ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 952

กู้โม่หานได้ฟังเช่นนั้น คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยพลางเหลือบสายตามองไปยังหนานหว่านเยียน กลับเห็นว่าขณะนั้นหนานหว่านเยียนกำลังถลึงตาวาวโรจน์มองลู่เจียวเจียว “ลู่เจียวเจียวเจ้าพูดมากเกินไปแล้ว”

ลู่เจียวเจียวตกใจ รีบยั้งปากไว้ไม่ให้เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ก่อนจะลอบสอดสายตามองมายังกู้โม่หานปราดหนึ่ง รู้สึกว่าสามีภรรยาคู่นี้มีบางอย่างคล้ายกันไม่ผิดจริง ๆ จะว่าแค่ถ้อยคำหรือการกระทำเหมือนกันหมดเช่นนี้อาจยังน้อยไป แม้กระทั่งพลังอำนาจที่แผ่ซ่านออกมายังคล้ายกันมากราวกับถอดแบบออกมา…

ทว่านางในยามนี้ก็ไม่อาจปล่อยให้ตนเองถูกหนานหว่านเยียนและกู้โม่หานคุมขังไว้ที่แห่งนี้ได้ ตกอยู่ในกำมือของพวกเขาสองคนนี้ ไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้วเลย

นางฝืนใจข่มความเจ็บปวดที่เสียดแทงทรวงอกไว้ เคี่ยวเข็ญให้ตนเองกระตุกรอยยิ้มที่ยังนับว่ามีเจตนาบริสุทธิ์ออกมา “องค์หญิงหมิงหวงหากเจ้าสามารถให้อภัยไว้ชีวิตข้าได้อีกสักครั้งข้ายินดีช่วยเจ้า ล่องูออกจากโพรง”

“เรื่องที่วันนี้ข้าลอบนำทหารยามออกมาโดยพลการ คนผู้นั้นน่าจะยังไม่ทราบ ตราบใดที่เจ้ายอมปล่อยข้าออกไป ข้ารับปากว่าเมื่อกลับไปแล้วจะแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร่วมมือกับเจ้า จับตัวจริงของคนผู้นั้นออกมา!”

ถึงแม้นางจะไม่ทราบว่าคนผู้นั้นเป็นใครมาจากไหน แต่บัดนี้ หนานหว่านเยียนดูคล้ายจะสนใจคนผู้นั้นเป็นอย่างยิ่ง หากว่านางสามารถใช้คุณูปการชดเชยความผิดได้ บางทีความบาดหมางของพวกนางสองคนตั้งแต่ต้นจนถึงยามนี้ อาจจะสิ้นสุดกัน ณ ที่แห่งนี้เลยก็เป็นไปได้

นัยน์ตาของหนานหว่านเยียนหมองลงเล็กน้อย พินิจพิจารณาลู่เจียวเจียวที่สีหน้าแสดงความซื่อสัตย์จริงใจอย่างยิ่งยวดออกมา นางกำลังจะเอ่ยปาก ทว่าขณะเดียวกันกลับได้ยินกู้โม่หานกดเสียงทุ้มต่ำถามหยั่งเชิงออกไป “องค์หญิงหงเหมิงรีบร้อนยอมจำนนเพียงนี้ เกรงว่าจะเป็นแผนหลอกลวงที่ฉลาดกว่า คอยให้ข้าและหว่านเยียนก้าวเท้าตกลงไปในกับดักที่พวกเจ้าตั้งใจอำพรางอย่างดีก่อนใช่หรือไม่?”

หัวคิ้วของหนานหว่านเยียนขมวดขึ้นเล็กน้อย ลู่เจียวเจียวร้อนใจขึ้นทันใด ไม่กล้าวางมาดเย่อหยิ่งจองหองต่อหน้ากู้โม่หานเกินไป ทำได้เพียงชี้แจงออกไปด้วยเสียงกระวนกระวายว่า “ฝ่าบาทตรัสเช่นนี้ หมายความว่าไม่เชื่อข้าหรือเพคะ?”

