ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 387

“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง!” พ่อบ้านกาวรีบคำนับแล้วจากไป

เมื่อเขามาถึงเรือนซีเฟิง ก็เห็นหนานหว่านเยียนกำลังนวดขมับ ก้าวเดินอย่างหนักหน่วง เดินออกมาจากเรือนอย่างหมดเรี่ยวแรง

บนร่างกายของนางยังคงมีรอยเลือดสีแดงเข้มอยู่เป็นจำนวนมาก ดวงตาที่สดใสแต่เดิมเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ท่าทางดูซีดเซียวลงไปมาก

สองตาของพ่อบ้านกาวขรึทลง รีบพุ่งเข้าไปถามว่า “ลำบากพระชายาแล้ว ไม่ทราบว่าอาการขององครักษ์เสิ่นเป็นยังไงบ้าง?”

หนานหว่านเยียนพูดด้วยเสียงแหบพร่าโดยไม่หันมามองเขา “พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่อาจจะสลบไสลอยู่สักระยะหนึ่ง ข้าจะตรวจดูเขาอย่างสม่ำเสมอ”

สมองของเสิ่นอี่ว์ได้รับบาดเจ็บสาหัส นางยังต้องทำซีทีแสกนอีกหลายครั้งเพื่อดูอาการ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของพ่อบ้านกาวก็เย็นยะเยือก โชคดีที่เขาพอมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง ตอนแรกที่กระแทกศีรษะของเสิ่นอี่ว์ได้ลงมืออย่างหนัก มิฉะนั้นด้วยวิชาแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของหนานหว่านเยียน วันนี้ต้องช่วยเสิ่นอี่ว์ให้ฟื้นขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

แต่เขาดูเป็นปกติ ถึงขนาดเอ่ยปากอย่างเชื่องช้า “เช่นนั้นพระชายาตามบ่าวไปที่เรือนจู๋หลานได้หรือไม่ ท่านอ๋องต้องการให้ท่านช่วยรักษาพระชายารองหยุน”

กู้โม่หานขอให้นางช่วยหยุนอี่ว์โหรว?

จู่ๆ สองตาของหนานหว่านเยียนก็แข็งทื่อ ก้นบึ้งของหัวใจค่อยๆ เย็นยะเยือก ใบหน้างดงามตัดเยื่อใยอย่างเฉยเมย “ไม่ไป”

หยุนอี่ว์โหรวทำร้ายนางและเด็กหญิงทั้งสองยังไม่พออีกหรือ นางไม่ใช่แม่พระสักหน่อย ที่ต้องไปช่วยชีวิตคนที่วันๆ เอาแต่คิดจะฆ่านาง!

ยิ่งกว่านั้นหยุนอี่ว์โหรวบังเอิญปรากฏตัวขึ้นในตอนที่กู้โม่หานถูกลอบสังหาร เรื่องบังเอิญขนาดนี้ไม่มีในโลก เห็นได้ชัดว่ามีกลิ่นแปลกๆ!

บางทีนางอาจจะกำกับและเล่นละครเรื่องนี้เอง แต่กู้โม่หานก็ยังถูกปิดหูปิดตา

พ่อบ้านกาวหน้านิ่วคิ้วขมวด สีหน้าดูประหม่าไม่สบายใจ สุดท้ายเขาก็กัดฟันและปรบมือ องครักษ์จวนอ๋องหลายคนปรากฏตัวขึ้นจากความมืด ยืนอยู่ตรงหน้าหนานหว่านเยียนด้วยความเคารพ

“พระชายา นี่คือคำสั่งของท่านอ๋อง หากท่านไม่ไป บ่าวจำเป็นต้องล่วงเกินแล้ว”

ในชั่วพริบตา อากาศรอบตัวหนานหว่านเยียนก็เย็นจัดจนสามารถแช่แข็งเลือดของผู้คนได้เลย

นางหรี่ตามองคนเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้า พลางเอ่ยปากยิ้มเยาะ “ใช้ไม้อ่อนไม่ได้ ก็มาไม้แข็งสินะ?”

พ่อบ้านกาวเอ่ยอย่างลำบากใจ “พระชายา บ่าวแค่ทำตามคำสั่ง หากท่านไม่ยินดี ก็ไปทูลท่านอ๋องด้วยตัวเอง…”

หนานหว่านเยียนแสยะยิ้มมุมปาก “ตกลง ข้าจะไปกับพวกท่าน”

นางไม่เชื่อว่ากู้โม่หานจะมีหน้ากล้าเอ่ยปากขอให้นางช่วยหยุนอี่ว์โหรว

หนานหว่านเยียนตามพ่อบ้านกาวมาถึงเรือนของหยุนอี่ว์โหรว

ในแวบแรกนางเห็นใบหน้าซีดเซียวของกู้โม่หาน น่าจะเป็นเพราะการกระทบกระเทือนบาดแผลครั้งนี้ เดิมทีบาดแผลถูกโบยร้อยครั้งบนหลังก็รักษาได้ยากอยู่แล้ว

