ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 386

รถม้าสองคันตะบึงออกไป

หนานหว่านเยียนและเด็กหญิงทั้งสองอยู่บนรถม้าทางด้านหลัง นิ่งเงียบไม่มีอะไรจะพูด

อากาศดูเหมือนจะผนึกเป็นน้ำแข็ง เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยวางศีรษะลงบนต้นขาของหนานหว่านเยียน สองพี่น้องมองหน้ากัน แต่ไม่รู้จะพูดอะไร

ตอนที่อยู่ในวังเมื่อครู่ ความสัมพันธ์ระหว่างหนานหว่านเยียนและกู้โม่หานเพิ่งผ่อนคลายลง แต่ตอนนี้ ท่านลุงกู้ได้อุ้มคนเลวผู้นั้นไปแล้ว…

หนานหว่านเยียนไม่ได้คิดเหมือนกับเด็กหญิงทั้งสอง นางกำลังคิดเรื่องมือสังหารในจวนอ๋องและการลอบสังหารที่เพิ่งเกิดขึ้น พอเห็นว่าใกล้จะถึงจวนอ๋องแล้ว ใบหน้างดงามของนางจึงมองไปที่เด็กหญิงทั้งสองด้วยความเย็นยะเยือกน่ากลัว

“เกี๊ยวน้อย ซาลาเปาน้อย หลังจากที่พวกเจ้ากลับถึงจวนอ๋องแล้ว ให้ไปหาท่านปู่หมิงที่สนามทันทีและอยู่ติดกับเขาไว้ ข้าจะไปดูอาการของอาเสิ่นของพวกเจ้า ตกลงไหม?”

ยังไม่รู้สถานการณ์ในจวนอ๋องอี้ หากมีมือสังหารจริง ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าจะหวนกลับมา

ท่านน้ารู้เรื่องกลศาสตร์ ในเรือนก็วางกำลังป้องกันอย่างแน่นหนา ให้เด็กทั้งสองอยู่ที่นั่นจะปลอดภัยกว่ามาก

เกี๊ยวน้อยพยักหน้าอย่างเข้าใจ จับมือหนานหว่านเยียนเบาๆ “เจ้าค่ะ พวกเราจะเชื่อฟัง”

ซาลาเปาน้อยก็เข้าไปคลอเคลียอ้อมแขนของหนานหว่านเยียน “เหนื่อยหน่อยนะท่านแม่”

หนานหว่านเยียนจูบเด็กน้อยทั้งสองอย่างแรง “ลูกสาวของแม่เก่งที่สุด”

รถม้าของกู้โม่หานมาถึงจวนอ๋องก่อน เมื่อหนานหว่านเยียนลงจากรถพร้อมกับเด็กหญิงทั้งสอง ก็เห็นชายหนุ่มอุ้มหยุนอี่ว์โหรวหายไปจากสายตาของนาง

หนานหว่านเยียนไม่พูดอะไร นางขอให้คนพาเด็กหญิงทั้งสองกลับเรือนไปก่อน จากนั้นเดินตรงไปที่เรือนซีเฟิง

ทันทีที่มาถึงประตูเรือนซีเฟิง พ่อบ้านกาวก็กำลังเดินนำหมอประจำจวนออกมา

“พระชายา พระชายารองหยุนอยู่ในภาวะฉุกเฉิน ท่านอ๋องให้บ่าวพาหมอประจำจวนไปที่นั่นก่อน” เมื่อพ่อบ้านกาวเห็นหนานหว่านเยียนก็รีบทำความเคารพ จากนั้นก็รีบพาหมอประจำจวนเดินเฉียดตัวนางไป

หนานหว่านเยียนไม่พูดอะไร สายตาหลุกหลิกเล็กน้อย

นางในฝันนั้นไม่อาจมีสิ่งใดยืนหยัดต้านทานได้ กู้โม่หานยังคงเป็นห่วงหยุนอี่ว์โหรวเช่นเคย

นึกถึงครั้งแรกที่เสิ่นอี่ว์ได้รับบาดเจ็บสาหัส กู้โม่หานโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตอนนี้หยุนอี่ว์โหรวได้รับบาดเจ็บ เขายังไม่มีใจมาดูเสิ่นอี่ว์ด้วยซ้ำ

หนานหว่านเยียนเดินเข้าไปในเรือน

ทันทีที่นางเปิดประตู ก็ได้กลิ่นคาวเลือดปะทะจมูกอย่างแรง

นางขมวดคิ้ว ดวงตาใสเย็นตะลึงงัน

หมอประจำจวนได้ทำการห้ามเลือดให้เสิ่นอี่ว์แล้ว แต่ทั่วร่างเขากลับมีเลือดจำนวนมากไหลซึมออกมา แผ่ขยายอยู่บนผ้าปูที่นอนสีขาว

“เสิ่นอี่ว์ ทำไมท่านบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้” หนานหว่านเยียนมองใบหน้าซีดเซียวไร้ชีวิตชีวาของเสิ่นอี่ว์ นางลงกลอนประตูทันที แล้วเดินเข้าไปด้วยสีหน้าจริงจัง สวมหน้ากากและถุงมือ ตรวจดูอาการเบื้องต้นให้เสิ่นอี่ว์

แต่หลังจากเข้าไปใกล้ นางก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลทันที

หน้าผากด้านขวาของเสิ่นอี่ว์ใกล้กับด้านหลังศีรษะมีเลือดไหลโจ๊กออกมา เป็นบาดแผลกว้างสามนิ้วที่ถูกคนทุบอย่างแรง

บาดแผลน่าจะเกิดจากการกระแทกซ้ำ หนานหว่านเยียนลองทดสอบปฏิกิริยาตอบกลับทางสายตาของเสิ่นอี่ว์ทันที ทั้งสองข้างอยู่ในสภาพขยายใหญ่ สลบไสลมานานเกินไป

เมื่อนางเห็นหนังศีรษะที่แตกร้าวของเสิ่นอี่ว์ จิตใจก็ดำดิ่งลง ตัดสินใจทำซีทีแสกนสมองให้เขาก่อน

หนานหว่านเยียนไม่กล้าเสียเวลาแม้แต่ช่วงสั้นๆ ใช้เตียงพับในห้วงเวลาพาเสิ่นอี่ว์เข้ามาในห้วงเวลา

ระหว่างรอผลซีทีแสกน นางใช้กรรไกรตัดผ้าพันแผลที่พันบนร่างกายของเสิ่นอี่ว์อย่างง่ายๆ ออกก่อน จากนั้นจึงทำความสะอาดแผลที่หน้าท้องด้านซ้ายของเขาด้วยน้ำเกลือธรรมดา แล้วฉีดยาห้ามเลือดให้เขา

ตอนนี้เสิ่นอี่ว์ไม่มีสติรับรู้อะไรแล้ว หากใช้ยาสลบจะเกิดอันตรายต่อชีวิตได้ง่าย และนางก็ยังไม่สามารถจัดการกับบาดแผลที่แผ่นหลังได้ในขณะนี้ จึงต้องเลือกเพียงหนึ่งแห่งก่อน

นอกจากนี้การผ่าตัดเย็บแผลจากอาวุธมีคมนั้นทำได้ง่าย แต่ที่ยากคือการได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักในสมองของเสิ่นอี่ว์

เป็นมือสังหารประเภทไหนกัน ชอบตีศีรษะให้บาดเจ็บเวลาฆ่า?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้