ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 954

หนานหว่านเยียนได้ยินเช่นนี้ สีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันควัน

ไม่ได้เด็ดขาด กู้โม่หานเจ้าคนนี้รู้จักเอาอกเอาใจพวกเด็ก ๆ นางจำเป็นต้องคำนึงถึงจุดนี้

เหตุนี้นางจึงหยุดพูด ก่อนจะยอมนั่งลงไปดีๆ

นัยน์ตางดงามเรียวเฉี่ยวของกู้โม่หานโค้งเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นรถม้าตามไปด้วยเช่นกัน

ภายในรถม้า เจ้าเด็กน้อยทั้งสี่คนเห็นหนานหว่านเยียนและกู้โม่หานขึ้นมาพร้อมกัน อดไม่ไหวก็ยิ้มแย้มเริงร่าดุจบุปผาออกมา

น่าวน่าวยังยกมือป้องปากหัวเราะออกมา “เมื่อครู่ ข้าเห็นท่านพ่ออุ้มท่านแม่ด้วย!”

เกี๊ยวน้อยแตะศีรษะน่าวน่าวเบา ๆ “น่าวน่าว อย่าพูดส่งเดชสิ!”

แม้นางจะยินดีที่เห็นความสัมพันธ์ของพ่อเฮงซวยกับท่านแม่คลี่คลายลงแล้ว ทว่าท่านแม่ในยามนี้ยังเข้าใจท่านพ่อเฮงซวยคนนี้ผิดอยู่ ยิ่งฝืนเอ่ยเช่นนี้ ในใจท่านแม่ก็มีแต่จะยิ่งต่อต้านเท่านั้น

น่าวน่าวเบะปาก ดึงพี่ชายเข้ามาด้วยท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจน่าสงสาร ก่อนจะวิ่งไปร้องไห้ข้างกายกู้โม่หานพลางเอ่ยปากฟ้อง “ฮือฮือ ท่านพ่อ พี่หญิงตีข้าอีกแล้ว!”

เกี๊ยวน้อยหงุดหงิดทันใด สืบเท้าตามไปหมายจะสั่งสอนเจ้าน่าวน่าว “ลู่หรง! เจ้ากำลังกล่าวหาว่าร้ายข้าหรือ?”

นัยน์ตาของกู้โม่หานทอดมองพี่น้องสองคนที่ร่าเริงกระปรี้กระเปร่า แววตาเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน ปล่อยให้พวกเขาหยอกล้อเล่นสนุกไปตามประสาเด็ก ๆ

เขาไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนี้มานานมากแล้ว ได้อยู่เคียงกายหนานหว่านเยียนและพวกเด็กๆ เช่นนี้ เขาคล้ายกับไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องใดอีกต่อไปแล้ว เว้นเพียงทำหน้าที่สามีที่ดี และบิดาที่เหมาะสมให้ได้เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

เด็กสองคนหยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนานเร่าร้อน ส่วนอันอันกับซาลาเปาน้อยก็นั่งอยู่ตรงข้ามแอบป้องปากหัวเราะเบาๆ

หนานหว่านเยียนเพิ่งจะค้นพบในยามนี้ ว่าพื้นที่ภายในรถม้ากว้างขวางใหญ่โต ตรงกลางยังมีโต๊ะที่ยึดไว้กับพื้นตัวหนึ่งตั้งอยู่ด้วย บนโต๊ะมีตะเกียงไฟดวงหนึ่งจุดเตรียมไว้ก่อนแล้วคล้ายกับว่าเตรียมไว้เพื่อรอคอยการมาถึงของพวกเขาโดยเฉพาะ

เปลวเทียนสว่างรุบรู่ มิได้แสบตาเกินไปนัก แต่กลับทำให้บรรยากาศภายในรถม้าออกมางดงามสมบูรณ์แบบ อบอุ่นจนชวนให้รู้สึกสบายกายสบายใจ

บนที่นั่งเรียงรายด้วยของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจำนวนมาก และยังมีหนังสือตำรา ชัดว่าตั้งเตรียมไว้เพื่อพวกเด็ก ๆ ทั้งสี่คน และทุกที่นั่งยังปูด้วยเบาะรองนั่งนุ่มนิ่มเตรียมไว้อย่างใส่ใจด้วย

ด้านข้างมีโต๊ะน้ำชาเล็ก ๆ ตัวหนึ่งตั้งอยู่ บนโต๊ะยังมีขนมอาหารว่างตั้งไว้สำหรับกินรองท้องด้วย

แววตาของหนานหว่านเยียนลุ่มลึกหมองหม่นลง ก้นบึ้งของดวงตานั้นฉายประกายประหลาดใจสว่างวาบออกมา

ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือยามนี้ ในแง่ของรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ กู้โม่หานคล้ายกับใส่ใจได้อย่างไร้ที่ติมาตลอด

หากระหว่างพวกเขาสองคนไม่มีเรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้นแล้ว เขาอาจจะสามารถเป็นบิดาและสามีที่จิตใจอ่อนโยนและเอาใจใส่ที่สุดคนหนึ่งนั่นก็เป็นไปได้ น่าเสียดายก็เพียงแต่…

ช่างเถิดเลิกคิดเรื่องนี้ดีกว่า คิดเรื่องนี้ไป ก็ไม่สู้เอาเวลาไปคิดว่าจะล่องูออกจากโพรงอย่างไรดีกว่า นางจะปล่อยให้พ่อบ้านกาวกำเริบเสิบสานก่อเรื่องสร้างความวุ่นวายไม่ได้อีกเป็นอันขาด!

