ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 904

เย่เชียนเฟิงถูกโม่เหยียนพูดต้อนจนตะลึงงันวูบ  แต่แล้วสีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำดูยากขึ้นมา  กำหมัดแน่นเอ่ยปากตะคอกใส่อย่างดุดันว่า  “หากข้าอยู่ในเหตุการณ์ละก็  จะต้องสามารถจัดการได้ดีกว่าเจ้าอย่างแน่นอน”

“หากมิใช่องค์หญิงให้ข้ารั้งอยู่ภายในวังรักษาอาการบาดเจ็บละก็  ไหนเลยจะสามารถถึงรอบของเจ้าเล่า?”

น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวคุกคามคน  สายตายิ่งกอปรด้วยความไม่เป็นมิตรอย่างรุนแรง  โม่เหยียนประสานสบตากับดวงเนตรสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น  กลับไร้ความครั่นคร้ามแม้แต่น้อยนิด  ภายในดวงเนตรหงสาเย็นเยียบทะมึนที่จับตามองเย่เชียนเฟิงเต็มเปี่ยมความมิพอใจและเย้ยหยัน

“ในเมื่อเจ้าก็ยังพูดแล้วว่าถ้าหาก  แต่เวลานี้ถ้าหากนี้หาได้เกิดขึ้นแต่อย่างใดไม่  คุณชายเย่เองยังคงอย่าได้พูดมากความแล้ว  แสดงให้เห็นว่าท่านช่างอิจฉาตาร้อนหึงหวงชิงรักหักสวาทยิ่งนัก”

“บัดนี้องค์หญิงนอนหลับแล้ว  เจ้ามาจากสถานที่ไหนก็สมควรกลับไปยังที่นั่นโดยเร็วแต่เนิ่นๆ เถอะ  ข้าต้องขอตัวมิอยู่เป็นเพื่อนด้วยแล้ว”

ทหารองครักษ์ทั้งสองต่างล้วนตระหนกจนตะลึงงันแล้ว  จ้องมองดูโม่เหยียนอย่างปากอ้าตาค้าง  พากันมองหน้ากันมิสามารถกล่าววาจาออกมาได้

คิดไม่ถึงว่า  สามัญชนคนธรรมดาผู้หนึ่งกลับสามารถมีความกล้าหาญถึงเพียงนี้  เผชิญหน้ากับคนมีหน้ามีตาอย่างเช่นคุณชายเย่โดยมิมีอาการตื่นสนามแม้แต่น้อยนิด  ตลอดจนยังมีบุคลิกภาพเฉพาะตัวซึ่งสะกดข่มคุณชายเย่อยู่บ้างด้วยซ้ำ!

โม่เหยียนออกคำสั่งไล่แขกแล้ว  เย่เชียนเฟิงกลับหาได้เชื่อไม่  “หากองค์หญิงนอนหลับแล้ว  เช่นนั้นเมื่อครู่นี้เจ้าทำอะไรอยู่ภายในนั้น?  เจ้าคงจะไม่ได้ทำอะไรกับองค์หญิงแล้วกระมัง?  ข้าต้องการพบองค์หญิง”

พูดพลางเขาก็คิดจะเคาะประตูของตำหนักใหญ่  คิดต้องการพบหน้าหนานหว่านเยียนสักครา  แต่เขายังมิทันเข้าใกล้ประตูตำหนัก  ก็ถูกมือที่ข้อกระดูกกระจ่างข้างหนึ่งขัดขวางเอาไว้แล้ว

โม่เหยียนเหลือบหางตามองดูเย่เชียนเฟิงคราหนึ่ง  สภาวะพลังอันเย็นยะเยือกน่ากลัวทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกครั่นคร้ามเลยทีเดียว  “ข้าได้พูดแล้วว่า  เวลานี้องค์หญิงกำลังพักผ่อน  หากเจ้าต้องการใช้กำลังทะลวงฝ่าเข้าไปละก็  เช่นนั้นก็ทดลองดู”

คำพูดที่เต็มเปี่ยมการย้ำเตือนคุกคามผู้คนเช่นนี้  กระตุ้นให้เย่เชียนเฟิงบันดาลโทสะแล้วโดยสิ้นเชิง

เขาขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมาทันใด  ในสายตาที่จ้องมองโม่เหยียนเต็มเปี่ยมด้วยความโกรธเคือง  “โม่เหยียน!  เจ้าจงใจมิให้ข้าใกล้ชิดกับองค์หญิงอย่างสุดหยั่งคาดเช่นนี้  มีจุดประสงค์ใดกันแน่?!”

โม่เหยียนกีดกันเขาออกไปโดยไม่แสดงความคิดเห็น  พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบเฉยชา  “จำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรือ?”

ท่าทีการแสดงออกช่างยั่วยวนกวนโทสะผู้คนอย่างยิ่ง  เย่เชียนเฟิงแทบจะอดไม่ได้จวนชักกระบี่ออกมาแล้ว

เขาถูกแผดเผาอยู่ท่ามกลางเพลิงโทสะ  สายตาจ้องมองโม่เหยียนเขม็ง  ตะคอกใส่อย่างดุดันว่า  “ข้ารู้ว่าเจ้าแฝงเจตนาอื่น  ไม่ว่าเจ้าเข้าร่วมการดูตัวเพื่อเข้าใกล้องค์หญิงก็ดี  หรือว่าจงใจอาศัยโอกาสเป็นเพื่อนองค์หญิงไปทำพิธีเซ่นไหว้โม่เซียนเซิง  เพื่อจะเข้าใกล้นางมากยิ่งขึ้นก็ช่าง  เจ้าจะต้องไม่รวบรัดธรรมดาเหมือนอย่างที่แสร้งแสดงออกทางเปลือกนอกอย่างแน่นอน”

เริ่มตั้งแต่วันแรกที่เขาได้เห็นโม่เหยียน  ก็รู้สึกว่าโม่เหยียนไม่รวบรัดธรรมดา  เวลานี้ดูแล้ว  ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมิได้ผิดพลาดแม้แต่น้อยนิดเลยทีเดียว

“เจ้าก็อย่าหยิ่งผยองได้ใจทนงตัวมากเกินไปนัก  จะต้องมีสักวันหนึ่ง  ที่ข้ากระชากการเสแสร้งของเจ้าออกมาจนหมดสิ้นด้วยมือข้าเอง  ให้องค์หญิงได้ประจักษ์แก่สายตาอย่างชัดเจน  ถึงโฉมหน้าอันแท้จริงของเจ้า!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้