ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 615

ร่างสูงเย็นชาโอหัง ใบหน้าอ่อนช้อยหล่อเหลา พอรู้ว่าเป็นใคร อารมณ์ดีๆ ก็หายไปในชั่วพริบตา

ใบหน้าสวยของหนานหว่านเยียนบูดบึ้งลงทันใด ราวกับภูเขาน้ำแข็งที่ไม่สามารถละลายได้

เด็กหญิงตัวน้อยทั้งสองก็เห็นกู้โม่หานด้วย แต่ดวงตากลับสดใส พูดพร้อมกันด้วยความตื่นเต้น “ท่านพ่อ…”

พวกนางไม่รู้ความสัมพันธ์ในปัจจุบันระหว่างหนานหว่านเยียนและกู้โม่หานว่าเหมือนตกนรกทั้งเป็น ยังคิดว่ากลมเกลียวกันเหมือนแต่ก่อน จึงร้องเรียกเขาอย่างร่าเริง

กู้โม่หานเดินไปหาพวกนาง พลางชำเลืองมองหนานหว่านเยียนที่มีสีหน้าสงบนิ่งก่อน แล้วค่อยมองไปที่เด็กน้อยทั้งสอง

เด็กน้อยทั้งสองต้อนรับเขาด้วยความยินดี ใบหน้าน้อยเป็นสีชมพู น่ารักสุดๆ ไปเลย

ดวงตาหงส์ของชายหนุ่มอ่อนโยน ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาดูงดงามเป็นพิเศษเมื่อสะท้อนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ตัดกับแสงเทียน

เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะเด็กหญิงทั้งสองด้วยความเอ็นดู “ตอนนี้ไม่ควรเรียกท่านพ่อแล้ว ให้เปลี่ยนไปเรียกเรียกว่าเสด็จพ่อหรือพ่อดีกว่า”

เกี๊ยวน้อยไตร่ตรอง “เช่นนั้นเรียกเสด็จพ่อแล้วกัน!”

จริงๆ แล้วซาลาเปาน้อยต้องการเรียกพ่อ แต่นางเหลือบมองหนานหว่านเยียนอย่างระแวดระวัง ในที่สุดก็ห้ามใจไว้ ก้มหน้าเรียก “เสด็จพ่อ” เบาๆ

แม้ว่าจะไม่ได้ยินคำว่า “พ่อ” แต่กู้โม่หานก็พอใจมากแล้ว

เขามองหนานหว่านเยียนอย่างลุ่มลึก ริมฝีปากบางขมุบขมิบ “อาศัยอยู่ในวัง ยังไม่ชินอีกหรือ?”

หนานหว่านเยียนไม่ตอบอยู่แล้ว แต่เด็กน้อยทั้งสองพยักหน้า “ไม่ต่างอะไรกับจวนอ๋อง แค่ใหญ่เกินไปหน่อย พวกข้าจำทางไม่ได้แล้ว”

กู้โม่หานยิ้มๆ “หลังจากใช้ชีวิตอยู่นานก็เริ่มคุ้นเคยบ้างแล้ว พ่อรู้ว่าพวกเจ้าชอบเล่น วันหลังหากมีเวลา พ่อจะพาพวกเจ้าออกไปผ่อนคลายบ่อยๆ ไม่ทำให้พวกเจ้าผิดหวังแน่นอน”

สายตาของเขาจริงใจ น้ำเสียงก็จริงใจ เด็กน้อยทั้งสองยิ่งรู้สึกว่ากู้โม่หานเปลี่ยนไปแล้ว ไม่เพียงแต่ปฏิบัติต่อพวกนางดีมาก แต่ยังมีความอ่อนโยนและคำนึงถึงท่านแม่ด้วย

แม้แต่เกี๊ยวน้อยที่ยืนอยู่ข้างหนานหว่านเยียนอย่างไม่มีเงื่อนไขตลอดเวลา ก็ยังอยากใกล้ชิดกับกู้โม่หานอย่างไม่มีสาเหตุ

นี่ท่านพูดเองกับปากนะ ท่านแม่บอกพวกข้าว่า ลูกผู้ชายอกสามศอก พูดแล้วยากจะคืนคำ!”

