ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 77

ระหว่างทางกลับจวนเฉิงเซี่ยง หนานหว่านเยียนทำการแบ่งแยกความสัมพันธ์ของตระกูลนี้ในใจ และเริ่มวางแผนในใจ

ส่วนทางฝั่งจวนเฉิงเซี่ยง ทุกคนนึกว่ากู้โม่หานจะกลับมาพร้อมกับหนานหว่านเยียน แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับข่าวกลางทาง บ่าวรับใช้บอกว่าหนานหว่านเยียนกลับมาพร้อมสาวใช้คนเดียว

ทันใดนั้นเอง ฮูหยินของเฉิงเซี่ยงกับอีเหนียงสาม พาหนานอี่ว์คุณหนูสามก็สะบัดหน้า เดินกลับไปนั่งพักที่ห้องโถง

พอเห็นเช่นนี้ คนที่เหลือก็เดินตามไปนั่งพักที่ห้องโถง

ก็แค่พระชายาที่ถูกทอดทิ้ง ตัวหมากที่ไร้ประโยชน์ของตระกูลหนาน สมควรได้รับการต้อนรับด้วยหรือ?

ถึงแม้ในวันธรรมดาทุกคนอาจมีความขัดแย้งกัน แต่ถ้าเป็นเรื่องของหนานหว่านเยียน ทุกคนจะมีความเกลียดชังเช่นกัน

ฮูหยินของเฉิงเซี่ยงเป็นคนแรกที่พูดด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา “ไม่รู้ว่าพระชายาอี้จะใช้ชีวิตสุขสบายจนเคยชินหรือไม่ และนี่ก็ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ข้ายังไม่เคยเห็นใครเลย!”

อีเหนียงสามยิ้มเยาะในใจ

ในอดีตฮูหยินเป็นเพียงภรรยารอง ถ้าไม่ใช่เพราะมารดาของหนานหว่านเยียนเสียชีวิตก่อนวัยอันควร นางจะได้เป็นฮูหยินใหญ่ของจวนเฉิงเซี่ยงได้หรือ

แต่ต่อหน้า อีเหนียงสามยังคงยกยิ้มและพูดประจบสอพลอ “ฮูหยินพูดถูก ทั้งที่เป็นพระชายาเหมือนกัน แต่พระชายาเฉิงกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มีมารยาทมีการศึกษาและมีเหตุผล สิ่งที่สำคัญที่สุดคือฮูหยินอบรมสั่งสอนมาดี ถึงได้มีลูกสาวที่โดดเด่นเช่นนี้!”

พอได้รับคำเยินยอจากอีเหนียงสาม ฮูหยินก็มีท่าทางภูมิใจมาก จากนั้นจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง แล้วมองไปทางหนานอี่ว์ที่กำลังเบื่อหน่าย

“พอพูดถึงเรื่องนี้ อี่ว์เอ๋อร์เองก็ถึงวัยออกเรือนแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าอย่าเลียนแบบหนานหว่านเยียนผู้หญิงชั้นต่ำนั่นเชียว นิสัยเหมือนมารดาของนางไม่มีผิด! ทำเรื่องหน้าไม่อาย จนตระกูลหนานของเราต้องอับอายขายหน้า!”

อีเหนียงสามยังคงยกยิ้ม แล้วถลึงตามองหนานอี่ว์ที่นั่งนิ่ง

“ฮูหยินพูดถูกยิ่งนัก อี่ว์เอ๋อร์ของเรา เดิมทีก็มีพระชายาเฉิงเป็นตัวอย่าง เดินตามรอยพระชายาเฉิงทุกสิ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเหมือนหนานหว่านเยียน”

เดิมทีหนานอี่ว์กำลังนั่งกินผลไม้ แต่พอพูดถึงเรื่องนี้ แม้ว่านางจะไม่พอใจ แต่นางก็ยังยกยิ้มออกมา

“หนานอี่ว์จำคำพูดของฮูหยินและแม่ไว้ในใจ หนานหว่านเยียนเป็นคนงี่เง่าที่ไม่มีใครสั่งสอนสั่งสอนไม่มีการศึกษา ไม่รู้ว่าเหตุใดท่านพ่อของเจ้าถึงให้นางแต่งงานกับท่านอ๋องอี้ให้นางมีชีวิตที่สุขสบาย เช่นนั้น”

อีเหนียงสามพูดสนับสนุน “ถูกต้องแล้ว ตอนนี้หนานหว่านเยียนมีเพียงลุงที่พิการครึ่งตัวอยู่ในจวนเรา ยื้อชีวิตไปวันต่อวัน”

พอได้ยินเช่นนี้ หนานอี่ว์ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ฮูหยิน ท่านไม่คิดว่าลุงของหนานหว่านเยียนเอาแต่ไอทั้งวันเป็นเรื่องอัปมงคลหรือ?อี่ว์เอ๋อร์คิดว่า ให้เขาแขวนคอตายให้เร็วกว่านี้จะดีกว่า!”

อีเหนียงสาม” ตัวสร้างปัญหาเช่นนี้ ตายเสียได้ก็ดี!อย่าลากพวกเราทั้งจวนต้องเดือดร้อนไปด้วย ถ้าเขามีโรคติดต่อ พวกเราทุกคนก็จะติดโรคกันหมด จะต้องตายแน่!”

ฮูหยินเองก็พูดอย่างรังเกียจว่า “ที่พวกเจ้าพูดก็มีเหตุผล คนขาพิการธรรมดา จะไอทั้งวันได้อย่างไร!”

เพราะเยี่ยงนี้ ทุกคนจึงชี้ความผิดไปที่ลุงของหนานหว่านเยียน อย่าง โม่หวิ่นหมิง และพูดเยาะเย้ยเขา

“พระชายา...” เซียงอวี้ขมวดคิ้ว แล้วมองไปที่หนานหว่านเยียน ที่หยุดยืนอยู่หน้าประตู มันน่าโมโหยิ่งนัก

ตอนที่พวกนางลงจากรถม้า ไม่มีใครยืนรอต้อนรับก็ช่างเถอะ แต่พอเข้ามายังได้ยินพวกนางพูดจารุนแรง มันน่าโมโหจริงๆ!

หนานหว่านเยียนเพียงแค่โบกมือห้ามไว้ “ไม่เป็นไร”

มุมปากของนางยกยิ้มร้าย แววตาคมลึกอยากที่จะคาดเดา

นางรู้ดีว่าคนเหล่านี้เป็นใครบ้าง “ลุง” ที่บรรดาผู้หญิงเหล่านี้กำลังพูดถึง หนานหว่านเยียนจำได้ดี โม่หวิ่นหมิงเป็นคนที่ดีต่อเจ้าของร่างเดิมที่สุด

แค่เพียงเพราะขาพิการ ทำให้เขาต้องล้มหมอนนอนเสื่อตลอดทั้งปี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้