ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 480

นี่ล้อเล่นอะไรกัน!

ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ ว่าฉินมู่ไป๋จงใจทำให้หนานหว่านเยียนลำบากใจ

ทักษะการต่อกระดูกนี้เดิมทีก็ไม่ง่ายอยู่แล้ว ตอนนี้ยังจะให้คนมากมายมาจ้องมองดูอีก หากหนานหว่านเยียนทำไม่สำเร็จ จะไม่ถูกแคว้นเทียนเซิ่งเห็นเป็นตัวตลกหรือ?

กู้โม่หานชำเลืองมองฉินมู่ไป๋ น้ำเสียงเย็นยะเยือกอย่างยิ่ง

“องค์หญิงฮั่นเฉิง ไม่ว่าท่านจะต้องการประลองฝีมืออย่างไร แต่การทำให้ฝ่าบาทเห็นการนองเลือดอย่างโจ่งแจ้ง จะถือว่าเป็นการยั่วยุความน่าเกรงขามของราชนิกุลซีเหย่”

ฉินมู่ไป๋ถูกแรงข่มขู่และบีบบังคับรอบๆ ตัวของกู้โม่หานทำให้จิตใจว้าวุ่นไปชั่วขณะ นางหันกลับไปมองกู้จิ่งซานที่นั่งอยู่บนที่นั่งสูงๆ สีหน้ามืดมนและน่ากลัว แต่กลับเดาความคิดของเขาไม่ออก “ข้า……ฝ่าบาทเองก็ไม่ได้ห้ามเสียหน่อย?”

“คนได้รับบาดเจ็บแล้ว โต้เถียงกันตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อองค์หญิงต้องการชมฝีมือการต่อกระดูกของข้า เช่นนั้นข้าย่อมต้องจัดการให้เป็นอย่างดี”

หนานหว่านเยียนไม่มีเวลามากนัก สาวใช้คนนั้นเจ็บเจียนจะตายอยู่แล้ว นางก้าวไปด้านหน้าแล้วนั่งยองๆ ลงทันที แล้วล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าของตนออกมา และออกแรงมัดส่วนขาที่ขาดของสาวใช้ไว้

ยึดตรึงกระดูกให้อยู่กับที่ก่อน เพื่อที่จะไม่เสียเลือดมากเกินไป

สาวใช้คนนั้นร้องเสียงดังแทบขาดใจ ทุกคนได้ยินแล้วก็กังวลเป็นอย่างมาก แต่ไม่มีผู้ใดกล้าขยับ และมองดูหนานหว่านเยียนด้วยความเห็นใจอย่างยิ่ง

เป็นเช่นนี้แล้ว จะสามารถจัดการให้กลับมาเป็นแบบเดิมได้จริงๆ หรือ?

หนานหว่านเยียนเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปยังกู้โม่หาน “ข้าต้องการห้องเดี่ยวเพื่อดำเนินการรักษา เดี๋ยวนี้”

ห้องเดี่ยว?

ทุกคนไม่รู้จักความเคยชินในการรักษาของหนานหว่านเยียน จึงค่อยๆ พากันมองหน้ากันไปมา

ฉินมู่ไป๋เองก็ขมวดคิ้ว “ต้องการห้องเดี่ยวอะไร หมอช่วยเหลือคนจะมีลับลมคมในอะไรกัน?”

ฉินอี้หรานเองก็จ้องมองหนานหว่านเยียน ด้วยแววตาสงสัย

คิ้วของหนานหว่านเยียนขมวดแน่น กำลังจะเอ่ยปาก ก็ได้ยินเสียงอันเย็นยะเยือกของกู้โม่หานเสียก่อน

“ตอนที่พระชายาของข้าทำการรักษาไม่ชอบถูกคนรบกวน นี่คือความเคยชินของนาง”

เขามองข้ามเจตนาก่อกวนของฉินมู่ไป๋ไปอย่างสิ้นเชิง ใบหน้าเมินเฉย “พาไท่จื่อเฟยไปรักษาคนที่ตำหนักข้างๆ”

ครั้งนี้กู้จิ่งซานไม่ได้พูดแทรก และเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของกู้โม่หาน

และไม่สนว่าหนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานจะคุกคามอะไรเขา แต่ตอนนี้ ความสัมพันธ์ทางการทูตก็อยู่ตรงหน้า เขาไม่มีทางยอมให้ศักดิ์ศรีของซีเหย่ถูกเหยียบย่ำเป็นอันขาด

การล้อเล่นขององค์หญิง ก็ควรจะมีขีดจำกัดเช่นกัน

ฉินอี้หรานดื่มเหล้าจอกหนึ่ง และไม่ได้เอ่ยอะไร

ส่วนฉินมู่ไป๋ก็มองดูสาวใช้ที่หายใจรวยรินอยู่บนพื้น แววตาเย็นเยือก

เป็นเช่นนี้แล้ว หนานหว่านเยียนรักษาไม่ได้เป็นแน่ นางไม่จำเป็นต้องกลั่นแกล้งอีกต่อไป

หนานหว่านเยียนเห็นเช่นนั้นก็ไม่ลังเล รีบร้องเรียกองครักษ์ ให้หามสาวใช้ขึ้นกระดานไม้ ไปส่งที่ตำหนักข้างทันที

กู้โม่หานส่งหนานหว่านเยียนออกไปนอกตำหนัก ปัจจุบันนี้เขาเป็นที่ว่าไท่จื่อ ย่อมต้องไม่สามารถออกจากงานได้ตามอำเภอใจ

สีหน้าของหนานหว่านเยียนดูไม่ดีนัก กู้โม่หานกุมมือนาง “หนานหว่านเยียน เจ้าแค่พยายามช่วยคนอย่างเต็มที่ก็พอ หากช่วยไม่ได้ก็ไม่ต้องหวาดกลัวไป ยังมีข้าอยู่”

หนานหว่านเยียนมองดูเขา อันที่จริงนางรู้ดี ว่าตอนนี้เป็นการประลองกันระหว่างแคว้น ไม่ใช่การประลองส่วนตัวระหว่างนางกับองค์หญิง

หากช่วยคนไม่ได้ เกรงว่าฮ่องเต้อาจจะลงโทษนาง

และกู้โม่หานก็ไม่ได้โยนความรับผิดชอบให้นางเลยสักนิด แต่เป็นนางเองที่รับมา หากพูดโดยไม่มีความแค้นส่วนตัว เขาก็นับว่าเป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบคนหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้