จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะอย่างเย็นชา “อยู่ด้วยกันจนผมขาว? บนโลกใบนี้มีใครอยู่ด้วยกันจนผมขาวบ้าง!”
เขานึกถึงความทรงจำที่ไม่ค่อยจะดีขึ้นมาได้ สายตาจึงดูดุร้ายขึ้นหลายส่วน
เฟิ่งชูอิ่งจึงเอ่ยกับเขาว่า “ท่านอ๋องพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะเพคะ บนโลกใบนี้จะไม่มีคนอยู่ร่วมกันยันแก่เฒ่าเลยได้อย่างไร?
“คู่สามีภรรยาที่รักใคร่ปรองดองในใต้หล้ามีตั้งมากมาย พวกเขาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผูกสมัครรักกันไปทั้งชาติ
“เพียงแต่คู่สามีภรรยาแบบนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะประคับประคองกัน ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเสมือภาค
“คู่รักที่ฝ่ายหนึ่งถูกกดให้ต่ำจนไร้ค่ากว่าฝุ่นผงเช่นนั้น ไม่มีวันอยู่ร่วมกันได้ยาวนานอยู่แล้ว เพราะว่าพวกเขาสามารถทอดทิ้งฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย
“คู่สามีภรรยาที่อยู่กันจนแก่เฒ่าได้จริงๆ ทั้งสองคนจะต้องเคียงบ่าเคียงไหล่ ให้ความเคารพฝ่ายตรงข้ามจากใจจริง แล้วก็ไม่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำน้ำใจเพคะ”
นัยน์ตาของจิ่งโม่เยี่ยดูล้ำลึกกว่าเดิม เขาเอ่ยช้าๆ ว่า “เจ้าคิดจะอยู่กับข้าจนแก่เฒ่าหรือ?”
จิ่งโม่เยี่ยมองเขาแล้วกล่าว “ตอนนี้ใช่เพคะ แต่หากท่านอ๋องไม่คิดจะเคารพข้าสักนิด ข้าคิดว่าความรักที่ข้ามีให้ท่านสักวันก็คงจะหมดไป”
จิ่งโม่เยี่ยจ้องนางกลับ สายตาของเขาเปิดเผยสดใส แสงเทียนอบอุ่นภายในห้องตกกระทบร่างของนาง ทำให้นางดูเป็นคนอบอุ่นอ่อนโยนขึ้นหลายส่วนทีเดียว
หากไม่ใช่เพราะเขารู้ดีว่าคำพูดของนางเชื่อถือไม่ได้ เพียงมองสบตาดวงตาคู่นั้นของนางอย่างเดียว เกรงว่าเขาอาจจะหลงเชื่อนางไปแล้ว
เขาแค่นเสียงหึเบาๆ “เด็กเลี้ยงแกะ หากเจ้าชอบข้าจริงๆ คงไม่คิดจะหย่าขาดกับข้าแล้วออกจากเมืองหลวงหรอก”
เขากล่าวจบก็หันมองไปทางถ้วยชาที่วางอยู่บนโต๊ะ
เฟิ่งชูอิ่ง “......”
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ กระแอมไอหนึ่งที “ก็เพราะว่าท่านอ๋องเอาแต่ดุข้าอยู่เรื่อยเลยมิใช่หรือเพคะ ข้าก็คิดว่าท่านอ๋องไม่ชอบขี้หน้าข้าน่ะสิ
“ต่อให้ข้าจะชอบคนคนหนึ่งมากแค่ไหน ก็ไม่คิดจะบังคับให้เขามารักตอบหรอกเพคะ
“ดังนั้นข้าก็เลยคิดว่า ในเมื่อท่านอ๋องไม่มีใจให้ข้า งั้นข้าก็ควรจะมอบตำแหน่งพระชายาอ๋องฉู่ให้ผู้อื่น เติมเต็มความปรารถนาของท่านอ๋อง”
จิ่งโม่เยี่ยเห็นว่าตอนนางพูด ดวงตาของนางหลุกหลิกไม่อยู่กับที่ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าโกหก
จิ่งโม่เยี่ย “......”
นางกล้าลงมือกับเขาเชียวหรือ!
เฟิ่งชูอิ่งยิ้มจนตาหยี “ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องใช้วิธีนี้ทำให้ข้าสลบมาตั้งหลายรอบ ข้าคิดว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีมากเลยเพคะ ดังนั้นครั้งนี้ข้าจะให้ท่านอ๋องได้ลองบ้าง”
นางกล่าวจบก็ใช้สันมือสับหลังคอของเขาเต็มแรง
อ้าว เขาไม่สลบหรือ? งั้นลองอีกที!
เอ๊ะ? เขายังไม่สลบอีก? งั้นลองใหม่!
นางพยายามสับหลังคอเขาอยู่หลายสิบครั้ง แต่เขาก็ยังไม่สลบสักที เพียงแต่ดวงตาดอกท้อของเขาจ้องมองนางอย่างเย็นยะเยือก
เฟิ่งชูอิ่งชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าเป็นเพราะคอของเขาแข็งเกินไป หรือเพราะนางสับไม่ถูกจุดกันแน่

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี