นางมิอาจกลับไปอย่างมือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจะเสียหน้ามากเพียงใด!
โยวเอ่อเห็นเจ้านายของเรือนตนเสื่อมเสียหน้าตามากถึงขนาดนี้ พลันสีหน้าแดงระเรื่อร้อนผ่าวก้มหน้าลงด้วยความละอายใจ นางยื่นมือไปคอยกระตุกแขนเสื้อของลู่เจียวเจียวแล้ว “องค์หญิง หรือไม่ก็พวกข้าก็ยังคงเลิกแล้วกันไปเถอะนะ……”
แม้ว่านางก็มิชื่นชอบหนานหว่านเยียนเช่นกัน แต่ทุกครั้งที่พบหน้ากับหนานหว่านเยียน นางก็มักรู้สึกหนาวเหน็บไปตลอดทั้งตัว
วันนี้ก็มิทราบเช่นกันว่าองค์หญิงหงเหมิงเป็นเช่นใดแล้ว กลับคิดต้องการช่วงชิงสนมชายของหนานหว่านเยียนอย่างมิยอมล้มเลิกรามือเช่นนี้
“เลิกแล้วกันไปได้อย่างใด?!” ลู่เจียวเจียวสะบัดแขนเสื้อออกฉับพลัน แสดงท่าทีจ้องมองอย่างคุกคามเอาเรื่องมิปล่อยหนานหว่านเยียนให้รอดพ้นไป “ข้าพูดแล้วว่าข้าต้องการแล้วละก็ ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะต้องได้มาอย่างแน่นอน!”
“หนานหว่านเยียน เจ้าบอกมาเถอะจะให้คนหรือว่าไม่ให้?”
เผชิญหน้ากับลู่เจียวเจียวนิสัยดื้อด้านเอาแต่ใจตัวเองผู้นี้ หนานหว่านเยียนเองก็รู้สึกปวดศีรษะอยู่บ้างเช่นกัน แต่นางกลับปฏิเสธอย่างชัดเจนตรงไปตรงมาว่า “ไม่ได้”
“ลู่เจียวเจียว ข้าเรียกขานเจ้าว่าองค์หญิงหงเหมิง นั่นก็เนื่องเพราะเห็นแก่หน้าของเสด็จป้า เมื่อครู่นี้ข้าได้พูดจาชัดเจนอย่างยิ่งแล้วว่า คนของข้าเจ้าอย่าได้คิดนำไปแม้แต่สักคนเดียว”
แรกเริ่มนางก็คิดไว้ว่า ลู่เจียวเจียวต้องการคนละก็ นางประจวบเหมาะที่จะผลักไสสนมชายส่วนหนึ่งออกไปอย่างสมเหตุสมผล แต่แล้วหวนคิดขึ้นมาว่าหากตนทำเช่นนี้แล้ว ทางด้านของเสด็จป้านั้นก็จะเข้ามาวุ่นวายมิยอมเลิกราจนยุ่งชะมัดอีกอย่างแน่นอน
เมื่อเป็นลักษณะเช่นนี้แล้ว ยังมิสู้อย่าได้ส่งออกไปแล้วล่ะ ก็ให้พวกเขาไปศึกษาเล่าเรียนท่องตำราก็แล้วกัน
หนานหว่านเยียนกำลังคิดเช่นนี้อยู่ โม่เหยียนที่อยู่ด้านข้างกลับขมวดคิ้วแนบแน่นขึ้นมาทันใด ภายในดวงตาสีดำสนิทค่อยๆ ปรากฏความไม่พึงพอใจขึ้นมาแล้ว
เมื่อครู่นี้เขายังกำลังรู้สึกปิติยินดีอยู่ คิดว่าตนคือคนเพียงหนึ่งเดียวของนาง
กล่าวถึงที่สุดแล้วนางมิเพียงเห็นเขาเป็นสนมชายเท่านั้น อีกทั้งเชื่อมั่นในตัวเขา ทรงรับสั่งให้เขาเป็นองรักษ์คนสนิทต้องการให้เขาทำงานแทนนางด้วยซ้ำ คิดมิถึงว่านางกลับฟุ่มเฟือยมากรักถึงเพียงนี้ ต้องการจะรั้งทุกคนเอาไว้
“เจ้า! เจ้าทำเกินไปแล้วนะ!” ลู่เจียวเจียวถูกทัศนคติแข็งกร้าวของหนานหว่านเยียนยั่วโมโหจนบ้าคลั่งไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
นางคว้าหมับจับข้อมือของหนานหว่านเยียนเอาไว้ ภายในดวงตาทั้งสองนั้นกอปรด้วยเพลิงโทสะความโกรธเคือง “หนานหว่านเยียน เจ้าคิดว่าเจ้าคือองค์หญิงชีพจรสายโลหิตแท้จริง ก็สามารถอาละวาดอย่างอหังการอยู่ภายในพระราชวังแล้วหรือ?”
สีหน้าแววตาของหนานหว่านเยียนจ้องมองนางอย่างเย็นชา ตอบนางว่า “ไฉนจึงไม่ได้เล่า?”
คำพูดนี้มิผิดไปเหยียบถูกกับระเบิดของลู่เจียวเจียวเข้าแล้วอย่างจัง นางระเบิดเพลิงโทสะขึ้นมาแล้วในชั่วพริบตา ภายในดวงตากระหายเลือดเต็มเปี่ยมความเคียดแค้นชิงชัง “หนาน! หว่าน! เยียน!”
“เจ้าคือองค์หญิงชีพจรสายโลหิตแท้จริงแล้วอย่างไรล่ะ? ข้าคือองค์หญิงแห่งแคว้นต้าเซี่ยที่ได้รับการเลี้ยงดูจากเสด็จแม่มานานร่วมยี่สิบปีแล้ว! ไหนเลยที่เฉิงเหย่าจินซุ่มโจมตีกลางทางคนหนึ่งอย่างเจ้าจะสามารถทัดเทียมได้?!”
(เฉิงเหย่าจินซุ่มโจมตีกลางทาง หมายถึง เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดมาก่อน)
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...