“หากเป็นอย่างที่ท่านตรัส ว่าข้าและคนผู้นั้นเตรียมอุบายไว้พร้อมก่อนแล้ว วันนี้ข้าจะตกหลุมพรางอันแยบยลของพวกท่านได้อย่างไรเพคะ?”

กู้โม่หานแสยะยิ้มเย็นเยียบ ดวงตางดงามคู่นั้นพลันหรี่ลงเขม็งมองลู่เจียวเจียวตาไม่กระพริบ คล้ายว่ามองคนได้ทะลุปรุโปร่งอย่างไรอย่างนั้น

“ข้าไม่ทราบว่าพวกเจ้าวางอุบายลับหลังใดไว้ ทว่าจากที่ข้าทราบมา ข้างกายเจ้ามีผู้สอดแนมของหว่านเยียนคนหนึ่ง เคยเห็นรูปลักษณ์ของผู้ส่งจดหมายที่ว่านั่นมาก่อน

“ผู้ส่งจดหมายนั่นอายุค่อนข้างมา ราวสี่สิบห้าสิบปีเห็นจะได้ หลังค่อมเล็กน้อย ทว่าใบหน้ากลับดูไม่เห็นเค้าความชรามากนักในทางกลับกันยังดูแข็งแรงกระปรี้กระเปร่ามาก เจ้ากล้าเอ่ยวาจาสามหาว ว่าเจ้าไม่รู้จักอย่างนั้นหรือ?”

เขาจงใจอธิบายรูปพรรณสัณฐานของคนผู้นั้นให้แทงไปยังพ่อบ้านกาว

ลู่เจียวเจียวฟังเช่นนั้นศีรษะพลันชุ่มด้วยเหงื่อ ก่อนจะเอ่ยอย่างเหลือเชื่อว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร? ผู้ใดคือหน่อยสอดแนมของหนานหว่านเยียนกัน เขาบอกท่านเช่นนี้หรือ?”

“คนที่อยากให้หนานหว่านเยียนตาย จะเป็นคนเฒ่าแก่ชราไปได้อย่างไร? ฝ่าบาทตั้งใจหลอกปั่นหัวข้าหรือเพคะ?!”

เรื่องที่ควรทราบ แม้แต่ตัวนางเองก็ยังสงสัยใคร่รู้เหลือเกินว่าคนลึกลับที่อยู่เบื้องหลังผู้นั้นแท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่ คนผู้นั้นรู้จักหนานหว่านเยียนเป็นอย่างดี หนำซ้ำยังปรารถนาอย่างยิ่งยวดที่จะให้หนานหว่านเยียนตายในเร็ววันด้วย

คนที่จะทำอะไรแบบนี้ได้ นางคิดว่า อาจเป็นบุตรจากตระกูลบุญหนักศักดิ์ใหญ่ใดสักแห่ง ที่เคยถูกหนานหว่านเยียนเล่นความรู้สึกมาก่อน ถึงได้คิดจะล้างแค้นเอาสะใจเช่นนี้ได้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นสตรี ที่เคยพ่ายแพ้ในศึกชิงบุรุษของหนานหว่านเยียนมาก่อน ฉะนั้นความริษยาอาฆาตถึงได้ฝังลึกในใจ ไม่ตายก็ไม่มีวันรามือ!

คิดไม่ถึงว่าจะมีคนชราที่ปรารถนาจะสังหารหนานหว่านเยียนให้ถึงที่ตายด้วย!

แต่ว่า — หนานหว่านเยียนนางลอบส่งคนมาสอดแนมข้างกายนางตั้งแต่เมื่อใดกัน เหตุใดนางถึงไม่ทราบอะไรเลย! มิน่านางถึงได้พ่ายแพ้ง่ายดายเช่นนี้!

เพียงแต่นี่ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องเหล่านี้ นางข่มความรู้สึกไว้ในใจพลางมองหนานหว่านเยียนอย่างไม่พอใจ

“สรุปสั้น ๆ ข้าไม่ได้พูดจาเหลวไหล ข้าไม่เคยพบคนผู้นั้นมาก่อนจริง ๆ แต่ถ้าพวกท่านอยากจับคนผู้นั้น ข้าก็ยินดีจะช่วยเป็นเหยื่อล่องูออกจากโพรงให้ องค์หญิงหมิงหวงคิดเห็นเช่นไรหรือ?”

