“นอกจากนี้ วันนี้เป็นหงเหมิง แล้วต่อไปจะเป็นผู้ใดอีกเล่า? ไม่รู้ว่าเขายังจะนำมาซึ่งปัญหาสร้างความยุ่งยากให้เจ้าอีกมากมายเพียงใด”
เด็กน้อยหน้าขาวคนนี้ รูปร่างหน้าตากลับหล่อเหลาคมคายนัก แทบจะสามารถแข่งขันต่อกรกับพี่สามแล้วด้วยซ้ำ
มิทราบเพราะเหตุใด น้องสาวยิ่งปกป้องเขา เขาก็ยิ่งเห็นโม่เหยียนเป็นที่ขัดนัยน์ตามิสบอารมณ์อย่างยิ่ง มีความรู้สึกที่น้องสาวที่ประเสริฐของตนนั้นเหมือนกับ"ผักกาดขาวถูกหมูขุดดินแล้ว"ชนิดหนึ่ง
(ผักกาดขาวถูกหมูขุดดินแล้ว อุปมา ผู้หญิงดีๆ ถูกผู้ชายเลวทรามหลอกลวง ความหมายใกล้เคียงกับ "ดอกไม้สวยงามปักอยู่ในมูลวัว" )
ลู่ซูและลู่หย่วนพยักหน้าเห็นพ้องต้องกันกับลู่เยี่ยนอัน
ความจริงหนานหว่านเยียนทราบว่าลู่เยี่ยนอันกำลังจงใจจ้องจับผิด แต่นางก็ไม่สามารถพูดอะไรมากนักเช่นกัน
เรื่องที่นางร่วมมือกับโม่เหยียนนั้น นางมิต้องการให้บุคคลที่สามล่วงรู้ เดิมโม่เหยียนก็ได้เข้ามาในนามของสนมชายอยู่แล้ว
ก่อนหน้าที่นางยังมิได้จัดการเรื่องต่างๆ ให้เสร็จสิ้น เปลือกนอกเขาคือสนมชายของนาง ความจริงแล้วเขาเป็นองครักษ์ของนาง ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยกระจ่างขึ้นมา เช่นนั้นเสด็จป้ายังจะต้องยัดเยียดสนมชายให้มาปรนนิบัตินางเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง
โม่เหยียนมิได้บันดาลโทสะซึ่งหาได้ยาก ฟังการเสียดสีถากถางของลู่เยี่ยนอันอย่างเงียบๆ พูดด้วยความเคารพอย่างเสมอต้นเสมอปลายว่า “องค์ชายสี่สั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว อนาคตโม่เหยียนจะมิให้เรื่องในวันนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกอย่างเด็ดขาด จะต้องปกป้องความปลอดภัยขององค์หญิงให้ดีๆ อย่างแน่นอน”
โม่เหยียนยิ่งเชื่องเชื่อว่านอนสอนง่ายเช่นนี้ ลู่เยี่ยนอันก็รู้สึกไม่สบอารมณ์มากยิ่งขึ้น
“นับว่าเจ้าก็มีความสำนึกอยู่บ้าง เช่นนั้นข้าก็จะลงโทษเจ้าเล็กน้อยเป็นการตำหนิครั้งใหญ่เที่ยวหนึ่ง จงไปคัดลอกจริยธรรมของบุรุษสักสิบเที่ยว คัดลอกไม่เสร็จสิ้น มิอาจรับประทานอาหาร อีกทั้งไม่อนุญาตให้เข้าใกล้เยียนเอ๋อร์อีก!”
“หวังว่าตอนที่เจ้าคัดลอก จะสามารถทำความเข้าใจกับเหตุผลภายในนั้นให้ดีๆ อนาคตอย่าได้เจ้าชู้ประตูดินหว่านรักเหล่านั้นไปจนทั่ว จะได้ไม่นำมาซึ่งปัญหาความยุ่งยากให้แก่เยียนเอ๋อร์ของพวกข้า”
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว นางทราบอย่างลึกซึ้งว่าโม่เหยียนหาได้กระทำความผิดใดๆ ไม่ และก็รู้เช่นกันว่าการลงโทษของลู่เยี่ยนอันนั้นขาดเหตุผลอยู่บ้างจริงๆ จึงเอ่ยปากคัดค้านขึ้นว่า “พี่สี่ เรื่องนี้ออกจะเกินไป……”
“โม่เหยียนขอน้อมรับตามคำสั่ง” ยังมิทันรอให้หนานหว่านเยียนพูดจบ โม่เหยียนก็พยักหน้ารับคำอย่างช่างรู้กาลเทศะยิ่งนัก คล้ายดั่งเป็นสนมชายผู้หนึ่งจริงๆ ไม่มีอาการอิดออดมิยินยอมแม้แต่น้อยนิด “โม่เหยียนจะไปคัดลอกจริยธรรมของบุรุษเดี๋ยวนี้ขอรับ”
พูดจบเขาแสดงการคารวะต่อหลายคนอย่างเคารพนอบน้อม จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองดูหนานหว่านเยียนคราหนึ่ง แล้วหันร่างกลับจากออกไป
เขาไม่ได้รู้สึกโกรธเคือง อีกทั้งมิได้กระทำการล่วงเกินต่อองค์ชายหลายคน
