ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 482

ดวงตาดำขลับของกู้โม่หานพลันหรี่ลงอย่างหนัก

กู้โม่หลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะวางตะเกียบในมือลง

กู้จิ่งซานมองไปที่ฉินอี้หรานอย่างแฝงความหมายแวบหนึ่ง ก่อนจะยิ้ม "ข้อเสนอของอ๋องผิงเซวียนข้อนี้ ข้ารู้สึกว่าไม่เลวเลยทีเดียว ถึงอย่างไรพวกเราสองแคว้นต่างก็มีความสัมพันธ์ทางการทูตมาช้านาน หนามที่มันเอาแต่ยอกในอกข้ามาตลอด ก็คือแคว้นต้าเซี่ยนี่แหล่ะ"

“ถ้ายังปรามต้าเซี่ยไม่ได้ไปหนึ่งวัน ข้าก็เกรงว่าจะวางใจไม่ได้ไปหนึ่งวันเช่นกัน หากเราสองแคว้นร่วมมือกันทำยาขึ้นมาได้จริง ๆ ต้าเซี่ยจะไม่เท่ากับหมูในอวยหรอกรึ?”

แม้ว่าในใจของฉินมู่ไป๋จะอิจฉาระคนเกลียดชังหนานหว่านเยียนแค่ไหน แต่ทันทีที่พูดถึงเรื่องโจมตีต้าเซี่ย นางก็รีบระงับความโกรธเคืองลงทันที

หนานหว่านเยียนจำได้ว่า เซียงเหลียนเคยเล่าเรื่องของบุญคุณความแค้นที่มันเกี่ยวพันกันระหว่างแคว้นทั้งหลายให้นางฟัง

เทียนเซิ่งกับซีเหย่เป็นแคว้นที่ชอบทำศึกเพื่อเอาชนะคะคาน สองแคว้นจึงมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือพวกเขาต้องการทรัพยากรที่มากขึ้น และต้าเซี่ยก็มีที่ดินและทรัพยากรมากมาย อีกทั้งกำลังด้านการทหารก็อ่อนแอ นับเป็นชิ้นเนื้อชั้นดีที่แสนจะอุดมสมบูรณ์

เมื่อสิบกว่าปีก่อน เทียนเซิ่งกับซีเหย่ล้วนมุ่งเป้าไปที่แคว้นต้าเซี่ย แต่ถึงแม้ว่าอาวุธของต้าเซี่ยจะไม่แข็งแกร่งเท่าซีเหย่ ส่วนทหารก็ไม่ได้แข็งแรงสูงใหญ่เท่าเทียนเซิ่ง แต่เพราะชาวต้าเซี่ยนั้นมีความสามัคคีเป็นปึกแผ่นอย่างยิ่ง อีกทั้งโหราจารย์ของแคว้นต้าเซี่ยยังสามารถทำนายอนาคต รวมถึงทำนายการโคจรของดวงดาวได้อย่างแม่นยำ

อีกทั้งราชนิกูลของต้าเซี่ยก็มีความเชี่ยวชาญในทักษะด้านเครื่องยนต์กลไก ชำนาญในการสร้างอาวุธลับ เมืองหลวงของต้าเซี่ยก็ยิ่งเป็นเมืองที่ถูกขนานนามว่าเมืองแห่งกลไก พูดได้ว่าทั้งภายในและภายนอกเมืองล้วนเต็มไปด้วยกับดัก ซึ่งสามารถสร้างการป้องกันจากภายในได้ง่าย และยากที่จะโจมตีจากภายนอก

ดังนั้นการป้องกันศัตรูจากภายนอกของต้าเซี่ย จึงแข็งแกร่งพอจนเกิดเป็นสงครามยืดเยื้อ

เทียนเซิ่งกับซีเหย่เห็นว่าพวกเขาไม่สามารถเอาชนะต้าเซี่ยได้ ทั้งไม่อยากสิ้นเปลืองทรัพยากรอีกต่อไป จึงถอนกำลังทหารกลับแคว้น แต่ก็ยังกวาดต้อนกองกำลังตามชายแดนบางส่วนที่อยู่รอบ ๆ ต้าเซี่ย สร้างแรงโจมตีอย่างรุนแรงต่อแคว้นต้าเซี่ยไม่น้อย ส่งผลให้จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อาจแข็งแกร่งขึ้นไปกว่าแต่ก่อนได้

หนานหว่านเยียนยิ่งคิด คิ้วก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ

คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ กู้จิ่งซานกับฉินอี้หรานจะเริ่มมีเจตนาโจมตีต้าเซี่ยขึ้นมาอีกแล้ว ทั้งยังพยายามจะลากนางลงน้ำโคลนไปด้วย

ดวงตาของกู้จิ่งซานมีแววกระตือรือร้นขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้แสดงออกให้เห็นมากจนเกินไป แค่หันไปมองหนานหว่านเยียนด้วยท่าทีหยั่งเชิง "ไท่จื่อเฟย เจ้ามีความคิดเห็นเช่นไรรึ?"

นิ้วมือเรียวยาวของกู้โม่หานบีบจอกเหล้าสีเงินตรงหน้าเอาไว้แน่น เม้มปากพลางจ้องมองหนานหว่านเยียนที่นั่งอยู่ข้างกายอย่างเงียบ ๆ

สีหน้าของหนานหว่านเยียนเย็นชาทว่าจริงจัง นางลุกขึ้นยืน พูดอย่างไม่มีท่าทีลังเลใด ๆ เลยว่า "ทูลเสด็จพ่อ เรื่องนี้หม่อมฉันเห็นว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำได้สำเร็จเพคะ"

สิ้นเสียง สีหน้าของกู้จิ่งซานก็มืดทะมึนลงอย่างเห็นได้ชัด

หนานหว่านเยียนเห็นแล้ว แต่นางไม่ยอมปล่อยให้แล้วกันไป หันไปมองฉินอี้หรานด้วยรอยยิ้มสดใสเต็มใบหน้า แต่ดวงตากลับเย็นชาไม่แยแส

"ขอบคุณสำหรับคำชมของอ๋องผิงเซวียน แต่ข้าถนัดเฉพาะการช่วยชีวิตคน หาได้รู้วิธีปรุงยาไม่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการปรุงยาพิษ เรื่องเช่นนี้มอบให้เป็นหน้าที่ของผู้อื่นจะดีกว่า"

สิ่งที่นางรับไม่ได้ที่สุดในชีวิต ก็คือการที่แคว้นใหญ่ ๆ เหล่านี้ จู่ ๆ ก็ไปรุกรานแคว้นอื่นโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร

เรื่องบางอย่าง นางก็ทำไม่ได้จริง ๆ

กู้โม่หานเลิกคิ้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหนานหว่านเยียนจะถึงกับพูดโกหกต่อเบื้องพระพักตร์อย่างเปิดเผยแบบนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้