ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 371

ไทเฮาน้ำตารื้น ยิ้มแล้วอุ้มทั้งสองขึ้นเตียง

“ข้าเห็นพวกเจ้าเป็นเด็กดีขนาดนี้ ก็รู้สึกมีความสุขแล้วล่ะ”

“ถ้าพวกเจ้ายอมหลับดีๆ ข้าจะมีความสุขมากกว่านี้นะ”

“พวกเราจะนอนตอนนี้เลย!” เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยคลานเข้าที่นอน แล้วหลับตาลง

แต่ที่จริงพวกนางกลับไม่อยากหลับเลย แต่แค่ไม่อยากให้ผู้ใหญ่เป็นห่วงก็เท่านั้น

ไทเฮามองพวกนางด้วยสีหน้าเอ็นดู ช่วยพวกนางห่มผ้าเสร็จแล้ว ก็ลูบตัวพวกนางเบาๆ สายตาเริ่มเข้มงวดและเย็นชาขึ้นมา……

รอสองพี่น้องหลับลงไปแล้ว นางก็ถึงลุกขึ้นช้าๆ แล้วเดินออกจากห้องไป……

อีกด้าน

หนานหว่านเยียนพยุงกู้โม่หานไปนั่งลงบนเตียง หันไปเห็นน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ในกะละมัง ในกะละมังมีผ้าอยู่หนึ่งผื่น

นางเดินเข้าไป ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นแล้วบิดให้แห้ง มองดูกู้โม่หานที่บาดเจ็บด้วยสายตาเป็นห่วง “เจ็บไหม?”

พูดจบ นางก็รู้สึกผิด ถูกโบยไปตั้งร้อยหกสิบที อย่าว่าแต่เจ็บเลย อาจจะตายได้เลยด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น แผลที่ถูกดาบฟันของกู้โม่หานยังไม่หายดีเลย

นางเป็นหมอ ทำไมถึงถามแบบนั้นออกไปได้นะ?

กู้โม่หานสีหน้าซีดเซียว เขามองหนานหว่านเยียนที่ขมวดคิ้วด้วยสายตาจริงจัง แล้วพูดอย่างอ่อนแรงว่า

“ไม่เป็นไร ยังไงข้าก็เป็นผู้มีวิทยายุทธ์ ไม่อ่อนแอขนาดนั้นหรอก”

หนานหว่านเยียนเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา

นางไม่เคยคิดเลยว่า วันนี้กู้โม่หานจะปกป้องพวกนางสามแม่ลูกอย่างเด็ดเดี่ยวขนาดนี้

ปกป้องเด็กสองคน นางไม่แปลกใจมากหรอก กู้โม่หานดีกับเด็กๆมาก แต่เขากลับตั้งใจปกป้องนาง……

ไม่ว่านางจะคิดยังไงก็คิดไม่ออกอยู่ดี

หนานหว่านเยียนคิดไม่ออกก็ไม่คิดแล้ว เดินไปด้านหลังกู้โม่หาน ถอนเสื้อของเขาอย่างระมัดระวัง

“ตอนนี้ข้าจะดูแผลให้เจ้า ต้องถอดเสื้อของเจ้านะ”

กู้โม่หานตอบเสียงเบา “อืม”

เสื้อคลุมสีดำมองคราบเลือดไม่ออก แต่พอหนานหว่านเยียนยื่นมือไปสัมผัส เลือดสีแดงนั้นก็สะเทือนใจเหลือเกิน เลือดเปื้อนเสื้อของเขาจนเปียกชุ่ม แนบไปกับเนื้อบนตัว

ถอดเสื้อสีดำออกไป เห็นเพียงแผ่นหลังที่กำยำของกู้โม่หาน เนื้อหนังฉีกขาด และเลือดที่แห้งกรังรวมตัวกันเป็นรูปร่างน่ากลัว มีเลือดซึมออกมาเป็นครั้งคราว

หนานหว่านเยียนตกใจมาก เจ็บหนักขนาดนี้ กู้โม่หานกลับไม่ร้องออกมาเลย

ความอดทนสุดยอดมาก

กู้โม่หานเจ็บจนเหงื่อแตกพลั่ก เม้มริมฝีปากแน่นไม่ให้ตัวเองออกเสียง

นิ้วมือเรียวยาวของหนานหว่านเยียนจับผ้าไว้แน่น เช็ดบาดแผลของเขาอย่างระมัดระวัง กลัวเขาจะเจ็บมากเกินไป จึงชวนเขาคุยเรื่องอื่น

“เรื่องค่ายทหารเป็นยังไงแล้วบ้าง?”

