ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 546

ดูเหมือนว่ากู้โม่หานไม่รู้สึกถึงความยินดีใดๆ ยืนตัวตรง ไม่ขยับเขยื้อน

ดวงตาของเขาลุ่มลึกมืดมน ยากที่จะบอกได้ว่าคิดอะไรอยู่

“เสด็จพ่อ การโจมตีแคว้นต้าเซี่ยไม่ใช่ปัญหา แต่หลายปีมานี้แคว้นซีเหย่สงบสุขเจริญรุ่งเรือง แคว้นนี้ยังไม่ได้มีการเกณฑ์ทหารใดๆ นอกจากค่ายเสินเชื่อก็ไม่มีกองกำลังประจำการอยู่มากนัก ดังคำกล่าวที่ว่า ฝึกเตรียมพร้อมเป็นเวลานานปี เพื่อใช้งานเพียงชั่วครู่เดียว ปัจจุบันหากกองกำลังของค่ายเสินเชื่อถูกถอนกลับ การป้องกันประเทศจะไร้ประโยชน์”

“ทันทีที่ศัตรูบุกเข้ามาและฉวยโอกาสโจมตีแคว้นซีเหย่ แคว้นซีเหย่จะพ่ายแพ้ยับเยิน ดังนั้น เสด็จพ่อได้โปรดให้ลูกเตรียมการสักระยะหนึ่ง บำรุงทหารชั้นยอดได้จำนวนหนึ่ง ค่อยโจมตีแคว้นต้าเซี่ยก็ยังไม่สายเกินไป”

กู้จิ่งซานนึกว่ากู้โม่หานจะพยายามต่อสู้ด้วยเหตุผลเหมือนเมื่อก่อน แต่คราวนี้เขายอมเชื่อฟังและให้คำแนะนำที่สมเหตุสมผล เขาประหลาดใจและรู้สึกแปลกๆ

แต่กู้โม่หานยอมรับก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เขาฉวยโอกาสพูดขึ้นว่า “ก็ดี เตรียมการให้รอบด้าน จงอย่าสู้ในการต่อสู้ที่ไม่มีวันชนะ”

“แต่ข้ามาคิดๆ ดูแล้ว ตอนนี้บารมีของอ๋องเฉิงในค่ายเสินเชื่อไม่ยิ่งใหญ่เหมือนก่อน ไม่คิดว่าท่านจะจัดการกับกองทัพเพียงลำพังคนเดียวได้”

“ตอนนี้เจ้าเจ็ดเป็นราชบุตรเขยของแคว้นเทียนเซิ่งแล้ว ทำไมไม่ฉวยโอกาสนี้ไว้ เจ้าจงเรียนรู้ประสบการณ์จากเขา ช่วยกันแก้ปัญหาความแข็งแกร่งทางทหาร เพื่อไม่ให้เขาแต่งงานกับองค์หญิงแคว้นเทียนเซิ่งผู้เลื่อมใสวิชาบู๊ แล้วถูกองค์หญิงรังแกเหมือนพวกหนอนหนังสือ”

กู้โม่หานชำเลืองมองกู้จิ่งซานอย่างนิ่งเฉย “พ่ะย่ะค่ะ”

เหตุผลที่กู้จิ่งซานให้กู้โม่หลิงไปกับเขา ก็เพราะต้องการเพิ่มเบี้ยให้มากขึ้น เพื่อแทรกซึมเข้าไปในกองกำลังของเขา

แต่กู้โม่หลิงเป็นพวกหัวอ่อนหรือไม่ เขารู้ดี

กู้จิ่งซานเห็นกู้โม่หานไม่โต้แย้ง ก็อารมณ์ดีขึ้นมาก

“ถ้าอย่างนั้น ก็ลงไปเตรียมตัวให้พร้อม หลังจากพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าเจ็ดเสร็จสิ้น ก็จะส่งกองทหารไปโจมตีแคว้นต้าเซี่ย!”