“ต่อไปถ้าท่านไม่พาพวกข้าออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ข้าจะบันทึกไว้ในสมุดบันทึกของข้า ไม่สนใจท่านอีก!”

ซาลาเปาน้อยดึงแขนเสื้อของกู้โม่หานขึ้นมาอย่างเขินอาย “เสด็จพ่อ ถ้าออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก พาข้าไปสำนักอักษรที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงได้หรือไม่ ข้าเคยได้ยินมาจากบรรดาหมัวหมัว ว่าที่นั่นมีบทกวีมากมายที่ไม่สามารถพบได้ในจวนอ๋อง…”

แต่ความจริงแล้วนางรู้อยู่แก่ใจว่าคงไม่มีวันนั้น

ไม่ช้าก็เร็วพวกนางก็ต้องไปจากกู้โม่หาน ให้พวกนางได้ใช้ชีวิตอยู่กับเสด็จพ่อในช่วงท้ายนี้ ให้เขามีความสุขแล้วกัน

กู้โม่หานกอดเด็กหญิงตัวน้อยทั้งสองไว้ในอ้อมแขน ยิ้มอย่างมีความสุขและยินดี “ตกลง ข้าจะพาพวกเจ้าไปทุกที่ที่อยากไป อยากทำอะไร ข้าจะพาเจ้าไปทำ”

“ในวันข้างหน้า พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องคอยระแวดระวังอีกต่อไป ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง มีความสุขและอิสระมากกว่าเดิม”

อิสระ?

หนานหว่านเยียนที่เงียบมาตลอด ในที่สุดก็เผยความไม่พอใจออกมาบนใบหน้าที่สวยงาม แฝงรอยยิ้มเยาะเล็กน้อย

นางไม่ได้พูดอะไรก็ถือว่ารักษาหน้าให้เขาแล้ว ต่อหน้าลูกๆ นางไม่อยากโมโหหรือโต้เถียงกับเขา แต่นึกไม่ถึงว่า กู้โม่หานตีกรอบนาง แต่กลับมีหน้าพูดกับลูกว่าจะให้อิสระแก่พวกนาง

ฮ่า มันช่างน่าขันจริงๆ

แต่ถึงแม้จะคิดเช่นนี้ แต่หนานหว่านเยียนก็ไม่ได้ทำเสียงจิ๊จ๊ะ นางมองไปที่พ่อลูกทั้งสามที่พูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะกัน ในใจเกิดความรู้สึกอิจฉาที่อธิบายไม่ได้

เรื่องมาถึงขั้นนี้ นางไม่ต้องการให้กู้โม่หานใกล้ชิดสนิทสนมกับสองพี่น้อง แต่นางเป็นแม่ จะมองไม่เห็นหรือว่าเด็กหญิงทั้งสองชอบกู้โม่หานมากอยู่แล้ว

แม้ว่ากู้โม่หานจะยกโทษให้นางไม่ได้ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นพ่อที่รับผิดชอบต่อเด็กหญิงทั้งสอง นางไม่ต้องการให้ลูกๆ ของตัวเองต้องเสียใจ

แม้ว่าในตอนนี้ กู้โม่หานไม่ได้มีลูกแค่สองคนแล้ว ในท้องของหยุนอี่ว์โหรว ก็ยังมีอีกคน…

เมื่อนึกถึงตรงนี้ ดวงตาขาวดำของหนานหว่านเยียนก็หรี่ลงทันที ริมฝีปากแดงเม้มเบาๆ

ตั้งแต่นางรู้ว่าหยุนอี่ว์โหรวตั้งครรภ์ ก็เก็บงำความขุ่นเคืองใจในเรื่องนี้อยู่เสมอ นึกถึงมันขึ้นมาบ้างเป็นครั้งคราว…

หนานหว่านเยียนนิ่งเงียบมาตลอด กู้โม่หานอดมองไปที่นางไม่ได้ เห็นเพียงหนานหว่านเยียนเม้มริมฝีปากเบาๆ หลุบตาลงราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

“กำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”

ใช่ กำลังคิดเรื่องการจากไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้