นางมีพี่ชายหกคน แต่ละคนอุปนิสัยแตกต่างกัน ถ้าเขาต้องการอยู่ด้วยกันกับนางอย่างยาวนาน ก็จะต้องสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขาดีๆ ให้มากไว้
นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้เขาเคยล่วงเกินลู่ยวนหลีมาแล้ว หากสร้างความขุ่นเคืองล่วงเกินเพิ่มขึ้นอีกหลายคน เกรงว่ายังมิทันรอให้เขาได้ใกล้ชิดกับหนานหว่านเยียน ก็จะต้องถูกหลายคนนี้ขับไล่ออกจากพระราชวังไปแล้ว……
โม่เหยียนจากไปโดยไร้คำตัดพ้อต่อว่าแม้แต่น้อย ความประพฤติอันเชื่องเชื่อว่านอนสอนง่านนี้ ทำให้พี่ชายทั้งสามท่านที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างอดที่จะพากันมองหน้ากันไม่ได้
แม้แต่หนานหว่านเยียนเองก็อดที่จะตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งไม่ได้ จ้องมองดูเงาหลังของโม่เหยียนเขม็งอย่างครุ่นคิด จวบจนกระทั่งเขาหายลับตาไปแล้ว
ลู่เยี่ยนอันทำเสียงจุ๊ปากจิ๊กจั๊กขึ้นคำหนึ่งแล้วพูดว่า “ดูไม่ออกเลยนะเนี่ย เดิมข้าคิดว่าเขาเป็นคนคนหัวแข็งนิสัยแข็งกร้าวตอแยยากลำบากคนหนึ่งเสียอีก คิดมิถึงว่ากลับสามารถยืดและหดได้เช่นนี้ ดูแล้วการคัดลอกจริยธรรมของบุรุษสิบเที่ยว ยังเป็นการลงโทษที่น้อยไปแล้ว”
“ท่านพี่สี่!” หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว แสร้งทำเป็นจ้องมองลู่เยี่ยนอันเขม็งอย่างโกรธเคืองเล็กน้อยแล้วคราหนึ่ง ความจริงแล้วนางรู้สึกว่าช่างอับจนปัญญายิ่งนัก
ลู่เยี่ยนอันยักๆ ไหล่ ยอมแพ้ให้กับหนานหว่านเยียนแล้ว “เอาล่ะเอาล่ะ ในเมื่อเจ้ารู้สึกมิพึงพอใจเช่นนั้น ถ้าอย่างนั้นพี่สี่ก็สามารถเห็นแก่หน้าของเจ้า สุภาพเกรงใจกับเขาสักหน่อยก็แล้วกัน”
“การหาบุรุษที่เชื่อฟังสักคนเป็นเรื่องที่ประเสริฐอยู่ ทว่าเยียนเอ๋อร์นะ พี่สี่จะบอกให้เจ้าทราบไว้ว่า การเลือกบุรุษนั้นเจ้ามิอาจรีบร้อนด่วนตัดสินใจ จะต้องคอยสังเกตพิจารณาให้ดีอย่างช้าๆ รอให้ระยะเวลาที่คลุกคลีอยู่ด้วยกันนานวันเข้า แล้วเจ้าจึงมีโอกาสเข้าใจอีกฝ่ายอย่างกระจ่างว่า พวกเขานั้นเป็นภูตอสูรปีศาจผีสางสัตว์ประหลาดประเภทไหนบ้าง”
ขณะลู่เยี่ยนอันพูดฉอดๆ มิได้หยุดอยู่ด้านข้าง ลู่ซูและลู่หย่วนก็มองดูหนานหว่านเยียนอย่างเงียบงัน ภายในสีหน้าแววตานั้นแฝงไว้ด้วยร้อยถ้อยพันคำ ท้ายที่สุดพลันเล็ดลอดออกมาจากปากของลู่ซูเพียงสามคำอันรวบรัดง่ายดายเท่านั้น “เจ้าช่างประเสริฐอย่างยิ่ง”
ลู่หย่วนก็พลอยพยักหน้าตามด้วยเช่นกัน “เรื่องใหญ่เช่นการวิวาห์นั้น มิอาจรีบร้อน”
หนานหว่านเยียนรู้สึกหัวเราะมิออกร่ำไห้ไม่ได้อยู่บ้าง แต่นางก็เข้าใจเช่นกันว่าบรรดาพี่ชายรักใคร่เอ็นดูนาง และด้วยความคิดเอาใจใส่ห่วงใยนาง พวกเขาปรารถนาต้องการให้นางมีวาสนาได้พบกับความสุขมากกว่าตัวนางเองด้วยซ้ำ เหมือนเช่นเดียวกับที่น้าชายเคยกระทำมาก่อน……
ทันใดนั้นดวงตาเจิดจ้าแจ่มใสดุจเหล่าดวงดาราก็มืดครึ้มสลัวลง สุดท้ายหนานหว่านเยียนก็หาได้พูดอะไรมากมาย เพียงแต่ยิ้มน้อยๆ พลางตอบทั้งสามคนว่า “พวกพี่ๆ มิต้องวิตกกังวลใจ ข้าเองทราบว่าอะไรควรและไม่ควร”
“ยืนอยู่ข้างนอกเป็นเวลานานเช่นนี้แล้ว มิสู้เข้าไปสนทนากันในเรือนเถอะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...