ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 479

หนานหว่านเยียนเลิกคิ้ว แต่กู้โม่หานกลับเอ่ยออกไปตรงๆ: “นางเป็นพระชายาของข้า ภายในใจข้า นางเก่งกว่าผู้ใดทุกคน”

น้ำเสียงของเขาไม่ได้เร่งรีบ ซึ่งเป็นไปตามเหตุผลยิ่งนัก คนที่อยู่บริเวณรอบๆ ต่างก็ชะงักงัน

หนานหว่านเยียนเองก็ชะงักงันไปครู่หนึ่ง แล้วมองดูกู้โม่หานแวบหนึ่ง นางคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะปกป้องนางเช่นนี้……

แต่พอคิดอีกที อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนที่ต้องการร่วมมือกันเพื่อเอาชนะ เขาปกป้องนางก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ต่อมาก็จ้องมองใต้เท้าหลี่ผู้นั้นอีกครั้ง

เพลานี้ เขาวางถงติ่งพันชั่งลงแล้ว รอยยิ้มเต็มใบหน้า คนอื่นอาจจะมองไม่ออก แต่หนานหว่านเยียนเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากำลังวังชาของใต้เท้าหลี่ไม่ดีเท่าก่อนหน้านี้ ริมฝีปากก็ขาวซีดขึ้น

หนานหว่านเยียนหรี่ตา ดูท่าแล้วประสิทธิผลของยานี้ก็ไม่ได้ถือว่ายาวนานมากนัก อีกอย่างน่าจะมีผลข้างเคียงอย่างชัดเจน……

ฉินมู่ไป๋เห็นกู้โม่หานปกป้องหนานหว่านเยียนเช่นนี้ ก็กัดริมฝีปากจ้องมองกู้โม่หาน อย่างไม่ยอมเล็กน้อย

“ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย ยานี้ของข้าคือยาเม็ดกำลัง เพียงในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ผู้ใช้ก็จะมีพละกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพลานี้ที่แคว้นเทียนเซิ่ง พวกเราทดลองกับผู้คนมากมายยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นคนแก่ เด็กหรือผู้หญิง เพียงแค่กินยาเม็ดกำลังแล้ว ก็ล้วนสามารถเปลี่ยนเป็นมีพละกำลังกล้าหาญและเชี่ยวชาญในด้านการต่อสู้ได้”

“ท่านบอกว่าไท่จื่อเฟยเก่งกว่าข้า ไม่ทราบว่า มียาอะไรที่มีสรรพคุณเหนือกว่ายาเม็ดกำลังหรือไม่ ลองเอาออกมาแสดงให้ดูสักหน่อยเป็นไร?”

ได้ยินเช่นนั้น ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่กำลังเอ่ยชื่นชมความเก่งขององค์หญิงฮั่นเฉิง ค่อยๆ พากันหันไปมองหนานหว่านเยียน

“นั่นนะสิไท่จื่อเฟย องค์หญิงฮั่นเฉิงก็เผยฝีมือแสดงให้เห็นแล้ว ท่านเองก็แสดงให้ทุกคนได้ประจักษ์เถิด?”

“แต่ แม้ว่าวิชาแพทย์ของไท่จื่อเฟยจะปราดเปรื่อง แต่ก็เหมือนว่าจะไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าไท่จื่อเฟยมีความสามารถในการปรุงยา หากไท่จื่อเฟยทำไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ประลองดีกว่า……”

คำพูดที่ทำลายความกล้าหาญฮึกเหิมของหนานหว่านเยียน เพิ่มความน่าเกรงขามให้คนอื่นยิ่งนัก กู้โม่หานขมวดคิ้ว นัยน์ตาหงส์ที่แคบยาวเหลือบมองทุกคนอย่างเย็นยะเยือก

เสียงพูดคุยหารือกันเบาๆ ของเหล่าขุนนางเมื่อครู่นี้ก็เงียบลงทันทีอย่างรู้ตัว และไม่กล้าเอ่ยออกมา

ตอนนี้ตำแหน่งของไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยค่อยๆ ไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาไม่กล้าที่จะยั่วยุ และยั่วยุไม่ได้ด้วย!

องค์ชายสิบและพระชายาสิบที่อยู่ข้างๆ ก็ปรบมือเชียร์อย่างเงียบๆ แต่ในดวงตาของกู้โม่หลิงกลับปรากฏความหมายลึกซึ้ง

สีหน้าของหนานหว่านเยียนสงบเงียบอยู่ตลอดเวลา ปรากฏความเย็นชาอยู่ในดวงตา

ฉินมู่ไป๋คุยโม้เป็นน้ำไหลไฟดับ แต่ยาวิเศษย่อมต้องมีข้อบกพร่องเป็นแน่ ซึ่งสามารถมองออกได้จากสีหน้าซีดขาวของใต้เท้าหลี่

ของสิ่งนี้หากพูดให้ฟังดูดีก็จะบอกว่าสารกระตุ้นศักยภาพ หากพูดให้ไม่น่าฟัง นั่นก็คือสารกระตุ้นระดับต่ำสุด เห็นได้ชัดว่าเป็นการฝ่าฝืนทางด้านการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ องค์หญิงเป็นหมอ นางทดลองใช้คนมามากถึงเพียงนี้ ไม่พบผลข้างเคียงเลยหรือ?

คิดไม่ถึงเลยว่าฉินมู่ไป๋เพื่อที่จะประลองฝีมือกับนาง เลยนำร่างกายของคนอื่นมาทำเล่น

ประสิทธิผลของยาเพิ่มกำลังในห้วงเวลาของนางเหมือนกับยานี้เลย แต่นางศึกษาส่วนประกอบของยาเพิ่มกำลังแล้ว ไม่มีผลข้างเคียงอะไร เป็นยาที่เพิ่มสมรรถภาพให้ร่างกายจริงๆ

หนานหว่านเยียนกำลังคิดที่จะหยิบยาออกมา สอนบทเรียนให้กับองค์หญิงเสียหน่อย แต่ก็ได้ยินองค์หญิงเอ่ยเสียงราบเรียบขึ้นมาเสียก่อน: “ช่างเถิด ในเมื่อไท่จื่อเฟยไม่ถนัดในการปรุงยา ยาเม็ดกำลังเช่นนี้ท่านคงทำออกมาไม่ได้เป็นแน่ หากใช้ความถนัดของข้าไปฉกฉวยเอาชนะความไม่ถนัดของท่าน จะเห็นได้ว่าไม่ยุติธรรมเลย”

การเคลื่อนไหวของหนานหว่านเยียนหยุดชะงัก แล้วมองดูฉินมู่ไป๋ “เช่นนั้นองค์หญิงฮั่นเฉิงหมายความว่า?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้