร้ายกาจอะไรขนาดนี้! นี่เปลี่ยนอย่างไรรึ?" สองตากลมโตของซาลาเปาน้อยกับเกี๊ยวน้อยเบิกกว้าง รู้สึกไม่กล้าเชื่อสิ่งที่ตาเห็น

ทั้งหนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานต่างก็รู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

คิดไม่ถึงว่ากู้โม่หลิงที่ใคร ๆ ต่างก็เล่าลือกันว่าเป็นหนอนหนังสือ จะถึงกับเล่นมายากลอะไรแบบนี้เป็นด้วย

กู้โม่หลิงยิ้ม พลางยื่นกระต่ายกระดาษส่งให้สองพี่น้อง

“ถ้าอยากเรียนล่ะก็ วันหลังอาจะสอนให้พวกเจ้าเอง ตอนนี้กระต่ายน้อยคู่นี้ข้าให้พวกเจ้า ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ จากนี้ไปต้องมีความสุขทุกวันรู้ไหม ไม่อย่างนั้นพ่อกับแม่ของพวกเจ้าจะเป็นห่วง”

สองหนูน้อยพยักหน้าตอบรับ ไม่กล้าหลั่งน้ำตาต่อแล้ว เพราะกลัวลุงกู้กับท่านแม่จะเป็นห่วง

เด็กน้อยสองอยากรับของขวัญ แต่ถึงอย่างไรกู้โม่หลิงก็ถือเป็นคนแปลกหน้า สองหนูน้อยจึงหันหน้าไปมองหนานหว่านเยียนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

หนานหว่านเยียนไม่พูดอะไรมาก "รับเถอะ อย่าลืมขอบคุณอาเจ็ดด้วย"

“ขอบคุณอาเจ็ด!” สองศรีพี่น้องรับมาด้วยสีหน้าตื่นเต้นยินดี เอามาวางเล่นในมืออย่างสนุกสนาน

กู้โม่หานเห็นว่าหนานหว่านเยียนกับกู้โม่หลิงดูจะสนิทสนมคุ้นเคยกันมาก ตอนนี้แม้แต่ยัยหนูทั้งสองก็ถูกเขาซื้อไปแล้วเรียบร้อย ในดวงตาปรากฏแววไม่พอใจขึ้นมาน้อย ๆ

“คิดไม่ถึงเลยว่าน้องเจ็ดที่ปกติแล้วแทบไม่ก้าวขาออกนอกประตูตำหนัก จะคุ้นเคยกับพระชายาของข้าขนาดนี้ แถมยังรู้วิธีปะเหลาะเด็ก ๆ ให้มีความสุขด้วย”

กู้โม่หลิงหันไปมองหนานหว่านเยียน จากนั้นค่อยหันกลับไปมองกู้โม่หาน มือกำด้ามพัดพลางโค้งคำนับให้

“พี่สะใภ้หกเคยมีบุญคุณช่วยชีวิตข้าไว้ น้องเจ็ดซาบซึ้งใจไม่รู้คลาย ถึงขั้นคิดไปว่าผู้หญิงที่มีจิตใจเมตตา ทั้งยังมีวิชาแพทย์สามารถช่วยชีวิตคนได้อย่างพี่สะใภ้หกคงจะมีอยู่แค่ในหนังสือเท่านั้น แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้มาพบเจอในโลกความเป็นจริง ช่างเป็นผู้หญิงที่น่ามหัศจรรย์และหาได้ยากยิ่ง"

หนานหว่านเยียนไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำชมนี้มากนัก แต่สีหน้าของกู้โม่หานกลับยิ่งมืดทะมึนลงหลายส่วน เขาเหลือบมองไปที่หนานหว่านเยียนแวบหนึ่ง รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างหนัก

ทำไมหนานหว่านเยียนไปถึงที่ไหน ก็หาเรื่องก่อชะตาดอกท้อขึ้นได้ทุกที่เลยนะ?

เขายื่นมือไปคว้าแขนของหนานหว่านเยียน แล้วดึงตัวนางเข้ามาแนบชิดแบบไม่บอกไม่กล่าว กักขังเอวอรชรอ้อนแอ้นของนางไว้ในอ้อมแขน แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างชัดเจน

“พระชายาช่างร้ายกาจนัก ข้ารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่าง พระชายาช่วยรีบรักษาให้ข้าโดยเร็วด้วยเถอะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้