ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 951

ลู่เจียวเจียวราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง ความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างกายยังมิอาจครอบคลุมความหวาดกลัวในใจของนางยามนี้ได้เลย

“เจ้า เจ้าคือ…พระเจ้า!”

นางปรารถนาจะสังหารบุรุษตรงหน้าอยู่เป็นทุนเดิม กระทั่งได้ทราบฐานะของอีกฝ่าย นางจะยังอาจหาญลงมือได้อย่างไร

นางเพิ่งจะได้สติในยามนี้เอง หนานหว่านเยียนมาอู้ไห่ ก็เพื่อพบหน้าอดีตสามีของตนเองเป็นการส่วนตัวสักครั้งเท่านั้น

นางยังคิดว่ากู้โม่หานเหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายใกล้ตายเต็มทีแล้ว ไม่ใช่แค่นางคนเดียว เกรงว่าคนทั้งใต้หล้าล้วนคิดเห็นเช่นเดียวกัน

ไหนเลยจะคิด กู้โม่หานในยามนี้กลับนั่งอยู่หน้านาง มิหนำซ้ำยังหล่อเหลาคมคายมีอำนาจน่าเกรงขามถึงเพียงนี้ แถมยังแข็งแรงมีชีวิตชีวา

ไอเย็นยะเยือกทั่วร่างกายแผ่ซ่านน่าสยดสยองราวกับเทพสังหาร อึดอัดจนไม่กล้าแม้แต่หายใจ!

ที่เขาโหดเหี้ยมกับนางเช่นนี้ นั่นก็เพื่อแสดงออกว่าเป็นแรงหนุนหลังให้หนานหว่านเยียน ลู่เจียวเจียวยิ่งรู้สึกพรั่นพรึงหวั่นใจไม่กล้าหุนหันพลันแล่นเหมือนเมื่อครู่ นั่นเพราะเบื้องหน้านางบัดนี้ คือเทพสังหาร!

ในขณะเดียวกันนั้นเอง องครักษ์แคว้นต้าเซี่ยนายหนึ่งพลันสืบเท้ามาด้านหน้า ประสานมือขึ้นเอ่ยกับหนานหว่านเยียนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “องค์หญิงหมิงหวง ชั่วครู่เดียวนี้คนของพวกข้าเจอตัวเพียงทหารยามของจวนองค์หญิงเท่านั้น ส่วนกองกำลังอื่นๆบัดนี้ยังไม่เจอตัวเลยขอรับ”

ไม่พบคนอื่นเลย เป็นไปได้อย่างไรกัน?!

หนานหว่านเยียนและกู้โม่หานเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกัน สายตาเยือกเย็นอำมหิตสองคู่ตวัดมองมายังลู่เจียวเจียวที่กำลังสั่นเทิ้มอยู่ตรงมุมกำแพง

ลู่เจียวเจียวพลันสะดุ้งโหยง หดกายหลบเข้ามุมกำแพงด้วยสภาพจนตรอก ในแววตาฉายประกายหวาดกลัวชัดเจน “พะ…พวกเจ้ามองข้าเช่นนี้ มีเหตุอันใดกัน?”

หนานหว่านเยียนหัวเราะเสียงเย็นเยียบ นัยน์ตาสะท้อนจิตสังหารเยือกเย็นอำมหิตล้นออกมา

“ลู่เจียวเจียว ในเมื่อเจ้ามาเพื่อเอาชีวิตข้า เหตุใดถึงไม่ร่วมมือกับคนที่คอยช่วยเหลือเจ้าอยู่เบื้องหลัง?”