อู้ไห่ห่างไปค่อนข้างไกลจากโรงเตี๊ยม กลางดึกมืดมิดเงียบสงัด ยิ่งขับแสงตะเกียงสว่างรุบรู่ให้ชัดเจนขึ้นมา เข้ากับบรรยากาศราบเรียบนิ่งสงบของรัตติกาล กล่อมให้พวกเด็กๆง่วงงุนและผล็อยหลับไป

อันอันและน่าวน่าวเล่นกันไม่ทันไร ก็อิงแอบในอ้อมอกของกู้โม่หานก่อนจะผล็อยหลับไป แม้กระทั่งเกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยก็ฝืนความง่วงไม่ไหว เอนกายอิงแอบกันพร้อมหนังตาที่หนักอึ้ง พลางสัปหงกเป็นครั้งคราว

กู้โม่หานครั้นจัดแจงที่นอนให้เจ้าก้อนแป้งทั้งสองดีแล้ว ก็ห่มผ้าให้พวกเขาสองคนอย่างตั้งใจ ก่อนจะจัดแจงบุตรีอีกสองคนให้เอนกายนอนหลับอย่างสบาย และสุดท้ายก็เหลือบสายตามองมายังหนานหว่านเยียน

แสงจันทรายามนี้ลอดผ่านหน้าต่างรถม้าเข้ามา กระทบบนดวงหน้าของหนานหว่านเยียนอย่างสมบูรณ์แบบ

หัวคิ้วของนาขมวดขึ้นเล็กน้อย คล้ายกับมีเรื่องว้าวุ่นบางอย่างอยู่ในใจคอยรบกวนนางอยู่ก็ไม่ปาน ดวงหน้ามุมข้างอันงามสะคราญนั้นดึงดูดสายตาได้ในคราวเดียว

ลูกกระเดือกของบุรุษขยับขึ้นลง ริมฝีปากบางเผยอขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเปล่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “พวกเด็ก ๆ หลับกันหมดแล้ว เจ้าเองก็พักผ่อนสักครู่หนึ่งเถิด”

น้ำเสียงนี้อ่อนโยนราวกับธาราบริสุทธิ์ เพียงพริบตาก็สามารถดึงความคิดของหนานหว่านเยียนกลับมาได้ในทันที

เขาพึมพำกับตนเอง แม้จะมองดูไร้สาระน่าสมเพชมากก็ตาม ทว่าในใจของเขากลับพึงพอใจยิ่งนัก

ประคองใบหน้าของหนานหว่านเยียนไว้อย่างอ่อนโยน เขาหลับตาลงอย่างแช่มช้า พลางประทับริมฝีปากกลางหน้าผากของนางอย่างรักใคร่ ก่อนจะประคองศีรษะของนางมาพิงบนไหล่ของตนเองอย่างระวัง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หลับเถิด ที่ตรงนี้มีข้าอยู่”

ในห้วงความฝัน หนานหว่านเยียนคล้ายกับได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคย หัวคิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย ทว่าความรู้สึกกลับผ่อนคลายและปลอดภัย พลางเคลื่อนกายเข้าใกล้ต้นตอของกลิ่นหอมนั้นไปโดยไม่รู้สึกตัว…

เกือบหนึ่งชั่วยามผ่านพ้นไปแล้ว

ในที่สุดรถม้าก็ค่อย ๆ ชะลอความเร็วลงก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า “หลายหยุน”

ภายในรถม้า เสียงเรียกเบา ๆ ของเจ้าเกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยดังขึ้นไม่หยุด “ท่านแม่ ท่านแม่ตื่นเถิด พวกข้าถึงที่พักกันแล้ว!”

หนานหว่านเยียนหลับสนิทตลอดทาง ความรู้สึกเหนื่อยล้าที่สะสมทั่วร่างกายยามนี้จางหายไปไม่น้อยแล้ว

นางถูกเสียงของพวกบุตรีปลุกให้ตื่นขึ้นมา ลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย สะลึมสะลือ ยังไม่ทันรู้สึกว่าอิริยาบถของตนมีสิ่งใดผิดแปลกไปจากเดิม เห็นก็เพียงแต่สีหน้าของเจ้าเด็ก ๆ ทั้งสี่คนแปลกประหลาดไปก็เท่านั้น

นัยน์ตาของเกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยฉายประกายตื่นเต้นดีใจวูบไหวออกมา ส่วนอันอันและน่าวน่าวเองก็กำลังชมความครึกครื้นอย่างออกหน้าออกตา ยกมือขึ้นป้องปากหัวเราะคิกคักไม่หยุด

ในขณะที่นางกำลังสงสัยว่าพวกเด็กหัวเราะคิกคักอะไรกัน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเหนือกระหม่อมมีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่

หนานหว่านเยียนตาสว่างทันใด เหลือบสายตามองถึงจะค้นพบว่า ตนเองกำลังซบไหล่ของกู้โม่หานอยู่ ศีรษะของบุรุษก็แนบชิดกับนางอยู่เช่นกัน หนำซ้ำยังหลับลึกด้วย

ทว่านางเป็นฝ่ายเอนศีรษะซบไหล่เขาอยู่ สิ่งนี้เป็นหลักฐานประจักษ์ชัดว่านางเป็นฝ่ายใกล้ชิดเขาก่อน!

หลังจากรู้สึกตัว หนานหว่านเยียนก็ขยับศีรษะขึ้นมาทันใด ไม่สนแม้ว่าศีรษะของนางจะกระแทกกับสันกรามล่างของเขาอย่างจังก็ตาม จากนั้นก็เลื่อนมือไปผลักศีรษะของกู้โม่หานออกไม่ทราบว่าเหตุผลใดอยู่ ๆ ใบหูก็ร้อนผ่าวขึ้นมา “กู้โม่หาน!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้