ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 955

กู้โม่หานนอนหลับสนิท ไม่ทันระวังตัวก็ถูกหนานหว่านเยียนผลักศีรษะออกไปแล้ว

เขาขมวดคิ้วขึ้นพลางลืมตา เห็นแววตาของหนานหว่านเยียนเจือด้วยความเขินอายเล็กน้อย เขาก็ผุดยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวทันที “เป็นอะไรไปหรือ?”

หนานหว่านเยียนกัดฟันแน่น ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้มากความ ก็ลงจากรถม้าไปทันที

ชายเสื้อของนางหายลับไปจากสายตาของกู้โม่หาน ทันใดนั้น เสียงของเจ้าเกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยพลันดังตามขึ้นมา

“เสด็จพ่อชอบเอาเปรียบท่านแม่จริงๆ!”

“พวกข้าลงจากรถก่อนแล้ว พวกเสด็จพ่อก็รีบลงตามมาเร็วเข้าสิ”

ดรุณีน้อยสองคนเดินกระโดดโลดเต้นไล่ตามหนานหว่านเยียนไป ส่วนอันอันและน่าวน่าวกลับเอ่ยเสียงอ้อแอ้ขึ้นว่า “ท่านพ่อขอรับ ท่านแม่คงจะอายเอามากๆ ถึงได้เป็นเช่นนี้”

“ไม่ผิด ท่านแม่ ต้องรู้สึกแบบนั้นแน่ และอยากจะใกล้ชิด ท่านพ่อสินะ แต่ว่าคิดไม่ถึง ว่าจะถูกพวกข้า จับได้คาตาน่ะสิ”

แววตาของเจ้าก้อนแป้งทั้งสองเปล่งประกายสุกสกาว อยากให้บุพการีอยู่ด้วยกันนานกว่านี้สักหน่อย นัยน์ตาของกู้โม่หานเจือรอยยิ้ม อดไม่ได้ก็เลื่อนมือไปลูบศีรษะของเจ้าเด็กน้อยทั้งสองคนอย่างทะนุถนอมเอ็นดู ก่อนจะอุ้มพวกเขาไว้ในอ้อมอกอย่างมั่นคง “พวกเจ้านี่ปากหวานจริง ๆ”

“ไปกันเถิด ไปกินของอร่อยกับพ่อดีกว่า”

ครั้นได้ยินว่ามีของอร่อย แววตาของอันอันและน่าวน่าวก็ฉายประกายมุ่งมั่นขึ้นมาทันควัน ยกกำปั้นแสดงท่าทางดีใจออกหน้าออกตา

“เยี่ยมเลย เยี่ยมเลย!”

ขณะเดียวกัน ภายในโรงเตี๊ยมหลายหยุน

แม้ปากบออกว่าค่อนข้างดึกมากแล้ว ทว่ายามนี้ ภายในโรงเตี๊ยมยังคงมีเสียงผู้คนดังจอแจวุ่นวาย

กู้โม่หานมิได้จ่ายเงินปิดโรงเตี๊ยม นางคิดว่า ด้วยนิสัยของเขา อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะปิดโรงเตี๊ยมแห่งนี้ให้มีเพียงพวกเขาเท่านั้นเสียอีก

หนานหว่านเยียนเลิกคิ้วอย่างเหลือเชื่อ จากนั้นก็พาเกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยเดินเข้าไปข้างใน บ่าวรับใช้คนหนึ่งเข้ามาต้อนรับด้วยความกระตือรือร้นทันใด “คุณหนูเชิญไปที่ชั้นสองขอรับ”

นางนำทางบุตรีขึ้นชั้นบนไปพร้อมกับบ่าวรับใช้คนนั้น ฝั่งนี้เป็นห้องรับรองส่วนตัว เทียบกันแล้วทั้งสงบและสะอาดสะอ้านกว่ามาก ทว่าเดินไปได้เพียงครึ่งทาง นางกลับพบว่าประตูของห้องรับรองส่วนตัวชั้นบน มีเงาร่างที่คุ้นเคยหาใดเปรียบปรากฏขึ้นมา…

หนานหว่านเยียนใจเต้น ดวงหน้างามสะคราญนั้นไม่อาจแสดงอารมณ์ ความรู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่ได้หวนกลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่งหลังผ่านไปเนิ่นนานนี้

“พี่อวี๋เฟิง!” เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ ตะโกนเรียกคนผู้นั้นเสียจนเสียงหลง

ได้ยินเสียงนี้แล้ว อวี๋เฟิงก็ผงะตกใจขึ้นมาก่อน จากนั้นก็ผินใบหน้ากลับมามองอย่างเหลือเชื่อ ขอบตาพลันแดงก่ำทันใด ก่อนจะโผเข้ามาด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจจนข่มความรู้สึกเหล่านั้นไว้ไม่อยู่

เขาคุกเข่าลงตรงหน้าหนานหว่านเยียนอย่างนอบน้อมหาใดเปรียบ ก่อนจะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงสั่นเครือขึ้นว่า “ข้าน้อยคารวะพระ…ฮูหยิน คารวะองค์หญิงทั้งสองพระองค์!”