ทันทีที่เรื่องการโจมตีแคว้นต้าเซี่ยถูกกำหนดขึ้น กู้โม่หานก็อำลาไปจากเรือนเซิ่ง

ถนนออกจากเรือนเซิ่งนั้นสั้นมาก แต่ในเวลานี้กลับยืดยาวอย่างบอกไม่ถูก สองข้างทางเต็มไปด้วยดอกไม้และหญ้า ดอกไม้เอนลงมาขวางถนนสายหลัก ทำให้ถนนแคบลงมาก

ชายร่างสูงใหญ่ ดวงตาสีดำขลับกลอกไปมาด้วยความไม่ยินดีและโกรธเกรี้ยว เจือความโศกเศร้าและอ้างว้าง แต่ไม่มีเงื่อนงำใดๆ บนใบหน้าอันหล่อเหลาไม่เป็นรองใคร

ตั้งแต่ยังเล็ก เส้นทางของเขาดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้ ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยดอกไม้ สวยงามมีสีสัน แต่ก็มักจะเป็นอุปสรรคทิ่มแทงสายตาของผู้อื่นเสมอ

เขารู้ว่าหลายคนเกลียดเขา หลายคนต้องการให้เขาตาย

เริ่มตั้งแต่เสด็จแม่สิ้นพระชนม์ในปีนั้น

เขารู้ว่า เส้นทางบนโลกใบนี้ไม่ได้ราบรื่น ต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น

เขาไม่เคยเกรงกลัว แต่ไม่เคยคาดคิดว่า บิดาผู้ให้กำเนิดจะกลายเป็นศัตรูของเขา เขาเคยผ่านเส้นทางที่ยากลำบากเช่นนี้มาแล้ว…

นอกเรือนเซิ่ง หนานหว่านเยียนกำลังเขี่ยก้อนหินบนพื้น รอให้กู้โม่หานออกมาอย่างเบื่อหน่าย

ในเวลานี้ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างแยกย้ายกันไป

นางมองไปยังทิศทางของเรือนเซิ่ง เมื่อเห็นเงาร่างสูงใหญ่แข็งแรง ดวงตาคู่นั้นก็สว่างไสวขึ้น รีบเดินเข้าไปต้อนรับ “กู้โม่หาน”

กู้โม่หานมองไปที่หนานหว่านเยียนที่ยืนรอเขาอยู่ตลอด ความโกรธภายในใจสงบลงทันที ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นคนที่มีครอบครัวแล้ว

ในบ้านยังมีลูกสาวที่น่ารักสองคน

“หว่านเยียน พวกเรากลับจวนกันเถอะ”

ทันทีที่พูดจบ เขาก็จูงมือของหนานหว่านเยียนอย่างเผด็จการ มุ่งหน้าออกจากวัง

ก่อนที่หนานหว่านเยียนจะทันได้ตอบโต้ ก็ถูกเขาพาออกไปแล้ว

แต่นางรู้ว่า ภายในวังแห่งนี้มีคนที่คอยเป็นหูเป็นตาอยู่ทุกที่ กู้จิ่งซานยังไม่ออกจากเรือนเซิ่ง ดังนั้นจึงไม่ขัดขืน

ทั้งสองมาถึงหน้าประตูวัง แล้วขึ้นรถม้า

รถม้ารีบเร่งไปที่จวนอี้อ๋อง หนานหว่านเยียนชักมือกลับ แล้วถามเสียงเบา “เมื่อครู่ที่เรือนเซิ่ง เสด็จพ่อพูดอะไรกับท่านหรือ?”

กู้โม่หานรู้สึกว่างเปล่าในทันใด เขาเชยตาขึ้นมองใบหน้างดงามของหนานหว่านเยียนด้วยสายตาลุ่มลึก นิ้วมือเรียวยาวลูบไว้เบาะไหมสีทองข้างกาย

“ไม่มีอะไรพิเศษ แค่กำชับข้าไม่กี่คำ บอกให้ข้าใส่ใจกับสภาพจิตใจของทูตจากแคว้นเทียนเซิ่งในช่วงนี้ให้มากขึ้น”

นี่เป็นข้ออ้างแน่นอน เขาจะไม่บอกเรื่องโจมตีแคว้นต้าเซี่ยกับหนานหว่านเยียน เพราะตัวเขาออกศึกไม่ได้ สิ่งที่เขาพูดกับกู้จิ่งซานไปเมื่อครู่เป็นเพียงการถ่วงเวลา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้