ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 922

ทว่านางเห็นสีหน้าของโม่เหยียนซีดเผือดขนาดนั้น ทั้งยังมีความหวาดกลัวหลังจากที่ตกน้ำอีก ก็อดไม่ได้ที่จะชะงักไป

จู่ๆนางก็นึกคนผู้หนึ่งขึ้นมาดื้อๆในชีวิตนี้ของนาง มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่กลัวน้ำเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เล็กจนโต......

ความรู้สึกใกล้ตายยังคงวนเวียนอยู่รอบกายของโม่เหยียน เขากอดหนานหว่านเยียนเอาไว้แน่น ราวกับจะเอานางฟังลงในกระดูกดำ คู่มือเรียวยาวทั้งยังมีกำลัง วางอยู่ที่ซอกคอของนาง เขาสูดดมกลิ่นอันหอมหวนจากร่างของหนานหว่านเยียน ที่ปากก็พึมพำไม่หยุด

"ข้าน้อยคิดว่า จะมิอาจได้เจอองค์หญิงอีกต่อไปแล้ว......"

หลายคนตกตะลึงอย่างถึงที่สุด ทว่าพวกเขาลองคิดดูใหม่อีกครั้ง ก็รู้สึกว่าไม่มีปัญหาอะไร

เพราะอย่างไรเสีย ความสัมพันธ์ของหนานหว่านเยียนกับโม่เหยียนก็คงจะไม่เลว พอตั้งใจมองท่าทีของจักรพรรดินีที่มีต่อโม่เหยียนแล้ว ก็สามารถมองเห็นลับลมคมในบางอย่าง

ยามนี้กอดกันอย่างโจ่งแจ้ง ก็คงถูกต้องแล้ว

ทว่าเด็กน้อยทั้งสี่กลับแสดงท่าทีตกอกตกใจเล็กน้อย

"โอ้โห่......" ดวงตาของอันอันกับน่าวน่าวยังมีรอยแดงและความชื้นอยู่เล็กน้อย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ขวางใจที่อยากซุบซิบนินทาของพวกเขาเอาไว้ไม่ไหว

สีหน้าของเด็กหญิงทั้งสองนั้นแตกต่างกัน เห็นได้ชัดว่าเกี๊ยวน้อยโล่งใจไปเปราะหนึ่ง ซาลาเปาน้อยกลับขมวดคิ้วเล็กๆนั้นไว้แน่น สองมือถึงขั้นพันไว้ด้วยกัน เห็นได้ชัดว่ากำลังควบคุมอะไรบางอย่าง

ส่วนหยุนเหิงที่หมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ด้านข้าง ในใจก็รู้สึกยินดียิ่ง

โม่เหยียนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว มิเช่นนั้นชีวิตนี้ของเขาต่อให้ตายไปเป็นร้อยเป็นพันครั้งก็คงไม่พอชดใช้......

เย่เชียนเฟิงกลับรู้สึกโกรธเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าโม่เหยียนจะใจกล้าเช่นนี้ คิดว่าตัวเองได้ความโปรดปรานแล้ววางท่าทียโสโอหัง! กอดองค์หญิงเอาไว้อย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้! ทำเสื้อผ้าขององค์หญิงสกปรก!

แต่เขาเห็นหนานหว่านเยียนไม่ได้ผลักออก เขาก็รู้สึกหดหู่และผิดหวังเล็กน้อย

เฉิงซูหย่วนที่อยู่ด้านข้าง สีหน้าก็ยิ่งมีสีสันมากขึ้นไปอีก

เมื่อครู่บนใบหน้าของเข้ายังแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นการลองเชิง ยามนี้ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน โกรธจนกลายร่างเป็นปลาปักเป้าแล้ว พัดในมือล้วนถูกเขากำจนหักเป็นสองท่อน

โม่เหยียนผู้นี้ กอดองค์หญิงแน่นเช่นนั้นต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้! ไม่มองเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย! ชั่งน่าชิงชังเสียจริง!

สีหน้าขององค์ชายหลายองค์ก็แตกต่างกันไป แต่ส่วนมาก็คิดถึงเรื่องเดียวกันคือโม่เหยียน ขัดหูขัดตาเกินไปแล้ว!

เสด็จน้องของพวกเขาบริสุทธิ์ไร้รอยด่างพร้อยเช่นนี้ ทั้งซื่อสัตย์ทั้งมีเมตตา ยามนี้กลับถูกบุรุษผู้นี้เอาเปรียบเสียได้

สภาพจิตใจของกงแจ๋ลั่วฉู่กลับไม่เหมือนผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย

เมื่อครู่เขาไม่สนใจว่าโม่เหยียนจะอยู่หรือตาย ตอนนี้ เขายิ่งรู้สึกว่าโม่เหยียนไม่มีคำข่มขู่ใดๆเลย

ผู้ชายอกสามศอก เพียงตกน้ำก็กลายเป็นเสียเช่นนี้ จะเป็นผู้ที่เก่งกาจอะไรได้?

จักรพรรดินีมองโม่เหยียนทีหนึ่ง แล้วเอ่ยว่า "มิเป็นไรก็ดีแล้ว ในเมื่อมิเป็นอันใดแล้ว เช่นนั้นก็กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด"

ในสมองของหนานหว่านเยียนปรากฏท่าทีของกู้โม่หานขึ้นมาไม่หยุด คราวนี้ความคิดถูกลากกลับมา นางผลักโม่เหยียนออกอย่างแรง ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยเสียงเย็นว่า "โม่เหยียน ยังมิปล่อยมืออีก!"

โม่เหยียนถูกบังคับให้ปล่อยมือ ด้วยท่าทีที่พึ่งตอบสนองกลับมา

เขาก้มหน้า ประสานมือแล้วเอ่ยว่า "ขอประทานอภัยขอรับองค์หญิง โม่เหยียนเกือบคิดว่าจะมิได้เจอองค์หญิงอีกแล้ว มิได้ตั้งใจล่วงเกินองค์หญิง ทำให้เสื้อผ้าขององค์หญิงต้องสกปรก องค์หญิงโปรดลงโทษด้วย "

มีคนไม่น้อยที่เห็นความเก่งกาจหาใครเปรียบของโม่เหยียน ก็คิดอยากแอบอ้างดูบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นเขาเข้าไปช่วยคนอย่างไม่คิดชีวิต เหตุใดจึงต้องรับโทษด้วย จึงเริ่มยืนอยู่ข้างโม่เหยียนเริ่มขอความเห็นใจแทนเขาขึ้นมา

ทว่าในเวลานี้เอง เกี๊ยวน้อยกลับพบว่ามุมปากของโม่เหยียนยกยิ้มบางๆขึ้นที่หนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ

นางพลันจงใจเชิดปากขึ้น นัยน์ตาล้วนเต็มไปด้วยความคิดไม่ดี

ท่าทีเช่นนี้ไม่ถูกต้อง มิใช่ว่าโม่เหยียนจงใจหรอกกระมัง?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้