ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 859

ณ ด้านหลังภูเขาจำลอง  เกี๊ยวน้อยยื่นมือปิดใบหูของน่าวน่าวเอาไว้แล้วอย่างเต็มเปี่ยมด้วยความขุ่นเคือง

ซาลาเปาน้อยเองก็ปิดใบหูของอันอันไว้อย่างแนบแน่นเช่นกัน

ผ่านไปมากกว่าสองปีแล้ว  ซาลาเปาน้อยยิ่งเติบใหญ่ก็ยิ่งสวยงามมากขึ้น  ด้านในสวมกระโปรงชุดสีครามทั้งตัวด้านนอกสวมทับด้วยผ้าแพรเบาบางคล้ายเสื้อคลุมตัวหนึ่ง  เส้นผมสีดำสนิทหวีเกล้าเป็นมวยผมกลุ่มก้อนเมฆา  นุ่มนวลอ่อนโยนอย่างยิ่ง

นางกระพริบตาสีดำเข้ม  เหลือบมองอันอันน้องชายที่อยู่ตรงหน้าซึ่งเพิ่งจะสูงเทียมเอวนางคราหนึ่ง  ถามด้วยเสียงเบาๆ ว่า  “อันอัน  เจ้าได้ยินอะไรมาบ้าง?”

“อะไรเหรอ  ไม่ได้ยิน  อะไรเลยฮะ”  อันอันตอบด้วยน้ำเสียงเด็กๆ ที่ยังมิสิ้นกลิ่นน้ำนม  ดวงตาโตกลมดิกคู่หนึ่งเงยขึ้นมามองดูซาลาเปาน้อย  ช่างบ๊องแบ๊วเชื่อฟังน่ารักเป็นอย่างยิ่ง

เขาแตกต่างกับน่าวน่าวที่ช่างพูดเช่นนั้น  สามารถกล่าวคำพูดออกมาได้มากมายอย่างยิ่งในอึดใจเดียว  มักจะเชื่องช้าและมั่นคงเสมอมา  ค่อยๆ ทยอยพูดออกมาคราวละสองคำ

ใบหน้าน้อยขาวผ่องนวลนุ่มเค้าหน้าดูกลม  เส้นผมทั้งศีรษะเป็นใยสีเขียวทั้งละเอียดอ่อนและนุ่มสลวย  หวีอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเกล้าเป็นมวยผมอยู่ด้านหลังศีรษะ  ด้านหน้าของหน้าผากยังไว้ผมหน้าม้าห้อยเหมือนกับผ้าม่านก็ปาน  ขับเน้นดวงตาเขาให้เป็นประกายสดใสชัดเจนมากยิ่งขึ้น

อันอันก้มศีรษะลง  มองดูปู๋ล่าที่ถูกตนปิดหูเอาไว้  แสร้งเอ่ยปากถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า  “ปู๋ล่า  เจ้าได้ยินแล้วหรือไม่?”

น่าวน่าวก็ปิดหูของล่าล่าเอาไว้เช่นกัน  ถามเหมือนเช่นเดียวกับพี่ชายว่า  “ล่าล่า  เจ้า ได้ยินแล้วหรือไม่?”

เขาไม่ทราบว่าไฉนพี่สาวต้องอุดหูเขาไว้  เพียงแค่รู้สึกว่าสนุกสนานน่าเล่น  ก็เลยฉวยโอกาสปิดหูของล่าปู๋ล่าเอาไว้แล้วเช่นกันพร้อมกับพี่ชาย

ล่าปู๋ล่าย่อมไม่สามารถเข้าใจคำพูดของนายน้อยทั้งสอง  สุนัขทั้งสองตัวแลบลิ้นออกมาหายใจ  ไล้เลียมือของน่าวน่าวและอันอันอย่างน่ารัก  คล้ายดั่งแสดงเป็นคำตอบแล้ว

