ประกายสายตาที่ทั้งเย็นชาคมกริบและดุร้ายของโม่เหยียน ช่างเหมือนนกอินทรีโดดเดี่ยวเดียวดายที่มองดูโลกหล้าอย่างรังเกียจยิ่งนัก ช่างเต็มเปี่ยมด้วยรังสีฆ่าฟันการสังหาร
เขารู้ว่าตนไม่สามารถแสดงออกอย่างโดดเด่นสะดุดตาเกินไปนักในแคว้นต้าเซี่ย แต่หากให้เขามองดูหนานหว่านเยียนถูกผู้อื่นข่มเหงรังแกตาปริบๆ นั้น มันเป็นไปไม่ได้ เขามิสามารถจะทำได้!
หนานหว่านเยียนจ้องมองโม่เหยียนตาเขม็ง สีหน้าท่าทางตระหนกตกใจ
เมื่อครู่นี้โม่เหยียนยังอ่อนปวกเปียกอยู่เลย มิกล้าเอ่ยปากด้วยซ้ำ นางยังคิดว่าเขาเป็นเพียงมีความสามารถผู้หนึ่ง แต่ก็ยังคงขี้ขลาดตาขาวเกรงกลัวครั่นคร้ามต่ออำนาจอิทธิพล
แต่คิดมิถึงว่าเขากลับบ้าคลั่งถึงขนาดนี้ เวลาที่สมควรลงมือนั้นก็จะไม่ออมมืออย่างเด็ดขาด ตลอดจนแข็งกร้าวนอกเหนือความคาดหมายของนางด้วยซ้ำ……
นางเห็นเบ้าตาลู่เจียวเจียวแดงก่ำแล้ว เห็นได้ชัดว่าถูกบีบจนจวนเจียนจะหายใจไม่ออกแล้ว “โม่เหยียน ปล่อยมือ!”
“ขอรับ องค์หญิง” โม่เหยียนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนี้ แต่เขากลับสลัดลู่เจียวเจียวออกไปแล้วอย่างเชื่อฟัง
สองมือของลู่เจียวเจียวกุมลำคอของตนเองไว้ พลางสูดหายใจเข้าออกคำใหญ่ๆ อย่างเหนื่อยหอบ
ใบหน้าเล็กๆ แต่งหน้าสะสวยนั้นแดงก่ำแต่แรกเนิ่นนานแล้ว ดวงตาสีแดงฉานเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย
โยวเอ่อเองก็ยังตกใจแทบตายแล้ว รีบเร่งประคองนางเอาไว้ “องค์หญิง!”
ลู่เจียวเจียวสลัดมือนางออกไปแล้วด้วยความโกรธเคือง ถลึงตาจ้องมองโม่เหยียนและหนานหว่านเยียน พูดไม่ออกว่ามีความเจ็บแค้นเกลียดชังมากมายเพียงใด “เจ้ากลับกำเริบเสิบสานเหิมเกริมมากถึงเพียงนี้ บังอาจหาญกล้าทำเช่นนี้กับข้าที่เป็นองค์หญิง ข้าจะสังหารเจ้าเสียให้ดับดิ้น!”
พูดพลาง ลู่เจียวเจียวก็ตะโกนเรียกคนจับกุมโม่เหยียนเอาไว้ ลากตัวออกไปรุมกระหน่ำทุบตีด้วยไม้กระบองจนตาย องครักษ์ล้วนพากันเข้ามาแล้วหลายคนทีเดียว แต่กลับถูกสายตาหนานหว่านเยียนจ้องมองคราหนึ่งทำให้ตกใจจนตะลึงงันไปแล้วในทันใด
ลู่เจียวเจียวโกรธเคืองแทบตายแล้ว “หนานหว่านเยียน!”
หนานหว่านเยียนจ้องมองนางอย่างเย็นชาพูดว่า “ลู่เจียวเจียวพอได้แล้ว เจ้าคือผู้น้อยบังอาจล่วงเกินเบื้องสูงก่อน โม่เหยียนเป็นคนของข้าซึ่งเป็นองค์หญิง เขาลงมือสั่งสอนเจ้าแทนข้านั้น จะเป็นการกำเริบเสินสานที่ไหนกัน? คนที่กำเริบเสินสานเหิมเกริมจริงๆ นั้น หรือว่ามิใช่เจ้าเองต่างหากหรอกหรือ?”