กู้โม่หานกัดฟันแน่น รับรู้ถึงความเจ็บปวดของบาดแผลที่ถูกผ้าอุ่นๆเช็ด ได้ยินดังนั้น สายตาของเขาก็เย็นยะเยือก

“มีพวกทหารก่อเรื่อง แต่ข้าจัดการหมดแล้ว”

หนานหว่านเยียนถามอย่างสงสัย

“ทำไมอ๋องเฉิงถึงจัดการทหารที่มาก่อเรื่องแค่ไม่กี่คนไม่ได้ เจ้าไม่รู้สึกว่าตอนที่ค่ายเสินเชื่อเกิดเรื่องขึ้น มันบังเอิญตรงกับเวลาที่พวกเราเกิดเรื่องเกินไป?”

กู้โม่หานดวงตามืดมน นัยน์ตาเต็มไปด้วยแรงพยาบาท

“บังเอิญจริงๆ ข้าเพิ่งออกจากค่ายเสินเชื่อ ต่อมาในวังก็บอกให้ข้าพาเด็กสองคนเข้าวัง”

“แต่ค่ายทหารเกิดเรื่อง คงไม่ใช่ฝีมือกู้โม่เฟิง”

เพราะยังไงตอนนั้นกู้โม่เฟิงก็ดูลนลานเหมือนกัน และไม่คิดว่าเขาจะไปอยู่ในค่ายเสินเชื่อ

ทันใดนั้นก็เจ็บแผลที่หลัง

“ซี๊ด——” กู้โม่หานกำหมัดแน่นจนมือซีดเซียว อดไม่ได้สูดหายใจเข้า

“แผลของเจ้าติดกับเสื้อไปแล้ว ถ้าไม่ทำความสะอาดล้างแผล จะทายาไม่ได้” หนานหว่านเยียนกัดริมฝีปาก และมองดูใบหน้าอันหล่อเหลาที่ซีดเซียวของกู้โม่หาน “ข้าจะพยายามทำเบาๆนะ”

ได้ยินดังนั้น กู้โม่หานก็เบือนหน้าหนีอย่างแปลกใจ ไม่กล้าเชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

“นานๆทีจะเห็นเจ้าเป็นห่วงข้า ทำไม นี่เจ้ากำลังเป็นห่วงอยู่หรือไง?”

หนานหว่านเยียนทำแผลให้เขา แล้วพูดว่า: “ฝันไปเถอะนะ ข้าแค่เห็นแก่ที่เจ้ายอมบาดเจ็บเพื่อข้ากับเด็กสองคน พยายามทำแผลให้เจ้าเบาที่สุดต่างหาก”

“ฝ่าบาทมีรับสั่งแล้ว เจ้าเป็นไท่จื่อคนต่อไป ตอนนี้ต้องรีบหายดี ก่อนที่จะเข้าพิธีรับตำแหน่ง อาจมีศัตรูมากขึ้น”

ถึงแม้ตัวตนของเด็กสองคนจะถูกเปิดเผยแล้ว แต่กลับตกกระไดพลอยโจนทำให้กู้โม่หานได้ตำแหน่งไท่จื่อไป ในราชสำนักก็มีพวกที่ไปตามกระแส หากดึงพวกเขาเข้าพรรคคงจะง่ายมากยิ่งขึ้น

การชิงอำนาจง่ายกว่าที่นางคิดเอาไว้มาก

กู้โม่หานดวงตาเย็นชา “ข้ารู้แล้ว”

หนานหว่านเยียนโยนผ้าลงในกะละมัง น้ำกลายเป็นสีเลือดในทันที และมีกลิ่นคาวเลือดลอยออกมา

นางขมวดคิ้วเดินกลับไปบนเตียง เอาขวดยาเจ็ดแปดขวดออกมาวางไว้ข้างเตียง

“ถึงแม้เจ้าจะเป็นไท่จื่อแล้ว แต่วันนี้คนที่เปิดเผยตัวตนของเด็กสองคน เห็นได้ชัดว่าพวกนั้นคิดจะฆ่าพวกเรา——”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้