ระยะเวลาก่อนหน้านี้กว่าสองปี  ล่าปู๋ล่าถูกเลี้ยงอยู่ภายในจวนท่านอ๋องตลอดมา  จวบจนกระทั่งลู่ยวนหลีนำหนานหว่านเยียนกลับมายังแคว้นต้าเซี่ย  จึงได้นำพวกมันกลับมาด้วยเช่นกัน

น่าวน่าวเห็นสุนัขไล้เลียเขาแล้ว  ก็ปล่อยมือทันทีและปรบมืออย่างตื่นเต้นขึ้นมาพูดว่า  “ได้ยินแล้ว  ล่าล่าพูดว่ามันได้ยินแล้วฮะ!”

อันอันกุมหน้าผากอย่างอับจนปัญญาอยู่บ้างแล้วเหลือบมองน่าวน่าวคราหนึ่ง

มองดูทารกน้อยมิสิ้นกลิ่นน้ำนมทั้งสองที่ไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น  เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยจึงได้รู้สึกคลายใจลงแล้ว  กล่าวถึงที่สุดแล้วพวกนางในฐานะพี่สาว  มิอาจให้พวกน้องชายสัมผัสกับด้านมืดก่อนถึงเวลาอันควร

ยามนี้  เกี๊ยวน้อยปล่อยมือที่ปิดหูของน่าวน่าวเอาไว้ออกอย่างโกรธเคือง  หันร่างเท้าสะเอวถลึงตามองไปในทิศทางที่โม่หลีและเฉิงซูหย่วนจากไป  พูดขึ้นอย่างขุ่นเคืองในความอยุติธรรมว่า  “ผีเสื้อหลากสีสันตัวนี้  ตลอดทั้งวันก็หวังแต่จ้องจะเล่นงานท่านอาเชียนเฟิง!”

“ยังมีโม่เหยียนผู้นั้น  ข้านั้นรู้อยู่แล้วว่าเขาหาใช่คนดีอันใด  เพิ่งจะเข้าวังมานะเนี่ย  ก็คิดต้องการจะเล่นงานท่านอาเชียนเฟิงแล้ว  ช่างน่าเกลียดชังเสียจริง!”

ซาลาเปาน้อยเองก็พยักหน้าเล็กน้อยเช่นกัน  นางก็รู้สึกไม่เบิกบานใจอยู่บ้างเล็กน้อย  “เดิมข้าเห็นน่าวน่าวชื่นชอบโม่เหยียนผู้นั้นมากถึงเพียงนั้น  ยังคิดว่าเขาเป็นคนดีอย่างยิ่งผู้หนึ่ง  คิดมิถึงว่าเขาจะแย่มากถึงขนาดนี้”

ทว่าเมื่อครู่นี้นางมองดูโม่เหยียนจากในระยะไกลๆ  กลับรู้สึกมีความคุ้นเคยอยู่บ้างเล็กน้อย

จะต้องเป็นภาพลวงตาอย่างแน่นอน  และก็คงเนื่องเพราะเขาสวมใส่อาภรณ์สีดำแล้วนั่นเอง  จึงทำให้นางคิดเช่นนี้

เกี๊ยวน้อยพยักหน้าอย่างหนักแน่น  ประคองใบหน้าของน่าวน่าวไว้  สั่งสอนอย่างเคร่งขรึมจริงจังว่า  “น่าวน่าว  เจ้าเห็นแล้วกระมัง  โม่เหยียนผู้นั้นหาใช่คนดีแต่อย่างไรไม่!”

“เขาก็คือบุรุษเจ้าเล่ห์ผู้หนึ่ง!  เหมือนเช่นเดียวกับเฉิงซูหย่วนผีเสื้อหลากสีสันผู้นั้น  ต่างล้วนคิดยึดครองท่านแม่ไว้คนเดียว  อนาคตเจ้าอย่าได้มีการติดต่อใดๆ กับเขา  มิฉะนั้นพี่สาวก็จะต้องตีก้นเจ้าแล้ว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้