คำพูดตรงไปตรงมาของซูจื่ออวี๋ ทำให้ซูจื่อหยวนและซูจื่อเยียนโกรธมาก
ซูจื่อหยวนที่รักษาลักษณะท่าทางของคุณหนูใหญ่มาตลอด ไม่สามารถต่อปากต่อคำกับซูจื่ออวี๋ได้
แต่ซูจื่อเยียนกลับอดไม่ได้
ซูจื่อเยียนพูดอย่างโกรธเคือง “ซูจื่ออวี๋ เจ้ามันช่างหน้าไม่อายจริงๆ เดี๋ยวก็จับท่านอ๋องรอง เดี๋ยวก็จับอ๋องฉิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าอะไรคือการวิ่งเต้นให้เป็นชายา อะไรคือการสงบเสงี่ยมสำรวมกิริยา ศักดิ์ศรีของพวกข้าตระกูลซูถูกเจ้าทำลายจนหมดแล้ว”
ซูจื่ออวี๋ลูบจอนผมข้างๆ แล้วยิ้มบาง เหมือนไม่ใส่ใจคำด่าของซูจื่อเยียนเลยแม้แต่น้อย
หลังจากซูจื่อเยียนด่าออกมาเพราะความโมโหแล้ว ซูจื่ออวี๋เอามือเช็ดเอวที่เพรียวบางของตัวเองแล้วเอ่ยว่า “น้องสี่ ดูที่เอวข้าสิ มีส่วนเว้าส่วนโค้ง ก็ไม่รู้ว่าท่านอ๋องฉินบุรุษร่างใหญ่เช่นนั้น แต่กลับใส่ใจและรอบคอบ กอดข้าแค่ไม่กี่ครั้งก็สามารถตัดชุดได้พอดีตัวข้า ช่างน่าดีใจจริงๆ เลยว่าไหม”
ซูจื่อเยว่หัวเราะด้วยสีหน้าเหยเก ในใจของนางอยากจะยกยอสักสองประโยค แต่ความอิจฉาในใจกลับทำให้แม้แต่รอยยิ้มของนางก็ยังดูฝืนมาก คำพูดดีๆ ยิ่งไม่สามารถพูดออกมาได้แม้แต่คำเดียว
ทันทีที่ซูจื่ออวี๋ได้ยินเช่นนั้น ก็เดือดดาลจนแทบอยากเข้าไปฉีกชุดของนางเสียเดี๋ยวนี้
นางซูจื่ออวี๋มีอะไรดีนักหนา ถึงทำให้ท่านอ๋องฉินส่งชุดมาให้นางด้วยตัวเอง ไหนจะคำพูดนั้นของนางอีกมันหมายความว่าอย่างไร? หรือจะบอกว่าท่านอ๋องฉินเคยลูบคลำทั้งตัวของนางแล้ว ถึงทำให้เขารู้ขนาดตัวของนาง? นังแพศยา...เหตุใดนังแพศยาคนนี้ถึงได้ไร้ยางอายขนาดนี้
“ซูจื่ออวี๋ เจ้า...”
“หุบปาก โวยวายอะไร” เสนาบดีซูรีบเอ่ยปากตำหนิแล้วพาฮูหยินซูมายืนตรงหน้าทุกคน
ไม่ว่าซูจื่อเยียนจะอิจฉาซูจื่ออวี๋ขนาดนี้ แต่เมื่ออยู่ตรงหน้าเสนาบดีซูก็ยังไม่กล้าเอ่ยปาก ได้แต่ปิดปากแต่โดยดี
เสนาบดีซูมองลูกสาวทั้งสี่คนของตน ก็พยักหน้าอย่างพอใจ สายตาก็มองไปที่ซูจื่ออวี๋แล้วหยุดอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ
รอการอัพเดตอยู่นะคะ...
สนุกมาก รออ่านทุกวัน แต่ลงแค่วันละ 2 ตอน ฮือออออ...
จะเจอไหมนะ...
รอตอนต่อไปค่าาา ลงเยอะๆนะคะ สนุกมากจริงๆ...
หมิงโหลวคือใครกันระ...