บนเตียง หยุนอี่ว์โหรวอยู่ในอาการสลบไสล หน้าอกด้านขวามีรอยเลือด ใบหน้าซีดเซียว กำลังตกอยู่ในสภาวะอันตรายจริงๆ

เมื่อกู้โม่หานหันไปก็เห็นใบหน้าอันเหนื่อยล้าแต่แววตากลับเย็นชาของหนานหว่านเยียน เขากำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

“พ่อบ้านกาวบอกเจ้าแล้วใช่ไหมว่า พระชายารองอาการร่อแร่ ข้าต้องการให้เจ้าช่วยนาง”

สมองของกู้โม่หานได้รับความกระทบกระทือนหรืออย่างไร ถึงแยกแยะดีชั่วไม่ออก กล้าเอ่ยปากขอให้นางช่วยหยุนอี่ว์โหรว?!

“ฮ่าฮ่า” หนานหว่านเยียนยิ้มเยาะ ข่มไฟโทสะไว้ในใจ “ข้าไม่ช่วย”

กู้โม่หานเม้มปากอย่างเฉยเมย คว้าข้อมือของหนานหว่านเยียน แล้วลากนางไปที่เตียง

“ข้าบอกให้ช่วยนาง”

คราวนี้ไฟโทสะในใจของหนานหว่านเยียนได้ระเบิดออกมาทันที นางยกมือขึ้นตบหน้ากู้โม่หานอย่างแรง

“ท่านหูหนวกเหรอ ข้าบอกว่าไม่ช่วย!”

เสียงที่คมชัดทำให้ทุกคนสะดุ้งตกใจ

ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

คนที่กล้าทำแบบนี้กับท่านอ๋อง มีพระชายาเป็นคนแรก

รอยแดงปรากฏขึ้นบนใบหน้าซีดเผือดของกู้โม่หานทันที ในดวงตาเรียวยาวของเขาบ่งบอกถึงการต่อสู้ดิ้นรนที่ซับซ้อน แต่กลับยังคงจับจ้องที่หนานหว่านเยียนเหมือนเดิม “วันนี้ เจ้าต้องช่วยนาง”

นอกจากหนานหว่านเยียน ไม่มีใครสามารถช่วยหยุนอี่ว์โหรวได้อีกแล้ว

เขาไม่มีทางเลือก

หนานหว่านเยียนเห็นกู้โม่หานยังไม่หวั่นไหว ยืนกรานขอให้นางช่วยชีวิตคน แม้ว่าจะถูกนางตบก็ตาม ก็อดยิ้มหยันไม่ได้ “ทำไมข้าต้องช่วยชีวิตผู้ต้องสงสัยด้วย?”

“มีเพียงคนเดียวในจวนอ๋องที่แอบส่งข่าวให้ศัตรูได้ เป็นที่ต้องสงสัยว่าจะเผยแพร่ตัวตนของเด็กหญิงทั้งสอง ข้าจะไม่มีวันช่วยนางเด็ดขาด”

เสิ่นอี่ว์ต้องการสืบหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังการปล่อยข่าวลือเรื่องเด็กหญิงทั้งสอง พอกลับถึงจวนก็ถูกลอบสังหาร แต่หยุนอี่ว์โหรวยังสามารถปรากฏตัวต่อหน้ากู้โม่หานได้โดยไม่เป็นอันตรายใดๆ ถ้าจะบอกว่าสองเรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน นางไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน

นางไม่เชื่อว่ากู้โม่หานจะคิดไม่ตก พูดไปพูดมา ก็เป็นเพราะเขาห่วงใยนางในฝันผู้นี้เท่านั้น

สีหน้าของชายหนุ่มไร้ความรู้สึก จับจ้องหนานหว่านเยียนไม่วางตา

“เรื่องราวยังไม่ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องตีให้ตาย ยิ่งกว่านั้น วันนี้นางก็ช่วยชีวิตข้าไว้”

หนานหว่านเยียนมองไปที่หยุนอี่ว์โหรวที่กำลังหายใจรวยรินเลือดไหลอยู่บนเตียง ความโหดร้ายปรากฏขึ้นในดวงตา

“ใช่ นางช่วยชีวิตท่าน ส่วนข้าเป็นเพียงเครื่องมือที่อยู่ข้างกายท่าน”

“กู้โม่หาน ท่านกล้าขอให้ข้าช่วยนาง ก็อย่ามาเสียใจทีหลัง”

กู้โม่หานกำหมัดแน่นจนเขียว “ข้า จะไม่เสียใจทีหลัง”

