หนานหว่านเยียนเมามายด้วยฤทธิ์สุราอย่างรุนแรง บนร่างกลับรู้สึกเหมือนดั่งถูกหินก้อนใหญ่มหึมาหนักนับพันชั่งกดทับอยู่ ทำให้นางแทบหายใจมิออก
นางรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง ยื่นมือผลักออกไปโดยสัญชาตญาณ โม่เหยียนใช้มือข้างหนึ่งมือคว้าข้อมืออ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูกของหนานหว่านเยียนไว้หมับ กดเอาไว้ตรงหัวเตียง มืออีกข้างหนึ่งโอบรอบเอวอ้อนแอ้นบอบบางของนางเอาไว้ ไม่สามารถหยุดลงแม้แต่สักครู่เดียว
เขาไม่เคยใกล้ชิดกับนางนานเกินไปแล้ว เมื่อเขาได้สัมผัสนางจึงไม่สามารถควบคุมได้ เขารู้สึกจวนจะสูญเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิงแล้ว ตลอดจนเริ่มไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาแล้ว……
แต่ในช่วงเสี้ยวเวลาสุดสำคัญนี้เอง ประตูใหญ่ของตำหนักสีเยว่ก็ถูกคนผลักออกอย่างกะทันหัน
เกี๊ยวน้อยที่สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเพิ่งจะก้าวเข้ามาได้ครึ่งก้าว เงยหน้าขึ้นก็เห็นโม่เหยียนกำลังทับอยู่บนร่างหนานหว่านเยียน
นางสีหน้าแปรเปลี่ยน ยกมือปิดปากร้องโพล่งตกใจออกมาทันใด “อา——”
เกี๊ยวน้อยเองก็หาได้มีเจตนาต้องการขัดจังหวะสถานการณ์ดังกล่าวไม่ เพียงแต่วันนี้หลังจากพวกเขาหลายคนกลับถึงพระราชวังก่อนแล้ว เย่เชียนเฟิงก็ได้รุดไปหาพวกเขาที่ตำหนักจานกุ้ย
เพียงแต่ตอนนั้นนางนอนหลับแล้ว เย่เชียนเฟิงสีหน้าเคร่งเครียดตื่นเต้น พูดว่าไม่เห็นท่านแม่ในตำหนักสีเยว่ และก็ได้ยินเรื่องที่พวกเขาประสบกับการลอบสังหารแล้วเช่นกัน จึงได้รีบเร่งรุดมาเยี่ยมเยียนพวกเขาหลายคน ยังได้จัดเตรียมวัสดุโอสถและสิ่งของบำรุงให้ท่านแม่มากมายอย่างยิ่ง
นางเล่าสถานการณ์ให้เขาฟังคร่าวๆ แล้วเที่ยวหนึ่ง หลังจากนั้นก็มีคนบอกว่าท่านแม่กลับมาแล้ว เย่เชียนเฟิงจึงขอให้นางพาเขารุดมาเยี่ยมท่านแม่
นางทราบว่าเย่เชียนเฟิงดีต่อท่านแม่อย่างยิ่ง ตนเองก็ยังนับได้ว่าชื่นชอบเขาเช่นกัน เรื่องนี้มิอาจไม่ช่วยเหลืออยู่แล้ว จึงตบอกอย่างเชื่อมั่นนำเย่เชียนเฟิงรุดมาแล้ว
ผู้ใดจะไปทราบว่า เพิ่งจะเข้ามาก็พบกับภาพฉากนี้ซึ่งไม่เหมาะสมสำหรับผู้เยาว์
เกี๊ยวน้อยรีบเร่งเข้าไปภายในตำหนัก แง้มประตูทิ้งไว้เหลือเพียงช่องเล็กๆ เท่านั้น ดวงตาสีเข้มของเย่เชียนเฟิงจ้องมองเขม็งอย่างงวยงงสับสนอยู่ตรงนอกประตู
ใบหน้าขาวน้อยๆ ของเกี๊ยวน้อยยังคงมีเค้าความตระหนกตกใจวูบอยู่ “ต้องขออภัยด้วยนะท่านอาเชียนเฟิง ขอให้ท่านรอคอยอีกสักครู่ที่ด้านนอก ท่านแม่นางกำลัง……”
“ถึงอย่างไรก็ไม่ค่อยสะดวกนักที่ให้ท่านเข้ามาก็แล้วกัน”
นางยังมิทันรอให้เย่เชียนเฟิงพูดตอบ ก็ปิดประตูตำหนักลงแล้วอย่างคล่องแคล่วว่องไว หน้านิ่วคิ้วขมวดเดินตรงเข้าไปหาโม่เหยียน
“เจ้ากำลังทำอะไร!” เกี๊ยวน้อยตรวจสอบไต่ถามความผิดด้วยท่าทางดุร้ายเอาเรื่องขึ้นมา
เสียงของเกี๊ยวน้อยเมื่อครู่นี้ กระตุ้นให้สติสัมปชัญญะของโม่เหยียนกลับคืนมาแล้วโดยตรง เขาตั้งสติขึ้นมาได้แล้วทันที รีบเร่งจัดแจงเสื้อผ้าของหนานหว่านเยียนซึ่งที่ถูกตนทำจนยุ่งเหยิงให้เรียบร้อยแล้ว
โม่เหยียนเสแสร้งทำสีหน้าเป็นปกติพลิกตัวนั่งอยู่บนขอบเตียง มองดูบุตรสาวด้วยความรักใคร่เอ็นดูอ่อนโยน อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบๆ ศีรษะของนางพูดว่า “ท่านแม่เจ้าเจ็บปวดที่ขา ข้าจึงช่วยบีบนวดคลายปวดให้นางน่ะ”
บีบนวดคลายปวดเรอะ?
จะโกหกใครกันเล่า!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...