เห็นท่าทีโต้ตอบและข้อแก้ต่างของลู่เจียวเจียวแล้ว คล้ายว่าไม่รู้จักมักคุ้นกับมือมืดที่อยู่เบื้องหลังจริง ๆ

พริบตาเดียวสีหน้าของกู้โม่หานพลันหมองลง เขาหลุบสายตาลง ดวงตางดงามของเขาข่มประกายสว่างอันเยือกเย็นและ โหดเหี้ยมไว้

เดิมเขาคิดว่าวันนี้จะสามารถจับตัวพ่อบ้านกาวคนนั้นได้ในกระบวนเดียว กลับคิดไม่ถึงว่ายามนี้ แม้แต่ฐานะของพ่อบ้านกาวผู้นั้นยังยืนยันแน่ชัดไม่ได้ด้วยซ้ำ

ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่อาจเร่งร้อนอธิบายความจริงออกไป ฐานะของ ‘โม่เหยียน’ ผู้นี้ ก็มีแต่ต้องปิดบังเอาไว้ต่อไปเท่านั้น…

สองคนต่างเงียบงันไม่ส่งเสียง เดินกลับถึงตำหนักจิ้งซวีพร้อมกันราวรู้ใจ ก็พบว่าเจ้าเด็กน้อยทั้งสี่คนกำลังเกาะขอบหน้าต่างพลางชื่นชมตะวันตกดินอยู่อย่างเพลิดเพลิน

กู้โม่หานทนไม่ไหวส่งเสียงขัดจังหวะขึ้นมา ยืนอยู่หน้าประตู สันกรามคมกริบของเขาคล้ายกับอ่อนโยนขึ้นเท่าตัว มิได้กระด้างและแข็งกร้าวเหมือนก่อนแล้ว

หนานหว่านเยียนกลับสืบเท้าเข้าไปในตำหนัก เอ่ยกับเจ้าก้อนแป้งทั้งสี่ด้วยเสียงอบอุ่นว่า “พวกเด็กๆ ถึงคราวต้องกลับวังกันแล้ว”

เจ้าก้อนแป้งทั้งสี่หลุดจากภวังค์ออกมา ศีรษะสูงบ้างเตี้ยบ้าง พลันหันขวับกลับมามองหนานหว่านเยียนและกู้โม่หาน

นัยน์ตาอันอันและน่าวน่าวพลันเปล่งประกายสว่างวาบ ลากขาสั้น ๆ วิ่งตึงตังเสียงดังมาหาทั้งสองทันที “ท่านพ่อ! ท่านแม่!”

เจ้าเกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยตามหลังมาติด ๆ ขนาบข้างดูแลเจ้าน้องชายทั้งสอง พลางเดินมาหยุดเบื้องหน้าหนานหว่านเยียนและกู้โม่หาน

อันอันและน่าวน่าวตรงเข้ามาแนบกายกับกู้โม่หาน กอดขาอ่อนของเขาไว้แน่น ดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออก

ดวงหน้าของน่าวน่าวฉายแววอาวรณ์ยิ่งนัก กระพริบตาปริบจ้องมองหนานหว่านเยียนด้วยนัยน์ตารื้นแดง “ท่านแม่ ข้าขอ อยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อยไม่ได้หรือ?”

“พวกข้ายากที่ได้พบหน้าท่านพ่อ อยากจะอยู่กับท่านพ่อ ให้นานกว่านี้สักหน่อย”

อันอันเองก็โน้มน้าวด้วยเสียงอ้อแอ้กระเง้ากระงอดด้วยเช่นกัน เอ่ยด้วยเสียงอ้อนวอนให้ใจอ่อนเต็มที

“ท่านแม่ ด้านนอกยามนี้มืดตึ๊ดตื๋อ ข้ากับน้องชาย กลัวที่สุดเลย”

“คอยให้พรุ่งนี้เช้าก่อน ค่อยกลับไม่ได้หรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้