“ได้” หนานหว่านเยียนยิ้มเยาะอย่างหมดเรี่ยวแรง “ถ้าท่านกล้าสัญญากับข้าสามข้อ ข้าจะช่วยท่าน”

“ข้อแรก จากนี้ไป ท่านจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเรือนเซียงหลินอีกต่อไป ที่เงื่อนไขอีกสองข้อที่เหลือข้ายังไม่ได้ตัดสินใจ ข้าจะบอกท่านในภายหลัง”

สองตาของกู้โม่หานแข็งทื่อ มองไปที่หนานหว่านเยียน สุดท้ายก็ตอบตกลง “ข้าให้สัญญากับเจ้า”

หนานหว่านเยียนไม่มองเขาอีก ดวงตาสว่างไสวมีความเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูก “เช่นนั้นก็ออกไปได้แล้ว”

กู้โม่หานอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ชะงักงัน เมื่อเห็นใบหน้าเด็ดเดี่ยวของหนานหว่านเยียน เขาก็เม้มปาก หันหลังเดินออกไป แล้วปิดประตูอย่างมีสติ

ทันทีที่ประตูปิดลง หนานหว่านเยียนก็ฝืนไม่ไหวอีกต่อไป นางเอนหลังพิงโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรง ฝ่ามือปวดแสบปวดร้อน

เพิ่งผ่าตัดให้เสิ่นอี่ว์เสร็จ นางค่อนข้างเหนื่อยล้า

หนานหว่านเยียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ บอกตัวเองให้สงบสติอารมณ์

กู้โม่หานได้สิ่งที่ต้องการจากนางไปมากมาย แค่มีความสัมพันธ์แบบความร่วมมือ ไม่มีวันมีความรู้สึกใดๆ ต่อกัน ยิ่งกว่านั้นภายในวัง กู้โม่หานก็เคยรับโทษทัณฑ์แทนนางมาแล้วครั้งหนึ่ง ถือว่านางติดหนี้เขา ตอนนี้ได้ตอบตกลงว่าจะช่วยชีวิตคน นางกับเขาก็ถือว่าหายกันแล้ว

แต่หากช่วยหยุนอี่ว์โหรวได้ นางก็รับประกันไม่ได้ว่าแม่ดอกบัวขาวน้อยผู้นี้จะมีผลข้างเคียงตามมาหรือไม่…

หนานหว่านเยียนหลับตาลง คิดได้อย่างนี้ก็สบายใจขึ้นมาก

ถ้าไม่ใช่เพราะฮ่องเต้เหี้ยมโหดพอ ต่อให้หย่ากันแล้วก็ไปไหนไม่ได้ ตอนนี้นางจะเตะกู้โม่หาน แล้วพาเด็กหญิงทั้งสองหนีไปให้ไกล…

หนานหว่านเยียนพยายามทำตัวให้กระปรี้กระเปร่า ตรวจดูบาดแผลให้หยุนอี่ว์โหรว

บาดแผลของหยุนอี่ว์โหรวค่อนข้างลึก แต่บาดแผลนั้นดูแปลกๆ

โดยปกติแล้ว ต่อให้ดาบถูกดึงออกมาทันที ก็จะไม่ฉีกกล้ามเนื้อในบริเวณบาดแผล อย่างมากที่สุดอวัยวะภายในก็มีการผิดตำแหน่ง แต่พื้นผิวบาดแผลของหยุนอี่ว์โหรวเห็นได้ชัดว่ามีการขยับขึ้นลง

หากฆาตกรไม่ได้ตั้งใจแทงดาบขึ้น หยุนอี่ว์โหรวก็จงใจจับดาบไว้ ตอนแทงเข้าไปใบมีดจึงขยับขึ้น…

หนานหว่านเยียนเข้าใจแล้ว มองไปที่ใบหน้าของหยุนอี่ว์โหรว พลางยิ้มเยาะ “ยอมเจ็บตัวเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจ กลวิธีขั้นสูงจริง”

ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา หนานหว่านเยียนก็เปิดประตูเดินออกมา

การผ่าตัดเปิดกะโหลกก่อนหน้านี้ของเสิ่นอี่ว์ใช้พลังงานของนางมากเกินไป ตอนนี้นางเหน็ดเหนื่อยจนไม่อยากพูดอะไรสักคำ

กู้โม่หานยืนอยู่ที่ประตู เห็นหนานหว่านเยียนออกมาด้วยใบหน้าที่เหนื่อยล้าและซีดเซียว

ดวงตาของเขาหรี่ลงโดยพลัน ขณะที่กำลังจะยื่นมือไปช่วยพยุง นางก็เดินผ่านเขาไปโดยไม่มีแม้แต่ชายตามอง

หัวใจของกู้โม่หานสั่นสะท้าน รู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียบางสิ่งไป…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้