คำพูดของลู่เจียวเจียวนั้น ในใจนางเข้าใจกระจ่างเป็นอย่างดี การดำรงอยู่ของนาง จะสามารถทำให้ท่านอ๋องเจ้าขุนมูลนายที่ได้รับพระราชทานศักดินายศถาบรรดาศักดิ์เหล่านั้น ซึ่งกำลังจ้องตาเขม็งด้วยความละโมบคุกคามดุจดั่งเสือจ้องตะปบเหยื่อ จะนิ่งเฉยสงบเสงี่ยมลงมาชั่วคราวได้อย่างแท้จริง
แต่สิ่งนี้มิได้หมายความว่า เสด็จป้าและเหล่าบรรดาเสด็จพี่กำลังหลอกใช้นางให้เป็นประโยชน์อยู่ แต่ละคนต่างล้วนมีบทบาทหน้าที่พึงกระทำของตัวเอง นางเองในฐานะเป็นชีพจรสายเลือดของราชวงศ์แคว้นต้าเซี่ย การปกป้องแคว้นต้าเซี่ยมาตุภูมิบ้านเกิดเมืองนอนให้มีสันติภาพอยู่เย็นเป็นสุข ก็คือภาระหน้าที่ซึ่งนางต้องแบกรับเอาไว้เช่นกัน
เสด็จป้าและหล่าบรรดาเสด็จพี่ต่างล้วนดีกับนางอย่างยิ่งตลอดมา นางมิได้ลงหลักปักฐานมีรากฐานอยู่ในแคว้นต้าเซี่ย ไร้หมู่มวลมิตรสหาย เหล่าบรรดาเสด็จพี่คอยช่วยเหลือ คุ้มครองปกป้อง และสร้างความพึงพอใจให้นางในทุกด้าน
ดังนั้นคำพูดที่ยุยงสร้างความความร้าวฉานให้เกิดการแตกแยกเหล่านั้นของลู่เจียวเจียว ไม่สามารถส่งผลทำร้ายนางได้เลยแม้แต่น้อยนิด
หนานหว่านเยียนมองจากตำแหน่งสูงลงมายังลู่เจียวเจียวซึ่งทุลักทุเลและเดือดดาลเคียดแค้นจนหมดสภาพ ด้วยสีหน้าแววตาอันเย็นชา
“ลู่เจียวเจียว คำพูดหยาบคายไม่สุภาพที่เจ้าเพิ่งพูดออกมานั้น หากได้ยินไปถึงหูของเสด็จป้าแล้วละก็ เจ้าจะไม่สามารถผ่านวันเวลาที่ดีอย่างแน่นอน จงรั้งอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวภายในจวนองค์หญิงของเจ้าเถอะ และอย่าได้รุดมาเพื่อท้าทายข้าอีก”
โม่เหยียนคอยยืนเป็นองครักษ์อยู่ข้างกายหนานหว่านเยียน สีหน้าแววตาที่จ้องมองดูลู่เจียวเจียวเย็นเยียบคล้ายดั่งน้ำแข็งก็ปาน
ลู่เจียวเจียวบันดาลโทสะจวนเจียนบ้าคลั่งไปแล้ว โกรธเคืองจนดวงตาเป็นสีแดงก่ำหมดสิ้น
ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ นางยังมิเคยได้รับความคับแค้นใจในลักษณะเช่นนี้มาก่อน แม้ว่าบรรดาเสด็จพี่ต่างล้วนมิค่อยสนใจนางมากนักตลอดมา แต่ก็ยังถือว่าเกรงใจต่อนางอยู่ หามีผู้ใดหาญกล้ารังแกนางไม่
แต่บัดนี้หนานหว่านเยียนกลับมาแล้ว ทุกคนต่างล้วนหันไปทางหนานหว่านเยียนจนหมดสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสด็จพี่สี่นั้น ไม่สนทนากับนางโดยสิ้นเชิงแล้ว!
สิ่งเลวร้ายที่สุดก็คือ แม้แต่สนมชายที่อยู่ข้างกายหนานหว่านเยียน ก็ล้วนแล้วแต่ประเสริฐยิ่งขึ้นเรื่อยๆ คนแล้วคนเล่า ซึ่งถูกคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถันและระมัดระวังโดยจักรพรรดินีและเสด็จพี่ใหญ่ บัดนี้ยังกลั่นแกล้งจนมาถึงบนศีรษะของนางแล้ว!
นึกถึงสิ่งเหล่านี้ ลู่เจียวเจียวก็เดือดดาลเกรี้ยวกราดอย่างยิ่งมิสามารถระงับความโกรธไว้ได้ จนขาดสติสามัญสำนึกและขนบธรรมเนียมมารยาทในฐานะขององค์หญิงแล้วโดยสิ้นเชิง
นางลุกขึ้นยืนหยัดจนมั่นคง แล้วก่นด่าอย่างโกรธเคืองว่า “หนานหว่านเยียน เจ้ามีคุณสมบัติอะไรมาสั่งสอนข้า?! เจ้ามันก็เป็นเพียงแค่ขยะที่ถูกรับกลับมาระหว่างเท่านั้นเอง ข้าลู่เจียวเจียวต่างหากเล่าจึงเป็นองค์หญิงที่แท้จริงของแคว้นต้าเซี่ย! วันนี้เจ้าข่มเหงรังแกข้า ข้าจะไม่ละเว้นเจ้าอย่างแน่นอน!”
หนานหว่านเยียนยังมิทันได้ตอบกลับ เสียงทั้งทุ้มต่ำและค่อนข้างโกรธเคืองเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างกะทันหันจากสถานที่ไม่ไกลนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...