สายตาเยือกเย็นน่าขนลุกของกู้โม่หาน จ้องลู่เจียวเจียวเขม็ง คอยกดดันลู่เจียวเจียวอยู่อย่างไม่วางตา

สายตาอำมหิตสองคู่นี้ทรมานเกินกว่าคำว่าอึดอัด โดยเฉพาะสายตาของกู้โม่หาน

แม้ลู่เจียวเจียวจะถูกกั้นด้วยหนานหว่านเยียนคนหนึ่งแล้ว แต่กระนั้นก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงพลังและอำนาจที่ไร้รูปร่างบางอย่างจากบุรุษผู้นี้ กดไว้จนนางไม่อาจขยับตัวได้เลย

กว่าที่นางจะรู้สึกสำนึกผิดนั่นก็สายไปนานแล้ว บัดนี้มีเพียงความหวาดกลัวเหลืออยู่เท่านั้น ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก เพื่อจับคนที่อยู่เบื้องหลังนางออกมา หนานหว่านเยียนถึงขั้นต้องใช้อุบายน่ากลัว ร่วมมือกับกู้โม่หานโดยตัดใจได้เช่นนี้เชียวหรือ

“หนานหว่านเยียน ถึงเวลานี้แล้วเจ้ายังเอาแต่ด่าคนอยู่อีกหรือ?” ลู่เจียวเจียวสะอึกสะอื้นพลางเอ่ย ไม่สนความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงดวงใจนั่นอีกต่อไปแล้ว “ข้า ข้าก็บอกไปหมดแล้ว ว่าข้าไม่ทราบจริง ๆ! แค่ได้จัดการพวกเจ้า ตราบใดที่อุบายรัดกุมและเป็นไปได้เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว เหตุใดจะต้องสนว่าเคยพบหน้าผู้นั้น หรือรู้จักผู้นั้นมาก่อนด้วยเล่า?”

“บัดนี้ข้าทราบแล้วว่าตนเองไร้หนทางเอาชนะพวกเจ้า วันนี้ข้าปราชัยอย่างน่าสมเพชแล้ว แม้กระทั่งโยวเอ่อยังถูกพวกเจ้าสังหารได้ หะ…หากข้าดึงดันโกหกเจ้าต่อไปจริง ๆ แบบนั้นจะไม่เป็นการกระทำที่โง่เง่าเกินไปหน่อยหรือ?!”

ถึงแม้นางจะทราบดี ว่าการกระทำเหล่านี้ของนางในสายตาของหนานหว่านเยียนและกู้โม่หาน จะดูโง่เง่าไร้สมองที่สุดก็ตาม

ทว่านิสัยของลู่เจียวเจียวจองหองและหยาบคายไร้เหตุผล บัดนี้แม้พ่ายแพ้สิ้นท่า นางก็ไม่มีวันก้มศีรษะยอมศิโรราบต่อหนานหว่านเยียนเด็ดขาด ดังนั้นท่าทางการเอ่ยวาจาของนาง ก็ยังคงรักษาความหยิ่งยโสขององค์หญิงให้ดำรงไว้ไม่ขาด

หนานหว่านเยียนเห็นลู่เจียวเจียวแม้จนตรอกสิ้นสภาพเพียงนี้ก็ยังคงยืนยันคำเดิม เกรงว่าที่กล่าวมาทั้งหมดจะเป็นความจริง คิ้วดำได้รูปขมวดแน่นก่อนจะนั่งกลับไป

รู้ว่าลู่เจียวเจียวโง่ แต่ไม่คาดว่าจะโง่ถึงขนาดนี้ คนที่อยู่เบื้องหลังก็ไม่เคยพบ แทบจะไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ หากเป็นเช่นนี้จริง ก็เกรงว่าสถานการณ์ต่อไปนี้จะยิ่งยากเกินรับมือไหวแล้ว…

ลู่เจียวเจียวเห็นสีหน้าของนางฉายแววเคร่งขรึม ก็เคลื่อนกายทันใด “หนานหว่านเยียน อุบายวันนี้ ความจริงเป็นอุบายของเจ้าเอง หรือเป็นความคิดขององค์จักรพรรดิแห่งแคว้นซีเหย่?”

“มิใช่ว่าเจ้าชิงชังรังเกียจเขามาตลอดหรอกหรือ? เหตุใดวันนี้ถึงได้มาพร้อมกันล่ะ อย่าบอกนะว่า พวกเจ้าสองคนกลับมาคืนดีกันแล้ว?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้