เขาคิดถึงฮองเฮาเหนียงเหนียงอย่างสุดหัวใจจริง ๆ เมื่อสองปีก่อน ฮองเฮาเหนียงเหนียงจากไปไม่กล่าวลาสักคำ ทั้งเขาและเซียงอวี้ต่างทุกข์ระทมใจมาเนิ่นนานแสนนาน จนถึงยามนี้พวกเขาไม่เคยจะลืมคืนวันเหล่านั้นเลย

แยกจากกันนานสองปีแล้ว บัดนี้ได้กลับมาพานพบฮองเฮาเหนียงเหนียงและองค์หญิงทั้งสองพระองค์อีกครั้ง ในใจของเขารู้สึกตื่นเต้นดีใจและซาบซึ้งมากเสียจนมิอาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย มีหลายสิ่งที่อยากจะกล่าวออกไป ทว่าเวลาเพียงเสี้ยวชั่วยามเช่นนี้ สมองของเขาขาวโพลนไปหมด ไม่อาจรวบรวมทั้งหมดออกมาเป็นคำพูดได้เลย

หนานหว่านเยียนประคองให้อวี๋เฟิงลุกขึ้นมาทันใด แววตารื้นแดงเล็กน้อย “อวี๋เฟิง รีบลุกขึ้นมาพูดคุยกันก่อนเถิด”

อวี๋เฟิงลุกขึ้นมาโดยพลัน เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยต่างมองอวี๋เฟิง รู้สึกว่าเขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากทีเดียว ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย

ไม่ทราบด้วยเหตุผลใด สองดรุณีพลันร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมา เกี๊ยวน้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงสารแต่กระนั้นก็ยังเจือด้วยความดีใจที่สุดออกมา “พี่อวี๋เฟิง ที่ผ่านมา เจ้า เจ้าสบายดีใช่หรือไม่?”

ซาลาเปาน้อยก็กระตุกชายเสื้อของอวี๋เฟิง พลางเอ่ยเสียงเบาหวิวว่า “ลูกอมที่ข้ากับพี่หญิงให้เจ้าไปเมื่อคราวก่อน เจ้าได้กินหรือไม่? ไม่ต้องเสียดายหรอกนะ ไว้นานไปเดี๋ยวมันจะเสียเอา?”

เจ้านายน้อยทั้งสองคนยังคงเป็นห่วงและเอาใจใส่ผู้อื่นเหมือนเก่า อวี๋เฟิงยิ่งรู้สึกปวดใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ พยายามไม่ให้ตนเองมีน้ำตาไหลออกมา จากนั้นก็ส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “ข้าน้อยสบายดี ขอบพระทัยคุณหนูทั้งสองท่านที่เป็นห่วง”

แต่นางจะตามกู้โม่หานกลับแคว้นซีเหย่ไปได้อย่างไร นางยิ้มพลางตบไหล่อวี๋เฟิงปุๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยแววตาอ่อนโยน “ใช้ได้เลยนี่ สองปีผ่านไปแล้ว เจ้าก็รู้จักพูดจาล้อเล่นแล้ว”

เอ่ยพลาง นางก็เดินนำดรุณีสองคนเข้าไปในห้องรับรองพิเศษ

อวี๋เฟิงยังคงยืนยิ้มเหยเกอยู่หน้าประตู กู้โม่หานอุ้มอันอันและน่าวน่าวตามเข้าไปด้วยเช่นกัน

เขากวาดตามองอวี๋เฟิงปราดหนึ่ง นัยน์ตาถมึงทึงนั้นเจือด้วยความเยือกเย็นสั่นสะท้าน มองหัวไหล่ของอวี๋เฟิงที่ถูกหนานหว่านเยียนสัมผัสเมื่อครู่อย่างไม่วางตา รอบกายมีไอเย็นเยียบน่าสยดสยองแผ่ซ่านทั่วกาย

หว่านเยียนได้พบหน้าอวี๋เฟิงแล้ว มิหนำซ้ำยังถามไถ่ด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยน ทั้งยังหัวเราะหยอกกันมีความสุข ร้ายแรงกว่านั้นยังลูบไหล่อวี๋เฟิงด้วย เทียบกับเขาแล้ว ต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงๆ

อวี๋เฟิงถูกเขาจ้องจนเหงื่อตก ร่างกายตอบสนองอย่างว่องไว สืบเท้าถอยหลังไปสามก้าวด้วยประหวั่นพรั่นพรึง “ข้าน้อย…ข้าน้อยขอตัวไปช่วยงานที่ห้องครัวนะขอรับ!”

เขาวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนออกไปทันที อันอันน่าวน่าวมองเงาแผ่นหลังของเขาอย่างสนอกสนใจพลางหัวร่อต่อกระซิก “ท่านพ่อ พี่ชายคนนั้นตลกจัง!”

“ทำไม… เขาถึง… ต้องกลัว ท่านพ่อเพียงนี้…ด้วยขอรับ?”

กู้โม่หานแสร้งเลิกคิ้วขึ้นราวกับไม่เข้าใจ นัยน์ตางดงามนั้นหรี่มองเงาแผ่นหลังของอวี๋เฟิงด้วยเช่นกัน ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างหน้าไม่อาย

“หืม ใครจะทราบล่ะ?”

อวี๋เฟิงสัมผัสได้ถึงไอเย็นเยียบน่าสยดสยองด้านหลัง ขนลุกขนชันทั่วทั้งตัว

ฝ่าบาทมีหรือจะไม่ทราบ

ช่างเถิดช่างเถิด ยามนี้เขารีบหลบให้พ้นจากระยะสายตาของฝ่าบาทก่อนดีกว่า เขาไม่น่าลืมเลย ว่าฝ่าบาทขี้หึงรุนแรงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้